๑๔๐. Reflection of My Life : น้ำค้างประกายชีวิต


 

ย่างเข้าสู่ฤดูหนาวแล้ว
กลางคืนยาวนานกว่ากลางวัน 
ท้องฟ้ายามค่ำคืน
เริ่มสดใส ไร้เมฆหมอก อากาศเริ่มเย็น 
เผยให้เห็นดาวส่องแสงวิบวับ
กระจายอยู่เต็มฟากฟ้า 

ต้นข้าว
งอกงามดังพรมสีเขียวเต็มทุ่ง
ไม่นาน 
ภายในอีกสองเดือนข้างหน้า
ก็จะออกรวงและแก่พร้อมเกี่ยว
เปลี่ยนผืนนาเป็นทุ่งสีทอง
อร่ามตา

หยาดน้ำค้าง ล้อแสงตะวันยามเช้าเป็นเม็ดพราวอยู่บนใบข้าว ราวกับผืนดินได้ค่อยๆกลั่นความสงบเยือกเย็นจากแสงจันทร์และสายลมยามค่ำคืน ออกมาเป็นความสดใสของเม็ดน้ำค้าง แล้วรอมอบให้เป็นพลังการเริ่มต้นชีวิตในทุกยามเช้า เพื่อได้มีกำลังบากบั่นฝ่าฟันความหนาวเย็น สะท้อนแสงตะวัน เหือดหายกลืนกลายไปกับสายลมและแดดอุ่น สอดแทรกบางเบาเป็นส่วนหนึ่งของสรรพสิ่ง กลับมาอีกครั้งในยามเช้าของทุกวัน

ประกายสดใส ของหยาดน้ำค้างที่พราวอยู่บนใบข้าว สะท้อนแสงตะวันและโลกรอบข้าง ทำให้แว่วทำนองเพลง Reflection of My Life ของวง Marmalade

เพลงนี้เป็นเพลงในแนว Pop Rock แต่ง เล่น และร้องต้นฉบับโดยวง Marmalade ของสก๊อตแลนด์เมื่อช่วงทศวรรษ ๑๙๖๐ เป็นเพลงที่เชื่อได้เลยว่าคนฟังเพลงสากลแทบทุกรุ่นวัย จะรู้จักนำมาเล่นและร้องเพื่อซาบซึ้งทั้งความหมาย พลังดนตรี ความอลังการของอุปมาโวหารกวี และตำนานเรื่องราวของวง Marmalade จากสก๊อตแลนด์

เพลง  Reflection of My Life นี้ นอกจากจะครองใจคนฟังเพลงและขึ้นอันดับ ๑ อยู่ในรายการเพลงชั้นนำของโลก ทั้งในยุโรป อังกฤษ อเมริกา รวมไปจนถึงญี่ปุ่นในช่วงทศวรรษ ๑๙๗๐-๑๙๘๐ จนสร้างสถิติหลายอย่างแล้ว เพลงนี้ก็มักจะถูกนำไปใช้ในภาพยนต์ รายการทีวี รายการวิทยุ และกิจกรรมเชิงวัฒนธรรมมวลชนที่เด่นดังและได้รับความนิยมระดับโลกอยู่เป็นระยะๆกระทั่งถึงปัจจุบัน จึงเป็นบทเพลงที่ดังอย่างอมตะมาจนถึงทุกวันนี้

จึงไม่เกินจริงเลย หากจะกล่าวว่า เพลงนี้เป็นหนึ่งในปรากฏการณ์วัฒนธรรมมหาชน  (Worldwide Mass-Culture) ที่สามารถสร้างประสบการณ์ทางจิตวิญญาณในหมู่คนทั่วโลกข้ามหลายรุ่นวัย ให้ร่วมยุคสมัยทางดนตรีเดียวกั
 

การแสดงสดของ Marmalade ในช่วงทศวรรษ ๑๙๗๐ ท่านผู้อ่านจะเห็นได้ว่า Junior Campell สมาชิกยืนริมซ้ายสุดของภาพ กำลังยืนโซโลนำด้วยการเล่นกีตาร์กลับข้างกับคนอื่น เป็นการเล่นดนตรีให้เป็นปฏิบัติการเชิงสัญลักษณ์และความหมายของ Reflection สื่อสะท้อนทรรศนะต่อสังคม ชีวิต และต่อโลกรอบข้างไปในตัว

