เมื่อครบครึ่งภาคเรียน ๑/๒๕๕๕ แล้วก็ย่อมต้องมีการทดสอบกลางภาค
ระหว่างภาคเรียนนั้น ผมยังคงใช้กิจกรรมวีิดิทัศน์ "ตัวอย่างของคนมีคุณค่า"
และ "คุณหมอพงศ์ศักดิ์ ตั้งคณา" เช่นเคย
เมื่อกิจกรรมในห้องเรียนผ่านไป
ผมจะออกข้อสอบอัตนัยข้อหนึ่งที่จะถามถึง "ผล" ต่อเนื่อง
จากสิ่งที่ผมต้องการทราบว่า เขาได้นำสิ่งที่ได้ไปใช้จริงหรือไม่
หรือเขาได้เปลี่ยนแปลงอะไรในตัวเขาไปบ้างหรือไม่
คำถามจึงเป็นทำนองว่า หลังจากการชมวีดิทัศน์ นักศึกษาคิดว่า
มีอะไรที่นักศึกษาคิดว่าตัวเองเปลี่ยนแปลงไปบ้าง?
(และอีกไ่ม่กี่วัน หลังการสอบกลางภาคก็เป็น "วันแม่"
เป็นช่วงเวลาที่นักศึกษาจะได้กลับบ้าน)
นักศึกษาคนหนึ่งเขียนบรรยายมาอย่างซื่อ ๆ แต่ชวนอ่านว่า ...
จากที่รับชมวีดิทัศน์การสัมภาษณ์ของ พ.อ.นพ.พงศ์ศักดิ์ ตั้งคณา นั้น
ประเด็นหลัก ๆ ที่ทำให้ข้าพเจ้าคิด คือ "แม่"
ข้าพเจ้าไม่ได้เป็นคนเที่ยวเตร่อะไรหรอกค่ะ
แต่ที่ทำให้คิด คือ "การพูดกับแม่"
หนูทุกวันนี้เช่าหออยู่ ครอบครัวมี ๔ คน คือ พ่อ แม่ น้อง
พ่อกับแม่เปิดร้านอาหารตามสั่ง ส่วนน้องศึกษาอยู่ ม.๕
ส่วนหนูต้องทำงานพาร์ทไทม์หลังเลิกเรียน
เพื่อแบ่งเบาภาระแม่ในเรื่องค่าหอ
ประเด็นอยู่ตรงที่ว่า หนูไม่ค่อยได้กลับบ้าน
แล้วแม่มักจะโทรมาคุยเรื่องปัญหาต่าง ๆ
ประมาณว่า อยากให้กลับบ้านมั้ง
ก่อนหน้านี้หนูมักจะคิดว่า "หนูเหนื่อย ทั้งเรียนทั้งงาน
เวลาพักไม่ค่อยจะมี อาทิตย์หนึ่งหยุดงานได้แค่ครั้งเดียว
แบบขอพักอยู่สบาย ๆ ไม่ได้เหรอ"
แต่พอเมื่อได้ชมวีดิทัศน์ของการสัมภาษณ์ของ พ.อ.นพ.พงศ์ศักดิ์ ตั้งคณา
และจากที่อาจารย์ (หมายถึงผม) เล่าให้ฟังว่า
เคยเปิดให้นักศึกษารุ่นหนึ่ง แล้วนักศึกษาคนนั้นกลับบ้านไปกราบเท้าแม่
แต่แม่ตัวเองเกิดอุบัติเหตุเสียชีวิต
ทำให้ข้าพเจ้าคิดว่า "แม่คงอยากเห็นหน้าลูก อยากพูดคุย"
และข้าพเจ้าเริ่มสังเกตว่า "เมื่อกลับบ้านแม่มักจะซื้อนั้นซื้อนี่
ทำอาหารที่เราชอบมาให้ทาน แม่คงมีความสุขที่ได้อยู่กับหนู"
แต่หนูกลับคิดว่า "สิ่งที่แม่ทำให้มันเป็นสิ่งที่แม่ต้องทำ"
แต่ไม่เป็นอย่างนั้นเลย เมื่อข้าพเจ้าลองนั่งคิดดูแล้ว
สิ่งที่แม่ทำนั้น "ทำด้วยรัก"
ความคิดของหนูตอนนี้เหรอค่ะ หลังจากฟังอาจารย์เล่า คือ
"กลัวไม่มีแม่ค่ะ"
ทุก ๆ วันนี้ ข้าพเจ้าจะโทรหาแม่มากขึ้น
น้ำเสียงแม่รู้สึกสดชื่นมากเวลาคุยกับหนู
(พ่อก็โทรมาฟ้งว่า น้อยใจแม่ว่า แม่คุยกับพ่อไม่ดีเท่าหนู)
ขอบคุณอาจารย์มาก ๆ นะคะที่ทำให้หนูเห็นความรักของแม่อย่างชัดเจน
ถือเป็นความสำเร็จเล็ก ๆ ที่สามารถเปลี่ยนความคิดจากเด็กคนหนึ่ง
ที่ไม่เคยสนใจความรู้สึกของแม่ เป็น เอาใจใส่ความรู้สึกของแม่มากขึ้น
มันสะท้อน "ความสุขของแม่" จากชิ้นงานที่เราได้อ่านผ่านมา
ใช่หรือไม่ครับ ;)...
บุญรักษา ลูกที่ดีทุกท่านครับ ;)...
ยินดีและปลาบปลื้มไปด้วย
สวัสดีค่ะท่าน Lect. Wasawat Deemarn หวังว่าท่านคงจะสบายดีนะคะ
ได้อ่านบันทึกแล้วค่ะ ดีใจที่ลูกได้เห็นความสำคัญของแม่ คือความสุขของแม่
ขอเป็นกำลังใจให้ค่ะ ขอดอกไม้ใ้ห้ครูทิพย์ในวันแม่บ้างนะคะ ซึ่งไม่มีแม่แล้ว
ขอบคุณมากครับ คุณหมอเล็ก ภูสุภา ;)...
ผมได้นำดอกไม้ไปมอบให้กับคุณ ครูทิพย์ แล้วนะครับ
ขอบคุณมากครับ ;)...
เป็นเหมือนน้องคนนี้เหมือนกันค่ะ
เวลากลับบ้านแม่ชอบทำโน่นทำนี่ให้ทาน ทาน ทาน จนต้องบอกแม่ว่าที่โน่นก็มีขายเยอะแยะเลยไม่ต้องทำหรอก แต่ที่ไม่ได้คิดคือ ของขาย ไม่ได้ปรุงจากความรักของแม่และเราควรให้โอกาสแม่ได้ทำสิ่งที่อยากทำเพื่อเราบ้างเพื่อให้แม่ได้รู้สึกดีเช่นกัน
ขอบคุณค่ะ
จริงค่ะแม่ชอบทำอะไรให้ทานบ่อย ๆ แต่เราคิดว่าเป็นหน้าที่ซึ่งเป็นคำตอบที่ถูกแต่ไม่ใช่ ขอบคุณที่ทำให้หลายคนฉุกคิดถึงแม่
..อ่านแล้ว..คิดถึงวันนั้น..กับแม่..(น้ำตาตกใน)..เมื่อไม่มีแม่..(อยากมี..แม่..เหมือนเดิม..อืออออ.ๆๆๆ...)"..เพราะ..คำว่า"อยาก"..คำเดียว..ทำให้ลูกไม่ได้เห็น..วันสุดท้าย.."ของแม่"...(ยายธี)
อาจารย์นพลักษณ์ ๙ Sila Phu-Chaya กล่าวได้ถูกต้องทุกประการครับ
ขอบคุณมากครับ ;)...
อาจารย์ ...ปริม pirimarj... กล่าวเสียผมขนลุกเลยครับ
"อาหารปรุงจากความรักของแม่" มีหนึ่งเดียวในโลกสำหรับเรานะครับ
ขอบคุณครับ ;)...
ขอบคุณและยินดีมากครับที่คุณครู สเร็นเหลา มาเยือนบันทึกนี้ ;)...
ขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งกับวันคืนที่ผ่านมานะครับ คุณ ยายธี ...
อ่านไปยิ้มไปค่ะ หนูก็คงต้องให้ได้ อย่างหนูคนนั้น คุยกับแม่ให้มากขึ้น...
งั้นขอส่งกำลังใจไปให้คุณ หนูณิชน์ ให้ทำให้สำเร็จนะครับ ;)...
ขอบคุณมากครับ
อ่านแล้ว รู้สึกดีจัง
กล้วยไม้กอน้อยๆ คงเติบแกร่งจากภายใน
ที่ได้สัมผัส "รักของแม่" ที่ไม่ใช่เพียงแค่หน้าที่
ยินดีกับความสำเร็จเล็กๆ แต่ยิ่งใหญ่ของครูนะคะ
ขอบคุณค่ะ
ขอบคุณมากครับ คุณ Tawandin ;)...