นักศึกษาคนหนึ่งถามว่า จะหนีคนที่มักทำดีเพื่อเอาหน้าอย่างไร?
ผมตอบว่า ไม่มีทางหนีพ้นหรอกครับ ยังไงก็ต้องเจอคนแบบนี้ในสังคม แต่พวกเขาไม่ใช่คนเลวร้ายอะไร หลายคนก็น่ารัก ผมอยากให้เราฝึกเมตตา(รัก)และให้ความกรุณาต่อคนแบบนี้
นักศึกษาที่ได้เรียนวิชาการรู้จักตนเอง ของ ม.ชีวิตแล้ว คงพอจะมีความเข้าใจเรื่องบุคลิกภาพของมนุษย์ประเภทต่างๆ จากเอกสารประกอบการเรียนและกิจกรรมในชั้นเรียนพอที่จะเข้าใจว่า แต่ละคนมีบุคลิกภาพหรือพฤติกรรมที่แสดงออกตามความเคยชินแบบใดแบบหนึ่ง แม้ไม่ใช่แบบนี้ บางทีภาพที่เราเห็นตนเองอาจไม่ใช่ภาพเดียวกับที่คนอื่นเห็น
เราสามารถแสดงความเมตตา(รัก)และความกรุณา(ให้คำชี้แนะ)ต่อคนที่มักทำดีเอาหน้า ด้วยการช่วยให้เขาได้เห็นคุณค่าของตนด้วยตัวเขาเองโดยไม่ต้องผ่านสายตาคนอื่น เช่น ชี้ให้เห็นในสิ่งดีๆ ที่เราค้นพบในตัวเขา (ไม่มีใครเลวหรือดีบริสุทธิ์แม้แต่ตัวเราเอง) หรือแนะนำเขาไปเข้าร่วมเสวนา สัมมนา เกี่ยวกับการวิเคราะห์บุคลิกภาพ หรือการพัฒนาตน การเปลี่ยนแปลงตน เมื่อใดที่เขาสามารถเข้าใจบุคลิกภาพตนเอง กระทั่งสามารถเห็นคุณค่าตนเองได้ด้วยสายตาตนโดยไม่จำเป็นที่จะต้องไปแสดงความสำเร็จหรืออะไรให้คนอื่นเห็นเพื่อให้คนอื่นชื่นชอบก่อน หรือให้คนอื่นยืนยัน(ด้วยสายตาหรือท่าทาง คำชม)ก่อนว่าเขามีคุณค่าจึงจะแน่ใจว่าตนมีคุณค่า เขาก็จะกลายเป็นมนุษย์ธรรมดาๆ มากขึ้น
นักจิตวิทยาในสายจิตวิเคราะห์ (เช่น ฟรอยด์) เชื่อว่า คนมีบุคลิกภาพแบบนี้เติบโตมาในครอบครัวที่เด็กจะต้องแสดงอะไรสักอย่างให้พ่อแม่เห็นและชื่นชมก่อนที่เขาจะได้สิ่งที่ต้องการจากพ่อแม่ พฤติกรรมนี้ติดตัวเติบโตมากับเขากระทั่งเป็นผู้ใหญ่ที่มีบุคลิกภาพแบบนี้โดยไม่รู้ตัว การเข้าใจที่มาที่ไปของเขาอย่างนี้แล้วจะทำให้เราสามารถรักเขาในฐานะมนุษย์คนหนึ่งที่ถูกสร้างขึ้นมาโดยครอบครัว
ผมเชื่อว่ามนุษย์แต่ละคน เมื่อเข้าใจและรู้จักตนเองพอสมควรแล้ว จะสามารถเปลี่ยนแปลงตนได้ แม้จะไม่เปลี่ยนโดยสิ้นเชิง ประสบการณ์ส่วนตัวของผมทำให้ผมพบการ "แวะมาเยี่ยมเยียน" ของบุคลิกภาพหรือความเคยชินเดิมๆ อยู่เสมอ ขึ้นอยู่กับว่าผมไวพอที่จะเห็นการมานั้นแค่ไหน ต้องใช้เวลาฝึก (ไม่มีทางลัด)
เรื่องการเปลี่ยนแปลงตนนี้ มีครูหรือเพื่อนคอยสอนได้ ชี้แนะได้ แต่ไม่มีใครไปเปลี่ยนใครได้ เว้นแต่เราแต่ละคนจะเปลี่ยนตนเอง
สุรเชษฐ เวชชพิทักษ์
๒ มกราคม ๒๕๕๖