 

นอกจากเนื้อหาและความหมายที่กระทบใจ สะท้อนการแสวงหาความหมายชีวิต และเสริมสร้างพลังการเปลี่ยนแปลงให้กับผู้คนแล้ว ลูกเล่นของเพลงนี้ที่มักได้รับการกล่าวถึงก็คือ การเปลี่ยนรูปแบบและฉีกแนวการโซโลในเพลง ชนิดที่เรียกว่า หากเป็นการพัฒนาสังคม ก็เป็นการเปลี่ยนแปลงอย่างถอนรากถอนโคนไปถึงระดับกระบวนทัศน์ สร้างระบบโครงสร้าง และวิถีปฏิบัติในชีวิตประจำวันใหม่ๆให้เกิดขึ้นกันเลยทีเดียว โดย Junior Campell มือกีตาร์ของวง Marmalade นี้ เล่นกีตาร์กลับข้างอย่างแหวกแนวจากที่ยุคนั้นเขาทำกัน 

วิธีที่คนทั่วไปเล่นกีตาร์นั้น มือซ้ายเขาจะจับคอร์ดและใช้มือขวาดีดสายกีตาร์ แต่ของ Junior Campell วง Marmalade ที่คิดอารมณ์เพลงนี้ กลับสลับเป็นใช้มือขวาจับคอร์ดและใช้มือซ้ายตี  เมื่อจับกลับทาง ด้านล่างของกีตาร์จึงหันกลับขึ้นบน หากต้องการระบบเสียงเหมือนเดิมก็ต้องตีคอร์ดกลับทางกับคนอื่น จังหวะที่ควรสบัดมือลงก็ต้องงัดขึ้น ที่ต้องงัดขึ้นก็ต้องสบัดมือลง แต่เมื่อสบัดมือในแบบปรกติ ระบบเสียงคอร์ดกีตาร์ที่เล่นก็จะออกมากลับตาลปัดกับเสียงที่คนทั่วไปเล่น  

จากนั้น แคมเปลล์ก็ใช้วิธีตีคอร์ดกีตาร์โปร่งกลับข้างนี้ เล่นโซโลเป็น Intro ขึ้นเพลง ซึ่งในยุคนั้น โดยทั่วไปแล้วขนบการโซโลนั้นจะเห็นมีอยู่แต่กลางเพลง แต่ในเพลง Reflection of My Life นี้ เรากลับจะได้เห็นการขึ้นต้นเพลงด้วยการโซโลคอร์ดถึง ๔ ห้องๆละ ๔ จังหวะ หรือจังหวะเต็ม ๔/๔ จึงรวมเป็น ๑๖ จังหวะ หากท่านทดลองฟังเพลงในรูปแบบที่ ๑ ดังลิงก์ข้างล่าง หรือคลิ๊กลงไปบนภาพการแสดงของวง Marmalade ข้างบน ซึ่งเล่นด้วยวิธีนี้ ก็จะพบว่าเสียงกีตาร์ของวงนี้มีเสียงวาววาวขวับขวับ ราวกับมีเครื่องทำเสียงพิเศษซึ่งในยุคนั้นยังไม่มี

ผู้ที่แกะเพลงหรือเล่นเพลงโดยไม่ทราบวิธีเล่นที่ใช้ในเพลงนี้ เมื่อเล่นเทียบดูแล้ว ก็จะเล่นได้เพียงคล้ายๆกับจะเป็นคอร์ดเดียวกันเท่านั้น แต่ไม่สามารถเล่นได้ตรงกับอารมณ์เพลงเสียทีเดียว โดยที่ก็จะไม่ทราบเลยว่าเพลงนี้เล่นด้วยคอร์ดอะไรกันแน่ หากท่านลองคลิ๊กฟังรูปแบบที่ ๒ หรือคลิ๊กลงบนภาพการแสดงของวง Marmalade ก็จะพบว่า เมื่อไม่ได้ตีคอร์ดและเล่นกีตาร์แบบกลับข้างนั้น แม้แต่เจ้าตัวและวงต้นแบบของเพลงนี้เองก็ไม่สามารถเล่นได้เหมือนตัวเองอีกด้วย

