เปลือกกับแก่น (3-68)


ในที่สุดแล้ว เราทุกคนควรต้องทำความคุ้นเคยกับ "ความไม่มี"

 

ฉันเบื่อหน่ายและหลีกเลี่ยง... พิธีกรรม/พิธีการเกือบทุกชนิด

ญาติ ๆ และเพื่อนสนิทจะรู้จักฉันดีในแง่มุมนี้

ความจริง ฉันก็...ไม่ได้ต่อต้านสังคมหรือคิดนอกคอกอะไรหรอก

แต่เพราะไม่เห็นความสำคัญ และฉันก็ "เลือก" ได้

ด้วยญาติๆและเพื่อนๆเข้าใจและยอมรับ ไม่ถือสาหาความกับ "นิสัย" ไม่ดีของฉันในข้อนี้

 

แต่บางพิธีการ ก็เลี่ยงไม่ได้ แม้...เบื่อหน่าย แค่ไหน

ตอนเรียนนั้นไม่มีปัญหา เพราะสนุกและมีความสุข (ปนทุกข์เป็นระยะๆ)

แต่พอต้อง "รับปริญญา" ฉันเกิดปัญหาคาใจทุกครั้ง

เบื่อจะตาย เหนื่อยก็เหนื่อย มีแต่เปลือกกระพี้ เสียเวลา...

แต่...ฉันต้องรับปริญญาเพื่อ "ญาติพี่น้อง"

 

ได้แต่บอกตัวเอง...ในวันรับพระราชทานปริญญาฯ

วันที่ทุกคนบอกว่า... เป็นวันที่แสดงถึงความสำเร็จของชีวิต

ฟังแล้วได้แต่ยิ้ม ตอบอยู่ในใจว่า... ความสำเร็จของชีวิตฉัน...ไม่ได้อยู่ที่เรียนจบสักหน่อย

 

ตอนที่...

  * ต้องยืนบนรองเท้าส้นสูงคู่ใหม่ที่คอยจะกัดเท้า แม้จะใส่มาแล้วสองครั้งสองหนตอนซ้อมย่อยซ้อมใหญ่ (โอ...ทำไมต้องซ้อมสองครั้งด้วย ไม่ได้ทำงานตั้ง 2 วัน)

  * ต้องใส่เสื้อ 2 ชั้น ที่มีสัญลักษณ์เป็นบั้งที่บ่าทั้งสองข้าง ที่คอยจะไปเกี่ยวเกาะกับเสื้อคลุมผ้ามุ้ง ซึ่งมีตราของสถาบันอันทรงเกียรติ จะดึงรั้งไปทางซ้ายทางขวาก็ไม่ได้อย่างใจ ต้องระวังอย่าดึงแรง ผ้ามุ้งอาจขาดได้ เกะกะเก้งก้างไปทั้งเนื้อทั้งตัว ว่า...

 

อดทนอีกหน่อยนะ...เดี๋ยวมันก็จะผ่านไปแล้ว...

This too shall past  (คาถาประจำใจ)

 

หลังพิธีการ...

 ที่ต้องปรบมือจนเมื่อยมือ สลับกับการนั่งสัปหงกเป็นระยะๆ

เพราะ ต้องตื่นตั้งแต่ตี 4 ครึ่ง เพื่อมาเข้าแถวรอเข้าหอประชุมให้ทัน 6 โมงเช้า ยังดีทีุ่ไม่ต้องแต่งหน้าทำผมเป็นพิเศษ นอกจากทาแป้งทาปากอย่างรวดเร็ว ผมก็ไม่ต้องทำเพราะทำอย่างไรก็ยังเป็นผมซอยยุ่งๆ เหมือนเดิม เพื่อนบางคนต้องตื่นตั้งแต่ตี 2 โดยจ้างช่างแต่งหน้าทำผมให้มานอนค้างที่บ้าน...(โอ...ช่างอดทน)

 

ฝนโปรย...

ได้การล่ะ... ดีจัง ฉันกระหยิ่มยิ้มย่อง

ก็ฉันชอบ...ฝน....

