บรรยากาศรอบด้าน ณ เขตอุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท มืดครื้มวังเวง....ยะเยียบเยือกจับขั้วหัวใจ .....แสงไฟหน้ารถสาดส่อง ไปยังถนนดินที่ตัดเป็นทางให้รถวิ่งพอสวนกันได้ ขนาบด้วยต้นไม้ใหญ่-น้อยขึ้นเรียงรายอย่างไม่ค่อยเป็นระเบียบทั้งสองข้างทาง แต่ความกว้างของถนนด้านหน้าค่อยๆ แคบลงๆ จนเหลือเนื้อที่แค่เลนเดียว เมื่อ 5 นาทีก่อนขับเข้ามาเส้นทางนี้ได้สัก 50 เมตรแต่เมื่อเห็นทางแคบลงจึงถอยรถกลับออกไป เมื่อไปพบยามที่ยืนอยู่แถบนั้น บอกให้ขับตรงไปแล้วเลี้ยวขวาจะเจอบ้านพัก จึงขับเข้ามาอีกครั้งหนึ่ง เพราะเมื่อกวาดสายตาไปตามแสงไฟที่สาดส่อง ไม่พบเห็นเส้นทางใดๆ นอกจากเส้นทางนี้เท่านั้น อ่านข้อความที่เขียนลงบนป้ายปักไว้ว่า “ หอนางอุษา ” แต่ดูเหมือนยิ่งขับลึกเข้าไป ทางยิ่งแคบเล็กลงๆ หินก้อนเล็กรูปทรงแหลมวางเป็นขอบถนนทั้งสองด้านแทบชิดยางล้อรถ จนไม่สามารถเลี้ยวรถกลับได้ ความมืดแผ่คลุมอาณาบริเวณจนไม่สามารถมองเห็นสรรพสิ่งได้เกินระยะ 3 เมตร ความสงัดเงียบแทบไม่ไหวติงของสรรพสิ่งรอบด้านส่งผลให้หลานสาววัย 10 ขวบส่งเสียงร้องครางด้วยความหวาดกลัว สัญญาณคลื่นโทรศัพท์ไม่ปรากฏให้ติดต่อสื่อสารกับผู้ใดได้เลย....
ส่วนหนึ่งของทาง....เดินท้าว / ที่พักพิงข้างทางเดินไปหอนางอุษา
“ กลับเถอะ....มันไม่น่าจะเป็นที่พัก ” หลายเสียงออกความเห็น....แต่ต้องศึกษาดูว่าจะใช้วิธีการใด ณ ช่วงนาทีนั้น ...คนขับตัดสินใจเปิดประตูรถก้าวเดินไปดูถนนพร้อมกับหลานชาย ในขณะเดียวกันนั่นเอง ....เสียงกริ่งเรียกเข้าของโทรศัพท์มือถือก็ดังกังวาน....ขึ้นมาอย่างฉับพลัน เป็นสายเข้าจากน้องชายอีกคนหนึ่งที่เดินทางมาถึงก่อนหน้านี้ เนื่องจากได้รับแจ้งจากยามคนนั้นว่า คณะฯของเราขับหลงเข้ามาด้านใน เหลือบเห็นทางด้านหน้ามีเนื้อที่พอเบี่ยงจะหักเลี้ยวได้ จึงลงจากรถมาช่วยกันดูทางและเลี้ยวรถกลับไปได้อย่างทุลักทุกเล ขับย้อนกลับทางเดิมราว 300 เมตรจึงมองเห็นน้องชายและยามยืนคอยอยู่ปากทางเข้าถนน ทุกคนรู้สึกโล่งอกเมื่อผ่านพ้นสถานการณ์อันอึดอัดนั้นมาได้
พอยามเห็นหน้าพวกเราก็โวยวายตามประสายามว่า
“ คุณขับเข้าไปข้างในได้ไง ผมก็บอกว่าให้ขับตรงไปแล้วเลี้ยวขวาๆ”
ทางคณะฯเราจึงตอบไปว่า.....
“ ไหนล่ะทาง ด้านขวามันมีทางที่ไหนกัน เห็นแต่ลานหญ้าใบไม้คลุมอยู่ เราก็ต้องขับไปตามทางน่ะซิ แล้วก็เลี้ยวขวาตามที่คุณบอก ไง”
“ ก็ผมบอกแล้วว่า อย่าขับตรงไปๆ ข้างใน ให้เลี้ยวไปทางขวาเลย มันไปได้ ” ยามต่อว่าต่อขาน
“ จะรู้ได้ไงว่ามันเป็นทางไปได้ มืดตื๊ดตื๋อ..สักขนาดนั้น ก็คนไม่เคยมา คงจินตนาการไม่ได้หรอกว่ามันไปได้ ”
บ้านพักทรงเก๋...ต่อกัน 3 หลัง ที่พักพิงคุ้มกันหนาว
บ้านพักสะดวกสบายดีจริงๆ สายลมเย็นเฉียบยามราตรีกาลแห่งฤดูเหมันต์ส่งให้บรรยากาศแห่งความเงียบสงัดวังเวงมากยิ่งขึ้น หูแว่วได้ยินเสียงใบไม้แห้งปลิวลิ่วลมเบาๆ เป็นช่วงๆ ราวกับเสียงกระซิบกระซาบจากแดนลึกลับไกลโพ้น ตนเองต้องคอยเกาะกลุ่มอยู่อย่างเหนียวแน่น ขนาดรับโทรศัพท์ยังต้องเสียมารยาทนอนห่มผ้าคุยบนเตียง และจำกัดสายตาไม่มองไปเบื้องหน้าเกินกว่ารัศมี 5 เมตร ไหว้พระ-สวดมนต์ให้จิตผ่อนคลายก่อนหลับไหลไปด้วยความอ่อนเพลีย
อากาศเย็นฉ่ำที่ 16 องศาเซลเซียส ณ อุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท
อรุณรุ่ง....สดชื่น-แจ่มใส...กันโดยถ้วนหน้า.!
สูดรับอากาศบริสุทธิ์ยามเช้าเข้าปอดอย่างสดชื่น ข้าวต้มหมูและกาแฟ เป็นอาหารเช้าที่ได้รับบริการอย่างดีเยี่ยม หลังเสร็จสิ้นภาระกิจยามเช้าจึงนัดหมายกันไปเดินชมหอนางอุษา ที่ตั้ง อยู่ห่างไปราว 350 เมตร พอสาวเท้าก้าวไปใกล้จุดกลับรถเมื่อคืน มองเห็นก้อนหินใหญ่ตั้งตระหง่านให้เห็นเด่นเป็นสง่ามีช่องโล่งตรงกลางรูปลักษณะคล้ายกับหน้าต่าง เรียกชื่อว่า หอนางอุษา อยู่ห่างไปแค่ 50 เมตร น้องชายผู้ขับรถเมื่อคืนบอกว่า เหตุผลที่เขาเปิดประตูรถมาดูทาง เพราะเห็นเหมือนเงาตระครุ่มด้านหน้า จึงแน่ใจว่าต้องไม่ใช่บ้านพักรับรองแน่ แต่ไม่รู้ว่าคืออะไร ที่น่าหวาดเสียวชวนให้ขนแขนลุกชันขึ้นมาอีกรอบในยามเช้านี้คือ ห่างจากจุดกลับรถไปด้านหน้าไม่ถึง 20 เมตรมีแอ่งน้ำขนาดใหญ่ขวางอยู่ หากเมื่อคืนขับรถเดินหน้าไป ล้อรถต้องหล่นลงไป ลำบากแย่เลย บังคับใจตนให้หยุดความคิดที่จะจินตนาการต่ออย่างฉับไว
หลุมขนาดใหญ่ขวางหน้าทางไปหอนางอุษา / เทียบขนาดหอนางอุษากับตัวผู้เขียน
เยื้องถัดไปทางด้านหลัง เห็นหินก้อนใหญ่ตั้งซ้อนวางเรียงกันคล้ายกับการจัดแต่งอยู่หลายลูก... เขียนกำกับไว้ว่า ก้อนนั้นเป็นหีบศพของพ่อตา ก้อนโน้นเป็นหีบศพนางอุษา ก้อนด้านในเป็นหีบศีพของท้าวบารส สถานที่แห่งนี้คือสุสานในตำนานเรื่องเล่านั่นเอง แต่มาเที่ยวชมเป็นกลุ่ม-เป็นก้อน ท่ามกลางแสงแดดอ่อนยามเช้าเช่นนี้จึงรู้สึกอบอุ่นใจ
ภาพที่ะลึก.... ของคณะฯ หน้าหอนางอุษา
หินทรงแปลกตา... วางพาดกันตามธรรมชาติราวกับมนุษย์สร้างสรรค์
พระพุทธรูปโบราณ...ไม่ปรากฏหลักฐานในการนำประดิษฐาน...พระพุทธรูปหินแกะสลัก
เขียนกำกับไว้ว่าเป็นหีบศพท้าวบารส / หีบศพพ่อตา
อ่านข้อมูลที่เขียนบันทึกลงป้ายอย่างสนใจและเก็บภาพก้อนหินรูปทรงแปลกตาไว้เป็นที่ระลึกย้ำเตือนความทรงจำว่าครั้งหนึ่ง....ได้เคยมาเยือนดินแดนแห่งนี้ อย่างระทึกขวัญ
สนใจอ่านตำนานหอนางอุษาได้ที่นี่
ศึกษาอุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาทได้ที่นี่
*** ... ขอขอบคุณผู้เข้ามาเยี่ยมชมทุกท่านนะคะ ...***
ไม่มีความเห็น