หลังจากจับแนวคิดการจัดการความรู้จากที่เล่าให้ฟังในบันทึกก่อน แล้ว ตนเองก็ลองร่างตุ๊กตาโครงการ Patho Otop1 ซึ่งเป็นการบูรณาการแนวคิด KM เข้ากับโครงการพัฒนางาน แล้วก็เอาให้อ.เสาวรัตน์ดู เธอก็บอกว่า “พี่ไม่เข้าใจหละนะ ว่ามันเป็นการจัดการความรู้อย่างไร แต่เอาก็เอา” แล้วเราสองคนก็หาทีมงานเพิ่มอย่างที่เล่าให้ฟังในบันทึกก่อน เราหาเอกสารอ่านเพิ่มเติมบ้าง ไม่มาก นอกจากตนเองแล้ว ทีมงานอีกสามท่าน ก็ไม่ได้ไปอบรม KM ใดๆ เราเปิดตัวโครงการ Patho Otop1 อย่างเป็นทางการเมื่อ มิ.ย 48 โดยไม่ได้บอกคนในภาคว่าเรากำลังทำ KM และไม่มีการอบรม KM ให้คนในภาคเลย ตนเองประเมินว่า เทคนิคนี้ เป็นปัจจัยแห่งความสำเร็จสำคัญยิ่ง ที่ทำให้ KM เข้ามาให้เนียนในเนื้องานและฝังรากลงในจิตวิญญาณของคนพยาธิ
ตนเองในฐานะหัวหน้าทีม ช่วยกำหนดทิศทางและแผนงาน อ.จำนงค์ ช่วยกระบวนการกลุ่มบนเวทีนำเสนอ อ.เสาวรัตน์ ช่วยบริหารโครงการ รวมทั้งให้คำแนะนำทีมนักพัฒนาต่างๆ ด้านกระบวนการพัฒนางาน ส่วนพี่เม่ย ช่วยการดำเนินงานกลุ่มในภาพรวม รวมทั้งป็นพี่เลี้ยงให้ทีมพัฒนาหลายทีมให้ฝ่าฟันการเป็นมือใหม่ไปได้ นอกจากนี้ พี่เม่ยยังเป็นคุณลิขิตชั้นยอด ถ่ายทอดเรื่องราวของทีมที่ดูแลในบล็อก ฮีมาโตหรรษา เมื่อพิจารณาให้ดี เรามีจตุพลังทั้ง 4 ครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็น คุณเอื้อ คุณอำนวย คุณลิขิต และ คุณกิจ (ผู้เข้าร่วมโครงการ) ซึ่งตอนนั้น เราไม่ได้ศึกษาในรายละเอียดเรื่องเหล่านี้เท่าไรเลย แต่เราก็เรียนรู้จากที่ปฏิบัติจริงว่า การขับเคลื่อน KM ให้ได้ผลดีนั้น บทบาททั้งสี่นี้ เป็นกำลังขับเคลื่อนที่สำคัญ
ในช่วงปลายปี 48 เป็นการนำเสนอผลงานของทีมต่างๆ เราเห็นผลงานดีๆ จากคนหน้างาน เราเห็นการพัฒนาตนเองของพวกเขา พวกเราทีมงานรู้สึกดีมากๆ และ มั่นใจในกระบวนการที่เราได้ออกแบบกันมากขึ้น เราเดินหน้าด้วยการจัดสัมมนา (ก.พ. 49) แลกเปลี่ยนเรียนรู้แนวปฏิบัติของสมาชิกทีมงานต่างๆ เพื่อหวังให้เขาได้เข้าใจในแนวคิดการจัดการความรู้อย่างเป็นทางการ (เสียที) เราโชคดีที่อาจารย์วิจารณ์ให้เกียรติมาบรรยายแนวคิด KM ในการสัมมนาครั้งนี้และเป็นผู้มอบรางวัลผลงานต่างๆ ในพวกเรา ผลการทำ AAR ส่วนใหญ่บอกว่าได้รับประโยชน์และชอบที่ได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้