ในประเทศไทยนั้น ก็มีคนที่เล่นกีตาร์แบบนี้ได้ คือ ทองกราน ทานา สมาชิกวงคาราวาน เล่นโดยไม่กลับสายกีตาร์เลย ทั้งระบบ ทั้งการคิด การเล่น และเสียงที่ได้ จึงกลับทางต่างจากทั่วไปทั้งหมด การทำสิ่งต่างๆเพื่อสร้างผลที่ได้ให้เหมือนกัน รวมทั้งสามารถสร้างมิติส่วนรวมไปด้วยกันได้อย่างงดงาม โดยที่กระบวนการคิดและวิถีปฏิบัติ กลับมีหลากหลายและเพิ่มความแตกต่างขึ้นมาได้อีกนั้น เป็นความสร้างสรรค์ที่น่าทึ่ง

ดังนั้น นอกจากเป็นความพิเศษของศิลปะดนตรีแล้ว เนื้อหาเพลงและดนตรีของเพลงนี้ก็สื่อถึงความมีพลังชีวิต สะท้อนความหมายร่วมกับผู้คน สังคม และโลกรอบข้าง เปลี่ยนแปลง สร้างความแตกต่าง  สร้างลีลาและท่วงทำนอง ให้เป็นความงดงาม กลมกลืนไปด้วยกันทั้งสิ่งใหม่และเก่า มีชีวิต
 

การแสดงสดของ Marmalade ในช่วงทศวรรษ ๒๐๑๐ เล่นกีตาร์และโซโลนำแบบทั่วไป  วิธีเล่น กับการให้อารมณ์เพลง จะเป็นคนละแบบกับการเล่นกลับข้าง

 

      ลองฟังแบบที่ ๑     ฟังความแตกต่างของการเล่นและโซโลกีตาร์กลับข้าง เมื่อทศวรรษ ๑๙๗๐  
      Reflection of My Life ... 
http://www.youtube.com/watch?v=79NiN7ISW7E
      ลองฟังแบบที่ ๒   การเล่นและโซโลกีตาร์แบบปรกติ อีกกว่า ๔๐ ปีต่อมาในทศวรรษ ๒๐๑๐  
     Reflection of My Life ... 
http://www.youtube.com/watch?v=0ZzM1XlLpLU&feature=related

 

Reflections of My Life
วง Marmalade


The changing of sunlight to moonlight.
Reflections of my life. Oh how they fill my eyes.
The greetings of people in trouble. 
Reflections of my life. Oh how they fill my eyes.

Chorus :
All my sorrow, sad tomorrow, oh, take me back to my old home.
All my crying, feel I'm dying, dying, take me back to my old home.

I'm changing, arranging.
I'm changing.I'm changing ev'rything oh ev'rything around me.
The world is a bad place a bad place a terrible place to live. 
Oh, but, I don't wanna die!

All my sorrow, sad tomorrow, oh, take me back to my old home.
All my crying, feel I'm dying, dying, take me back to my old home.
All my sorrow, sad tomorrow, oh, take me back to my old home.
All my crying, feel I'm dying, dying, take me back to my old home.

 

Reflections of My Life
ใคร่ครวญ หาสิ่งสะท้อนความหมายแห่งชีวิตฉัน

 ถอดความ : วิรัตน์ คำศรีจันทร์

 

แสงตะวัน
เปลี่ยนผ่านเป็นแสงจันทร์ 
ชวนให้คิดต่อหนทางแห่งชีวิตฉัน
โอ ถักทอเป็นความมุ่งหวัง สะท้อนดวงตาของฉันได้อย่างไร
การมุ่งเกื้อหนุนต่อ
ผองชนผู้ทุกข์ยาก ชวนให้คิดต่อความหมายแห่งชีวิต
โอ กอปรขึ้นเป็นดวงตาการมองโลกของฉัน

