ผมได้แนวคิดในบันทึกนี้จากการประชุมคณะอนุกรรมการจัดทำงบประมาณ การอนุมัติเงิน การติดตามประเมินผล และการพัสดุ ตามหลักเกณฑ์และวิธีการจัดสรรเงินเพื่อการสนับสนุนโครงการและกิจกรรม พ. ศ. ๒๕๔๙ ของ สสส. เมื่อวันที่ ๖ กย. ๔๙
จริงๆ แล้วเป็นความคิดจากการเฝ้าสังเกตการทำงานของ สสส. มาโดยตลอด ผมมีข้อสังเกตว่างานด้านสร้างเสริมสุขภาพนั้นมีหน่วยงาน ชุมชน ประชาคม ฯลฯ ทำกันอยู่มากมาย และบางเรื่อง บางหน่วยงาน บางชุมชน ทำได้ดี เกิดผลดีอย่างมากมาย โดย สสส. ไม่ได้เข้าไปยุ่งเกี่ยวด้วยเลย นี่คือแนวคิดในการทำงานแบบ KM
แนวคิดอย่างหนึ่งของการทำงานแบบ KM คือ มีความรู้อยู่ในที่ต่างๆ ให้เราหยิบมาใช้ประโยชน์ ความรู้นั้นมีอยู่ในความสำเร็จน้อยใหญ่ เราสามารถเอาความสำเร็จเหล่านั้นมาต่อยอด โดยจุดสำคัญคือไม่เลือกว่าเป็นความสำเร็จของหน่วยงานใด ถ้าสามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้ก็หยิบเอามา
ในกรณี สสส. ซึ่งทำงานสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ หากใช้ความคิดแนว KM ก็จะมุ่งหาความสำเร็จในการทำงานสร้างเสริมสุขภาพในกลุ่ม พื้นที่ และหน่วยงานต่างๆ เอามาใช้ประโยชน์ ๓ ประการ คือ
(๑) ชักชวน กลุ่ม พื้นที่ หรือหน่วยงานที่มีความสำเร็จเหล่านั้น เข้าร่วมเครือข่าย ลปรร. การสร้างเสริมสุขภาพ เพื่อร่วมขับเคลื่อนขบวนการสร้างเสริมสุขภาพในสังคมไทยต่อไป
(๒) สสส. เข้าไปสนับสนุนการดำเนินการของ กลุ่ม พื้นที่ หรือหน่วยงาน ให้ได้พัฒนางานสร้างเสริมสุขภาพตามแนวทางของ กลุ่ม พื้นที่ หรือหน่วยงานนั้นๆ เพื่อขยายผลให้กว้างขวางขึ้น หรือดำเนินการอย่างลึกซึ้งขึ้นต่อไป โดยเคารพในความแตกต่างหลากหลายของการดำเนินการสร้างเสริมสุขภาพ
(๓) สสส. เข้าไปเรียนรู้วิธีทำงานสร้างเสริมสุขภาพของ กลุ่ม พื้นที่ และหน่วยงาน เหล่านั้น สำหรับนำมาปรับใช้ในการทำงานของ สสส. และสำหรับรวบรวมเป็น "ขุมความรู้" (Knowledge Assets) ในการทำงานสร้างเสริมสุขภาพ ออกเผยแพร่ต่อสังคม
โดยนัยนี้ สสส. ก็จะมีสัมพันธ์เชิงบวกต่อผู้ทำงานสร้างเสริมสุขภาพ ในหลากหลายบริบท หลากหลายวิธีการ หลากหลาย "การเข้ามวย" (คำของลุงรินทร์ - หมายถึงทำงานสร้างเสริมสุขภาพผ่านกิจกรรมที่แตกต่างกัน เช่น ผ่านกิจกรรมเกษตรปลอดสารพิษ ผ่านกิจกรรมการทำแผนแม่บทชุมชน ผ่านกิจกรรมรวมกลุ่มออกกำลังกาย เป็นต้น) เป็นความสัมพันธ์ผ่านความสำเร็จในการดำเนินการสร้างเสริมสุขภาพอย่างยั่งยืน โดยยอมรับและเคารพความแตกต่างหลากหลายของวิธีดำเนินการ
สรุปให้อ่านง่ายหน่อย ผมมีความเห็นว่า การทำงานใหญ่ งานยาก ในเชิงสังคม น่าจะทำด้วยท่าทีเคารพความแตกต่างหลากหลาย โดยมีจุดร่วมอยู่ที่ความสำเร็จตามเป้าหมายร่วม วิธีทำงานร่วมกันจึงน่าจะได้ใช้การนำเอาเรื่องราวของความสำเร็จน้อยใหญ่ มาเล่าเรื่อง และสรุปประเด็นสำหรับให้แต่ละฝ่ายเลือกเอาไปปรับใช้ตามบริบทของตน แล้วนำเอาความสำเร็จมา ลปรร. กันอีก เป็นวงจรไม่รู้จบ
วิจารณ์ พานิช
๑๗ กย. ๔๙
ไม่มีความเห็น