หลังจากนั้นเป็นต้นมา ตนเองประเมินด้วยความรู้สึก จากหลักฐานต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องราวที่ blogger หลายคนถ่ายทอดแนวคิด และ เรื่องราวทั้งของตนเอง และ ผู้ร่วมงานผ่าน gotoknow จากการเปลี่ยนแปลงที่ปรากฏให้เห็นในตัวตนของคุณกิจใน Patho Otop2 ทำให้ตนเองมั่นใจว่า คุณกิจพยาธิหลายคน ได้ซึมซับแนวคิดและกระบวนการจัดการความรู้เข้าไปในวิถีชีวิตการทำงานของเขาแล้วอย่างเป็นธรรมชาติ ผลที่เกิดขึ้นนี้ ตนเองมั่นใจว่า เกิดจากการที่เขาได้เรียนรู้จากการปฏิบัติโดยแท้จริง
ตำราจากประสบการณ์ตรงเล่มนี้"ไปโลด"แน่ค่ะ อาจารย์ ง่ายและชัดเจน กว่า "Learning To Fly" อีกค่ะ
ในฐานะลูกภาคฯที่ไม่ได้มีส่วนในการบุกเบิกการใช้ KM มาด้วย แต่ได้เห็นความเปลี่ยนแปลงของคนทำงานอย่างชัดเจนเมื่อกลับมาเริ่มทำงานอีกครั้ง และไม่ได้รับรู้หรือเข้าใจกระบวนการนี้ในทางทฤษฎีเลย แต่จากผลที่เห็นซึ่งเนียนอยู่ในเนื้องาน ก่อให้เกิดการเรียนรู้กระบวนการ KM โดยการสัมผัสโดยตรง ซาบซึ้งกับกระบวนการนี้มากขึ้น จากการต่อยอดลงไปใน GotoKnow จนเกิดความรู้สึก อยากให้คนอื่นๆได้รับรู้ประโยขน์ด้วยตนเองด้วย
จะเห็นว่าผลต่างๆที่ตามมาจากปฏิบัติจริง ไม่มีทางจะเกิดได้โดยการเรียนรู้ทางทฤษฎีเพียงทางเดียว
ขอบคุณอาจารย์ สำหรับทุกสิ่งทุกอย่างที่ได้เรียนรู้ และเชื่อว่าอาจารย์ได้รับผลตอบแทนที่ยิ่งใหญ่ คือความภูมิใจ ความอิ่มอกอิ่มใจไปเรียบร้อยแล้ว จึงมี"พลัง"ที่จะถ่ายทอดและสร้างสรรค์ต่อเนื่องไปไม่หยุดยั้งเช่นที่เป็นอยู่
ชื่นชมในความมุ่งมั่นและความคิดในการหาทีมงาน จนทำให้ภาคฯพยาธิมีการพัฒนาจนได้รับความสำเร็จอย่างเห็นเป็นรูปธรรม
ในบทบาทของ คุณอำนวย คุณเอื้อ คุณลิขิต และคุณกิจ จตุพลังทั้ง4 นี้ ยังแฝงด้วย บทบาทของคุณสะพัด ที่ทำหน้าที่ถ่ายทอด/กระจ่ายความรู้ เพื่อต่อ ยอดผลงาน และเป็นประโยชน์ต่อหน่วยงานอื่นอีกด้วย เข้าทำนอง Learn..... Share.....Shine
คุณโอ๋ ดูท่าเรื่องหนังสือจะไปโลดจริงๆ อย่างที่คุณโอ๋หวังไว้ได้ ดู mail ที่ forward ไปให้
พี่จุดคะ สิ่งที่พี่จุดทำอยู่ มีเรื่องดีมากมาย แต่ยังขาดบทบาทบางอย่างที่จะช่วยขับเคลื่อนให้สมบูรณ์มากขึ้น หากมีอะไรให้ช่วย ยินดีค่ะ