แต่พอหันมาดูชุดที่ตัวเองสวมใส่อยู่ หากจะเดินกลางฝนพรำอย่างที่ชอบคงไม่เหมาะแล้ว

เลยต้องวิ่งกันอย่างทุลักทุเลทั้งบัณฑิตและญาติหาที่หลบฝน

 

หันไปมองรอบๆตัว ญาติๆอยู่ตรงไหนก็ไม่รู้

ร่มก็ไม่มี โทรศัพท์ก็ไม่มี (ห้ามพกโทรศัพท์เข้าหอประชุม) เพื่อนๆก็ไม่รู้อยู่ไหน

ได้นั่งรวมกลุ่มกับคนอื่นๆที่ไม่รู้จักกันมาก่อน

หิวก็หิว ตั้งแต่เช้าดื่มกาแฟมาแก้วเดียว

ฝนก็ช่างไม่เป็นใจ หยุดๆตกๆเป็นระยะๆ

รอ ๆๆๆๆๆๆ

มองๆไป บางคนกำลังถ่ายภาพกับญาติกับเพื่อน

แต่เราไม่มีทั้งญาติและเพื่อน...

ช่างเป็นบัณฑิตที่น่าสงสารที่สุดในโลก .... คิดพลางยิ้มอย่างปลงๆ

 

ท่ามกลางคนมากมายที่ไม่รู้จักและสถานการณ์ที่ทำอะไรไม่ได้นั้น

ฉันยิ้ม...คิดถึงแม่กับเตี่ย

คนทั้งคู่ที่รักฉันมากกว่าใครในโลกนี้

หากทั้งสองท่านยังอยู่ คงยิ้มหน้าบานและคุยฟุ้งไปอีกหลายวัน

นั่นคือ...ความรักที่หล่อเลี้ยงใจฉันตลอดมา

 

คิดต่อไปอีก...

คนเราก็อย่างนี้แหละ...จะอะไรมากมาย

แม้มีญาติสนิทมิตรสหายคนรอบกายมากแค่ไหน

ในที่สุด...เราก็ต้องอยู่คนเดียว นั่นคือความจริงของชีวิต

ดังนั้นจึงไม่ควรยึดมั่นถือมั่นกับใคร/อะไร จนเกินไป

 

และท้ายที่สุด...

ฉันคิดว่าแม้สถานการณ์จะดูแย่ๆและไม่เป็นใจ

ก็ไม่เลวนะ

เพราะอย่างน้อย... ฉันก็ได้ "ตระหนัก" ถึงอะไรบางอย่างของชีวิต

เห็นความไม่เที่ยงของสถานการณ์ ลมฟ้าอากาศ

เห็นความไม่แท้ของชีวิต มาคนเดียว อยู่คนเดียว และจากไปคนเดียว

เห็นความรัก/เสียสละมากมายของคนรอบตัว

ของพี่ๆที่แม้สุขภาพไ่ม่ค่อยดีก็ยังอุตส่าห์มา

ของหลานๆ ของเพื่อนๆ...

 

และที่สำคัญ... เห็นความสำคัญของ "การไม่มี"

ไม่มีญาติ ไม่มีเพื่อน ไม่มีโทรศัพท์ ไม่มีร่มในยามฝนตก

ในที่สุดแล้ว เราทุกคนควรต้องทำความคุ้นเคยกับ "ความไม่มี"

 

จะว่าไป...

ตอนนี้ฉันกลับรู้สึกขอบคุณ "พิธีการ" ที่เคยไม่ชอบ

ที่ทำให้ฉันตระหนักถึง..."สาระ" บางอย่างที่ไม่เคยได้เห็นมาก่อนในชีวิต

ขอบคุณจริงๆเลย

หมายเลขบันทึก: 495365เขียนเมื่อ 19 กรกฎาคม 2012 21:26 น. ()แก้ไขเมื่อ 5 สิงหาคม 2012 17:01 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (18)

พอมีอายุ + มีประสบการณ์+ ความเป็นผู้ใหญ่ ทางปัญญา ความคิดดีดีก็มามากขึ้นๆ นะคะ

ขอบคุณ บทความดีดีนี้นะคะ

สวัสดีค่ะพี่ Blank Somsri

ขออนุญาตเรียกพี่นะคะ เพราะเป็นศิษย์เก่ามหิดลเหมือนกันค่ะ

ขอบคุณที่แวะมาอ่านและให้กำลังใจค่ะ

ในสถานการณ์ที่เราไม่ชอบไม่คุ้นเคย...น้องคิดว่า มี "บทเรียน" ที่เราควรเรียนรู้อยู่เสมอเลย...พี่ว่าไหมคะ   :)

 

 