ความจมอยู่ในกองทุกข์
พรุ่งนี้ฤาก็มีแต่เรื่องน่าเศร้า
โอ นำพาฉันให้หวนคำนึงถึงถิ่นฐานบ้านเมืองตนเอง
ความเสียใจคร่ำครวญประหนึ่งฉันกำลังตายไป ตายไป
โอ นำพาฉันให้หวนคำนึงถึงถิ่นฐานบ้านเมืองตนเอง

ฉันลงมือเปลี่ยนแปลง, จัดเสียใหม่
เปลี่ยนแปลง เปลี่ยนแปลงทุกสิ่งอย่าง
โอ ทุกสิ่งที่แวดล้อมตัวฉัน

โลกช่างดูเลวร้าย ช่างดูเลวร้าย
เต็มไปด้วยความทุกข์ยาก 
โอ แต่ฉันก็ไม่ควรต้องตายหนีหายไป

ความจมอยู่ในกองทุกข์ พรุ่งนี้ฤาก็มีแต่เรื่องน่าเศร้า
โอ นำพาฉันให้หวนคำนึงถึงถิ่นฐานบ้านเมืองตนเอง
ความเสียใจคร่ำครวญ ประหนึ่งฉันค่อยตายไป กำลังค่อยตายไป
โอ นำพาฉันให้หวนคำนึงถึงถิ่นฐานบ้านเมืองตนเอง

ความจมอยู่ในกองทุกข์ พรุ่งนี้ฤาก็มีแต่เรื่องน่าเศร้า
โอ นำพาฉันให้หวนคำนึงถึงถิ่นฐานบ้านเมืองตนเอง

ความเสียใจคร่ำครวญ
ประหนึ่งค่อยตายไป กำลังค่อยตายไป
(อย่างว่างเปล่า)
โอ นำพาฉันให้หวนคำนึง
ถึงถิ่นฐานบ้านเมืองตนเอง
.

 

ขอน้อมคารวะกันด้วยดนตรีและบทเพลงขับกล่อม ให้ทุกท่านมีความสุข ได้ฟังเพลง และได้ทบทวนชีวิต กระทั่งเห็นดนตรีและบทเพลงที่สะท้อนความหมายแห่งชีวิตตนเอง หลั่งไหลออกจากหัวใจ สู่เส้นทางชีวิต การงาน ผู้คน สังคม แมกไม้ ดวงดาว แสงตะวัน แสงจันทร์ สายลม ส่องสะท้อนแวววาว สดใส รื่นรมย์ เบิกบาน ประหนึ่งหยาดน้ำค้างยามเช้าเม็ดเล็กๆทุกเม็ด 

.............................................................................................................................................................................

ถ่ายภาพ :               วิรัตน์ คำศรีจันทร์ 
วันเวลา สถานที่ :     บ้านห้วยส้ม สันป่าตอง เชียงใหม่  ๑๖ ตุลาคม ๒๕๕๕
กล้องและเทคนิค :   กล้อง Kodak Easy Share แสงธรรมชาติ เวลา ๐๖,๐๐ น.
เทคนิคเลนส์ :          ECU : Extreme Close-up
กราฟิคและภาพประกอบบทความ : ภาพกราฟิคเป็นภาพตบแต่งจากภาพถ่ายต้นฉบับของคุณแสงแห่งความดี  และภาพถ่ายการแสดงสดของวง Marmalade ที่ใช้ในบันทึกนี้ เป็นภาพถ่ายหน้าจอจากคลิปแสดงสดของวง Marmalade  บันทึกเป็นภาพนิ่งโดยผู้เขียน

 

หมายเลขบันทึก: 505921เขียนเมื่อ 17 ตุลาคม 2012 12:08 น. ()แก้ไขเมื่อ 13 กันยายน 2013 23:14 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (16)

แสงและเงาสวยมากๆ ผมไม่เคยฟังวงนี้เลย สงสัยเกิดไม่ทัน 555 ขอไปฟังก่อนนะครับ ปกติฟังแต่ wind of change 555

สวัสดียามเที่ยงค่ะอาจารย์ที่เคารพ

ช่างเป็นการย่อยอาหารที่มีความสุขเสียนี่กระไร

จากน้ำค้างวาววับบนใบข้าว ดูเหมือนล่องลอยเพ้อฝันไม่มีอะไร สะท้อนกลับถึงการพัฒนาชีวิต ถิ่นฐาน สังคมบ้านเมือง

ขอบพระคุณค่ะ

สวัสดีครับอาจารย์ขจิตครับ  กระหยองกระแหยงไปถ่ายภาพมาฝากให้อาจารย์กับทุกท่านได้ชมแต่เช้าเลยนะครับเนี่ย อากาศชักจะเย็นๆแล้วครับ น้ำค้างก็เริ่มลงหนาแน่น เลยได้ภาพเริ่มย่างเข้าหน้าหนาวนี้มาฝากกันน่ะครับ เพลง Reflection of My Life นี่ มาก่อนรุ่นอาจารย์นานเลยละครับ

สวัสดีครับคุณหมอธิรัมภาครับ
คราวนี้เอารูปสวยๆมาฝากแล้วก็ชวนฟังเพลงม่วนๆนะครับ  ตอนนี้น้ำค้างยังไม่หนาแน่นมากครับ แต่ต้นข้าวกำลังเขียวและสวยมาก อีกสักพักหนึ่งอากาศของหนาวมากกว่านี้และน้ำค้างก็น่าจะเยอะกว่านี้ ทางอีสานก็คงหนาวแล้วใช่ไหมครับ แต่พรรคพวกทางกรุงเทพฯบอกว่ายังร้อนตับแล่บไม่แตกต่างจากทุกวัน

ฤาว่าสายรุ้ง....จะสู้ฟ้างาม

หรือว่า...ไม่มีสิ่งใดงามจับใจเท่าใจคน

...

หากเปรียบเช่นนี้แล้ว....

ภาพที่งาม 

จึงอยู่ที่ใจที่ด้วยเฉกกัน

....ชีวิตที่งดงาม...

 

หากเปรียบเช่นนี้แล้ว....

ภาพที่งาม 

จึงอยู่ที่ใจด้วยเฉกกัน

....ชีวิตที่งดงาม...

สวัสดีครับคุณแสงแห่งความดี เอาความสดใสมาฝากทุกท่านกันนะครับ ภาพแรกนั้น เป็นภาพกราฟิคที่วาดภาพตบแต่งจากภาพถ่ายฝีมือของคุณแสงแห่งความดีนะครับ เมื่อปีไหนเนี่ย เหมือนกับเมื่อเร็วๆนี้ แต่น่าจะเมื่อ ๒-๓ ปีก่อนโน้นนะครับ

รักภาพท้องนามาก ๆ ค่ะอาจารย์

 

ท้องนาไทยคงไม่มีที่ใดเหมือนนะคะ ท้องนาเรากว้าง สบาย ห้อมล้อมด้วยดงกล้วย ไม้ยืนต้น..ต้นอะไรบ้างนะคะ รูปทรงแบบประดู่ หรือมะยม เดาเอาค่ะ ไกลเกินและไม่ชำนาญขนาดจำได้

ไม้สวยงามเป็นพุ่ม โกสน? แฮ่ม นึกภาพท้องนาแถบนครปฐมประกอบอยู่ค่ะ

เส้นของไม้รวกหรือเราควรเรียกว่าอะไรดีคะ ที่ผูกอยู่กับหลัก อาจารย์ถ่ายภาพออกมาจนสวยงามยิ่ง เป็นเส้นนำสายตา และนำพาหนูเดินชมตามอย่างช้า ๆ แผงใบที่ใกล้เรา_คนถ่าย จินตนาการว่าเป็นใบยอ ก่อนแล้วกัน หรือไม่ก็ใบขนุน(ไปโน่น)..อีกแผง คล้ายใบมะพร้าว หรือหมาก

 

ยิ้ม ๆ ขำตัวเองว่า ติดใจภาพ ติดใจต้นไม้ พานคิดไปถึงว่า มันคือต้นอะไร..

 

ขอบคุณค่ะ ภาพสวย ร่มรื่น เพลงไพเราะ บทกวีงาม..

 

 

บทกวีงาม..

ต้องมาชมอีกสักครา

 

All my sorrow, sad tomorrow, oh, take me back to my old home.

 

ความจมอยู่ในกองทุกข์ พรุ่งนี้ฤาก็มีแต่เรื่องน่าเศร้า
โอ นำพาฉันให้หวนคำนึงถึงถิ่นฐานบ้านเมืองตนเอง
 
 
อิ่มแล้ว
มาเติมความสุขอีกทีค่ะ

 

 

สวัสดียามเช้าครับอาจารย์หมอภูสุภาครับ

ผมเลยได้สังเกตในรายละเอียดไปด้วยเลยครับอาจารย์ ที่เหมือนกับต้นประดู่นั้น ต้นใหญ่ๆเป็นกลุ่มของต้นเพกาหรือมะลิ้นฟ้า แต่ต้นเล็กๆนั้นเป็นต้นมะยมอย่างที่อาจารย์ว่าแหละครับ ภาพนี้ แนวรั้วไม้ไผ่กับจังหวะของต้นข้าว ช่วยกันให้น้ำหนักรวมๆเป็นเส้นนำสายตา ใช้กลุ่มต้นกล้วยเป็นศูนย์รวมจุดสนใจและเชื่อมโยงให้องค์ประกอบทั้งภาพมีความเป็นเอกภาพกัน

แต่เส้นนำสายตาอย่างนี้ ช่วยทำให้มีพลังมากขึ้นด้วยการจัดให้มีใบไม้เป็นกลุ่ม Foreground หรือเป็นกรอบที่ช่วยบีบมุมมองให้แคบและเจาะจงมากขึ้น ทำให้การกวาดสายตาพุ่งไปยังจุดสนใจได้ดีขึ้น ภาพล่างที่มีใบไม้ทำหน้าที่ลักษณะนี้ที่อาจารย์เห็นเหมือนใบขนุนหรือใบยอนั้น เป็นใบดอกปีบที่ห้อยกิ่งมาแทรกแซมอยู่กับใบไผ่น่ะครับ แล้วก็ที่ดูเหมือนใบมะพร้าวนั้นก็เป็นใบไผ่น่ะครับ  

ในทางความหมายและกหารให้มุมมองนี้ เพลงนี้ให้วิธีคิดคล้ายๆกับเพลงของคาราบาวเพลงหนึ่งเหมือนกันครับคือ เพลงคนล่าฝัน ที่ร้องว่า ...... แสงตะวันเพิ่งจะโผล่พ้นขอบฟ้า มีเวลาให้คนเราอีกมากมาย นำชีวิตมุ่งไปสู่ยังจุดหมาย .....  ทำนองนี้ จำเนื้อเพลงไม่ได้แล้วครับ 

"หยาดน้ำค้าง ล้อแสงตะวันยามเช้าเป็นเม็ดพราวอยู่บนใบข้าว ราวกับผืนดินได้ค่อยๆกลั่นความสงบเยือกเย็นจากแสงจันทร์และสายลมยามค่ำคืน ออกมาเป็นความสดใสของเม็ดน้ำค้าง แล้วรอมอบให้เป็นพลังการเริ่มต้นชีวิตในทุกยามเช้า ฝ่าฟันความหนาวเย็น สะท้อนแสงตะวัน แล้วกลืนกลายไปกับสายลมและแดดอุ่น"

เห็นภาพจากตัวอักษรของท่านอาจารย์ค่ะ

บ้านเราคงเริ่มหนาวแล้ว กางแขนโอบกอดความหนาวเย็น หายใจรับเอาความหนาวเผื่อด้วยค่ะอาจารย์

สวัสดียามเช้าค่ะท่านอาจารย์

 

โอ้โฮ ดร.ปริมใช้คำว่า 'บ้านเราคงเริ่มหนาวแล้ว' ได้อย่างเหมาะเจาะ ไพเราะ กินใจ ให้อารมณ์ไปกันได้อย่างกลมกลืนอย่างยิ่งกับ my old home ในเพลง Reflection of My Life นี้ มากเลยนะครับ ความมีพื้นที่ชีวิตและความมีตัวตนที่กว้างขวางจนเป็นตัวตนเดียวกัน กระทั่งประกอบกันขึ้นและช่วยกันสร้างความเป็น'เรา'ให้เป็นความหมายร่วมกันได้ในระดับหน่วยสังคมขนาดใหญ่นี่ มีความหมายลึกซึ้งมากเลยนะครับ ยิ่งในตอนนี้ของสังคมไทย'บ้านเรา' ก็นับว่ายิ่งมีความหมายและมีความสำคัญมากจริงๆ เหมือนเป็นภาวะสำนึกและการระลึกรู้ที่หายไป หรือคนส่วนใหญ่อาจจะไม่เคยมีร่วมกันก็ได้

หากถือเอาแง่คิดที่ได้จากการได้เห็นการปรากฏขึ้นผ่านการได้พูดคุยถึงสังคมอย่างนี้ ก็ให้อนุสติในการที่จะต้องมองไปได้เลยนะครับว่า วิธีสร้างการเรียนรู้ทางสังคมนั้น ต้องหาทางช่วยกันสร้างเสริมให้ผู้คน ชาวบ้าน ชาวเมือง ให้ได้สื่อสารแลกเปลี่ยนเรียนรู้เรื่องราวต่างๆเกี่ยวกับสังคม ทั้งต้องมีโอกาสได้พูดคุยถึงสังคมและสภาวการณ์ต่างๆที่มีความเชื่อมโยงได้กับสารทุกข์สุกดิบและความมีสุขภาวะร่วมกัน อยู่เสมอๆ ทำให้เกิดการให้ประสบการณ์และเพิ่มพูนความผูกพันซาบซึ้งให้กัน ช่วยกันหาทางทำสอดแทรกไปในทุกมิติชีวิตและในทุกโอกาสของการทำงานเชิงสังคม เลือกสรรการดำเนินชีวิตและทำกิจการงานตั้งแต่เล็กๆน้อยๆไปจนถึงเรื่องใหญ่โตเพื่อสนองประโยชน์เฉพาะหน้า ให้ได้แง่มุมที่มีความหมาย เป็นต้นทุนหนุนส่งการบรรลุจุดหมายที่ดีกว่าเดิมในระยะยาว  

ความมีจิตใหญ่และสำนึกการเป็นเนื้อเป็นตัวเดียวกัน จึงจะก่อเกิดขึ้นระหว่างที่กระบวนการเหล่านี้ดำเนินไปได้ ความขัดแย้งรุนแรง การมุ่งเอาตัวตนที่คับแคบให้อยู่รอด ได้เปรียบง่ายๆแคบๆ และการดูดายความทุกข์ยากกันและกัน เพราะ 'ความเป็นเรา' ที่แคบ ขาดกระบวนการเรียนรู้ให้ยกระดับไปสู่ชีวิตที่กว้างขวางมากยิ่งๆขึ้นตลอดไป ก็ไม่น่าจะเป็นอุปสรรคมากมายแก่สังคมของเราอย่างที่กำลังเป็นมาอย่างต่อเนื่องนะครั

ขอขอบคุณทุกท่านที่แวะมาเยือน ฟังเพลง และนั่งทบทวนครุ่นคิดต่างๆไปด้วยกันนะครับ
คุณ Tuknarak, ดร.ปริม, อาจารย์ปณิธิ, อาจารย์ Jumlong NFE Kalasin, คุณแสงแห่งความดี, คุณหมอธิรัมภา, และอาจารย์ขจิตครับ

แวะมาทักทายและฟังเพลงคลาสสิคกับท่านอาจารย์วิรัตน์ครับ อ่านจากบันทึกคิดว่าอาจารย์และครอบครัวมีความสุขสบายตามธรรมชาติที่สวยงามนะครับ

ขอบคุณอาจารย์ปณิธิและอาจารย์ ดร. Pop ครับ
ที่แวะมาเยือนกัน

สบายพอสมควรแก่อัตภาพครับอาจารย์ดร.ป๊อปครับ ขอบคุณครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท