"น้องเบญจ์โตขึ้นหนูอยากจะเป็นอะไร ?" ฉันถามหลานสาวลูกคนเดียวของน้องชาย
"หนูจะเป็นเชฟ" น้องเบญจ์ตอบด้วยความมั่นใจ
"หนูมีเหตุผลอะไรถึงอยากเป็นเชฟ หนูไปดูเชฟคนไหนทำอาหารในรายการโทรทัศน์แล้วหนูชอบหรือประทับใจหรือเปล่าคะ" ฉันสงสัยจริง ๆ
"หนูอยากจะทำอาหารอร่อย ๆ ให้ป๊ากับแม่กิน ป๊ากับแม่จะได้มีสุขภาพที่แข็งแรง" น้องเบญจ์ตอบอย่างฉะฉาน
น้องเบญจ์วัย ๑๑ ขวบ ไม่ชอบนุ่งกระโปรง รูปร่างสูงโปร่ง ชอบว่ายน้ำ เป็นเด็กมีน้ำใจ เป็นที่รักของเพื่อน ๆ เป็นแก้วตาดวงใจของพ่อแม่ และเป็นที่รักของพี่ป้าน้าอา
วันหยุดน้องเบญจ์มักไปเลี้ยงน้อง (ลูกพี่ลูกน้อง) นาน ๆ ครั้งจึงจะตามป๊าจิรวัฒน์ น้องชายของฉันมาเยี่ยมอาม่าที่บ้านใหญ่
วันอาทิตย์ที่ผ่านมา (๑๙ สิงหาคม ๒๕๕๕) ฉันมีโอกาสพบและพูดคุยกับหลานสาวคนนี้อย่างจริงจัง ทำให้เห็นความงดงามในจิตใจ ความกตัญญูที่หาได้ยากแม้แต่ฉันเองยังรู้สึกอายหลาน
น้องชายและน้องสะใภ้เล่าให้ฟังว่า ทุกครั้งที่ป๊ากับแม่ไม่สบายน้องเบญจ์จะคอยเคียงข้าง หายาให้กิน ช่วยนวดจนทุเลา เวลาที่ป๊าไม่สบายน้องเบญจ์จะเป็นห่วงจนเรียนหนังสือไม่รู้เรื่อง ถ้าป๊าเป็นมาก ๆ เธอก็จะร้องไห้สงสารป๊า ขณะที่ป๊าขับรถหากบ่นว่าเมื่อยเธอก็จะช่วยนวดให้ทันทีโดยไม่ต้องบอก
น้องชายเล่าให้ฟังว่า ช่วงที่น้องเบญจ์อายุ ๒ ขวบเศษก็เริ่มเหยียบนวดหลังให้ป๊าเมื่อป๊าเมื่อย ครั้งหนึ่งเหยียบพลาดล้มลงจมูกฟาดกับขอบเตียงจนปีกจมูกฉีก ร้องไห้ด้วยความเจ็บปวด ป๊าต้องรีบพาไปเย็บแผลที่คลินิกใกล้บ้าน หากแต่น้องเบญจ์ก็ยังไม่เข็ดยังคงทำหน้าที่เป็นหมอนวดประำจำครอบครัวต่อไป
ฉันถามว่าน้องเบญจ์ไปเรียนรู้วิธีนวดมาจากไหน เธอเล่าว่าครั้งหนึ่งเธอเคยไปเป็นเพื่อนคุณลุงที่ไปนวดแล้วเห็นวิธีการนวดของหมอนวดแผนไทย เธอจึงจำไว้ แล้วก็นำมาปรับใช้กับป๊าและแม่ และก็พัฒนาถึงขั้นนวดฝ่าเท้า
ช่วงนี้น้องเบญจ์พยายามศึกษาข้อมูลการทำขนมที่น่าสนใจเพื่อป๊าและแม่ ล่าสุดเธอก็ทำไอศกรีมทอด และใฝ่ฝันจะทำอาหารแปลก ๆ ให้คนที่เธอรักได้รับประทาน
ป๊านัองเบญจ์เป็นลูกคนที่ ๙ ในจำนวนพี่น้อง ๑๐ คน (ส่วนฉันเป็นลูกคนที่ ๗) ทุกคืนวันเสาร์น้องชายคนนี้จะพาแม่และพี่ ๆ ไปทำวัตร ฟังธรรมที่วัดธารธรรมใกล้บ้าน เวลามาบ้านก็จะมากราบเท้าแม่เป็นประจำเป็นแบบอย่างที่ดีให้พี่ ๆ ได้ทำตาม
ทุกวันนี้แม่น้องเบญจ์ก็กราบเท้าน้องชายฉันทุกคืนก่อนนอน ส่วนน้องเบญจ์ก็กราบเท้าป๊าและแม่ก่อนนอนทุกคืนเช่นกัน
ช่วงหลังน้องชายฉันสนใจปฏิบัติธรรมมากขึ้น หันมากินอาหารมังสวิรัติและมีความคิดอยากจะบวช แถมยังสอนลูกสาวคนเดียวสวดมนต์และท่องคาถาชินบัญชรได้จบ
ฉันถามน้องเบญจ์ว่า "ถ้าป๊าหนูบวชหนูจะว่ายังไง หนูจะให้บวชไหม ?" น้องเบญจ์ตอบว่า "หนูไม่อยากให้ป๊าบวช หนูคิดถึงป๊า โตขึ้นหนูจะให้ป๊าบวชแล้วอยู่ที่บ้าน หนูจะสร้างกุฏิให้ป๊าอยู่ หนูจะได้ดูแลป๊า"
น้องเบญจ์ประกาศตัวว่าชีวิตนี้จะไม่แต่งงาน เพราะต้องการดูแลป๊ากับแม่ให้มีความสุข
ฉันแกล้งถามน้องเบญจ์ว่า "ต่อไปถ้าโกวหน่อยแ่ก่ ๆ น้องเบญจ์อย่าลืมเลี้ยงดูโกวหน่อยด้วยนะ"
น้องเบญจ์ตอบชนิดที่ว่าคนฟังหัวเราะไม่ออก
"ชาติหน้าก่อนโกว ชาตินี้หนูขอดูแลป๊ากับแม่ก่อน"
ขณะที่วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเจริญอย่างเร่งรุด เด็ก ๆ ติดเกมเล่นเฟซบุ๊ค ติดเพื่อนไม่สนใจพ่อแม่ แต่กลับมีเด็กผู้หญิงคนหนึ่งที่ใช้ไอแพคเพื่อค้นหาสูตรอาหารแปลก ๆ และน่าสนใจเพื่อทำให้พ่อแม่รับประทานในช่วงวันหยุด นับเป็นแบบอย่างทางความคิดที่งดงามที่น่าเชิดชู และในวันนี้น้องเบญจ์สามารถทำหน้าที่ลูกได้อย่างสมศักดิ์ศรี ทำให้พ่อแม่ภาคภูิมิใจ
"...ยามมีกิจหวังให้เจ้าเฝ้ารับใช้
ยามป่วยไข้หวังให้เจ้าเฝ้ารักษา
ยามถึงคราวล่วงลับดับชีวา
หวังให้เจ้าปิดตาเวลาตาย..."
...............................................................................................
ธรรมทิพย์
๒๐ สิงหาคม ๒๕๕๕
น่ารักจังเลยนะคะ
หลานสาวน่ารัก....เพราะป๊ากราบเท้าคุณย่าบ่อยๆ นี้เองครับ
ชื่นชมผู้ใหญ่ที่ให้การดูแล อบรมสั่งสอนให้คิดดี ปฏิบัติดี ด้วยค่ะ