  • ในโอกาสแรก ขอแสดงความยินดีด้วยค่ะ
  • แก่นอยู่ในเปลือก พิธีการที่ผ่านไปเป็นรูปแบบหรือเปลือกที่ห่อหุ้มแก่นกระพี้เอาไว้ ถึงอย่างไร แก่นก็ได้ฝังอยู่ภายในเรียบร้อยแล้วค่ะ ผ่านบันทึกที่งดงามนี้
  • ขอบคุณค่ะ

สวัสดีครับ

 

ว่าจะถามเรื่องรับปริญญาอยู่พอดี แต่ก็ลืมๆ ไป

วันนี้ฝนตก อากาศเย็น ถ้าอยู่บ้านก็แสนสุข

แต่อยู่ข้างนอก พาลเบื่อจริงๆ

...

งานรับปริญญา ก็บ่นกันอุบบ้างเหมือนกัน

แต่หลายคนก็ตื่นเต้น ดีใจไม่น้อย

พิธีกรรม ผมไม่ค่อยกังวล

แต่รู้สึกว่าค่าใช่จ่ายจะสูงไปหน่อย

และไม่ค่อยเป็นธรรม โดยเฉพาะร้านให้เช่าครุย

เช่า/ตัด ราคาใกล้กัน 2,000 - 3,000 ออกจะโหดไปนิดหนึ่ง

คิดดูว่าปีหนึ่งร้านค้าได้ค่าเช่า/ตัดครุยเท่าไหร่

ถ้าลดราคาลงมาสักหน่อย ร้านค้าก็ยังอยู่ได้ บัณฑิตก็จ่ายน้อยลง

คงจะดีไม่น้อย นี่ยังไม่นับรวมเสื้อผ้าที่ต้องซื้อใหม่

(หลายคนใช้วันเดียว และค่อนข้างลำบากกระเป๋า)

 

สุดท้าย ขอแสดงความยินดีอีกครั้ง กับ บัณฑิตชั้นเอก คนใหม่นะครับ...

ป.ล. แต่งชุดนี้ดูสมาร์ท มาดคุณครูจังเลย

เอาไว้ดูตอนเป็น สว ครับคุณน้อง

ตอนนี้ไม่มีค่า  ตอนหน้าไม่แน่

รักเธอ เสมอ มิ่งขวัญ - รักกันนิรันดร ไป

 

สวัสดีค่ะคุณBlank Sila Phu-Chaya

ดีใจที่ได้ทักทายกันค่ะ

แต่ก่อนแต่ไรมา จะไม่เคยทนกับเรื่องพิธีการ/พิธีกรรมเลยค่ะ เลี่ยงได้เป็นเลี่ยงทุกครั้ง

คราวนี้ก็ต้องพบเจอทั้งเปลือก กระพี้ และแก่น พร้อม ๆ กัน

ขอบคุณสำหรับถ้อยคำที่ให้กำลังใจนะคะ

 

สวัสดีค่ะคุณครูBlank ธ.วั ช ชั ย

ชอบฝนเหมือนกันค่ะ เพราะอากาศสะอาดสดชื่นและไม่ต้องรดน้ำต้นไม้  :)

ตอนไปที่ท่าพระจันทร์เพื่อจัดหาครุย ก็ไปตามที่อาจารย์ที่สาขาวิชาบอกไว้ นัยว่ามีคุณภาพมาตรฐาน สีของแถบครุยไม่เพี้ยน ตอนแรกก็จะเช่า เพราะไม่มีความจำเป็นต้องใช้ครุยอีก เจ้าของร้านทำหน้าตาประหลาดใจ พร้อมบอกว่า...

อุตส่าห์เรียนป.เอกแล้ว ไม่เห็นมีใครเช่านะครับ แค่ 1,700 บาทเอง เก็บไว้เป็นความภาคภูมิใจน่ะครับ (เสียงสุภาพ แต่หน้าตาเอือมระอา)

ในที่สุดก็เลยต้องจ่ายค่าความภาคภูมิใจไป 1700 บาท ที่ได้ใช้เพียง 3 ครั้ง (ฮา่าาาา)

ร้านเช่าตัดครุย คงคิดว่าเป็นแค่ครั้งเดียวในชีวิต (อาจหลายครั้งสำหรับบางคน) แต่ก็ไม่ใช่บ่อยๆ ที่คนจะต้องใช้เสื้อครุย (มั้งคะ) เหมือน "โลงศพ" ที่เขาก็ไม่นิยมต่อรองราคากัน ร้านว่าเท่าไร ก็เท่านั้น (ไม่ทราบถืออะไร) .... อ้าวไปคนละเรื่องแล้ว

ขอบคุณและน้อมรับความยินดีค่ะ 

ถ่ายรูปมาทีไร มีแต่คนชมว่า หล่อจัง เท่จัง... ฮาาาาา :) แต่ก็ชอบคำชมค่ะ

พี่หญิงปิงจ๋า

คิดเหมือนกันเลยค่ะ แต่พอมาดูภาพแล้วก็

อีกครั้งหนึ่งในชีวิตเนาะครั้ง ไว้ดูยามวัยดึก

บันทึกนี้ได้มุมคิดดี ๆ อีกแล้ว ขอบคุณค่ะพี่สาว

สวัสดีค่ะพี่ Blank คนบ้านไกล

เห็นด้วยค่ะพี่ "ตอนนี้ไม่มีค่า  ตอนหน้าไม่แน่"

เห็นภาพพร้อมเพลงเพราะ ๆ ที่ไม่เคยฟังมาก่อนของพี่แล้ว...ชักจะเห็นความสำคัญและคุณค่าของภาพต่าง ๆ ที่ต้องเก็บไว้แล้วค่ะ

ขอบคุณค่ะ

สวัสดีจ้ะน้อง LA

ใช่แล้วจ้ะ ครั้งหนึ่งในชีวิต... 

รักษาสุขภาพจ้ะ

 

สวัสดีค่ะ

ขอแสดงความยินดีกับความสำเร็จด้วยค่ะ

โดยส่วนตัวไม่ชอบพิธีการเหมือนกันและโชคดีที่ "เลือก" ได้ เพราะตั้งแต่เรียนมาไม่เคยเข้าร่วมพิธีการนี้สักครั้ง แต่เมื่อไม่กี่วันมานี้ เพื่อนชั้น ม หกโพสรูปวันเรียนจบที่เราถ่ายรูปกับเพื่อนในเฟสบุ้ค เพื่อนคนหนึ่งคอมเมนท์ว่า "นี่ถ้าไม่ถ่ายรูปด้วยกันในวันนั้นก็ย้อนกลับไปถ่ายไม่ได้แล้ว" ทำเราอึ้งไปทีเดียว

ขอบคุณบันทึกชวนคิดนี้ค่ะ

คนเราก็อย่างนี้แหละ...จะอะไรมากมาย

แม้มีญาติสนิทมิตรสหายคนรอบกายมากแค่ไหน

ในที่สุด...เราก็ต้องอยู่คนเดียว นั่นคือความจริงของชีวิต

ดังนั้นจึงไม่ควรยึดมั่นถือมั่นกับใคร/อะไร จนเกินไป


เป็นความจริง เชียวค่ะ

สวัสดีค่ะคุณBlank ...ปริม pirimarj...

เห็นจริงดังที่คุณปริมว่าเลยค่ะ เพราะสำหรับบางคน บางเหตุการณ์ หากไม่มีรูปภาพ... ความทรงจำก็ขาดหายไปเลยค่ะ

ส่วนตัวจึงชอบบันทึกภาพค่ะ ไม่ว่าภาพใครหรืออะไร

ขอบคุณที่ให้ข้อคิดดี ๆ ค่ะ  :)

สวัสดีค่ะพี่Blank ภูสุภา

ยินดีที่พี่มาทักทาย หวังว่าพี่คงสบายดีนะคะ

รักษากายใจค่ะ  :)

ความมีเกิดจากความไม่มี ความไม่มีเกิดจากความมีครับ

สวัสดีค่ะคุณ Blank พ่อน้องซอมพอ

ลึกซึ่งอย่่างยิ่ง...  "ความมีเกิดจากความไม่มี ความไม่มีเกิดจากความมี"

:)

มาร่วมแสดงความยินดีกับความสำเร็จตามที่ปรารถนาค่ะ ดีใจจริงๆ ภาพสวยยิ้มใสนะคะ

ต้องขอโทษพี่Blank krutoom ด้วยนะคะี่ที่เพิ่งมาเห็น

มองดี ๆ จะเห็นความเหนื่อยและเบื่อเล็กๆ ในรอยยิ้มด้วยนะคะ...ฮาาาา

 

ไม่อนุญาตให้แสดงความเห็น
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท