ข้าพเจ้าเคยเป็นคนที่เชื่อมั่นในความคิดของตนเองว่า ถูกต้อง และบ่อยครั้งที่ด่วนตัดสินอย่างสุดขั้วว่า ผู้อื่นที่คิดไม่เหมือนความคิดข้าพเจ้า คือ ผู้คิดผิด...และมักพูดโต้ตอบกันจนเกิดแตกหักเสียน้ำใจไมตรีอยู่เสมอๆ
คุณพ่อคือผู้ให้สติแก่ข้าพเจ้าว่า ความคิดที่แตกต่างกัน ย่อมมีที่มาที่ไปไม่เหมือนกัน การใช้สติปัญญาพิจารณาให้รอบคอบ และด้วยความเป็นธรรม รู้เขารู้เราให้ถ่องแท้ ย่อมทำให้เกิดความเข้าใจกันและสามารถสมานความแตกต่างนั้น ให้เกิดประโยชน์ในการอยู่ร่วมกันอย่างสามัคคีปรองดองและมีความสุข ในบรรยากาศของสังคมแห่งความแตกต่างนั้นๆ..
" น้ำร้อนปลาเป็น..น้ำเย็นปลาตาย" คือคติเตือนใจ ที่คุณพ่อหยิบยกขึ้นมาสอนข้าพเจ้า สำหรับพิจารณานำไปปฏิบัติในยามที่ต้องเผชิญกับความขัดแย้งทางความคิด วาจา และการกระทำ..ท่านชี้ให้เห็นว่า การสาดโคลนใส่กัน มุ่งมั่นเอาชนะกันด้วยอารมณ์ร้อน..ผลสุดท้ายที่ได้รับคือ "พ่ายแพ้และตายทุกฝ่าย"..ตรงกันข้ามกับวิธีหันหน้าเข้าหากันด้วยความร่มเย็น ย่อมเกิดปัญญาญาณเพื่อนำไปสู่หนทางของความสำเร็จร่วมกันด้วยสันติสุข
สังคมชาว Gotoknow เป็นชุมชนของนักปฏิบัติในการแลกเปลี่ยนเรียนรู้และความเป็น กัลยาณมิตร แต่สำหรับบางบันทึกที่ได้ติดตามอ่านมาอย่างต่อเนื่อง รู้สึกได้ถึงการวิพากย์วิจารณ์ที่ไม่สุภาพ มีลักษณะ " ด่าเหมาเข่ง " คือ ไม่ชอบใจปัจเจกบุคคล แต่กล่าวว่าร้ายลามปามไปถึงสถาบันอุดมศึกษา และสถาบันหลักอื่นๆของชาติเป็นองค์รวม..คนเขียนได้ความเมามัน สะใจ..ไม่สร้างสรรค์อย่างใด..
บ่อยครั้งที่อยากจะแจ้งระบบให้ลบออกไป..หากแต่สงบนิ่งเฉยเสียด้วยหิริโอตัปปะและอุเบกขา เพราะรำลึกถึงคติที่คุณพ่อฝากไว้ และความจริงว่า เจตนาเป็นของผู้เขียน การพิจารณาเป็นของผู้อ่าน
วันดีคืนดี..เจ้าของบันทึกผู้นั้น ได้เกิดอาการแพ้พิษภัยตนเอง ฟาดหัวฟาดหาง ร้อนรุ่มกลุ้มใจ ประกาศขอย้ายออกจากบ้าน Gotoknow แบบกู่ไม่กลับ อ้างเพราะไม่ได้การต้อนรับจากผู้อ่านอย่างที่คาดหวัง..อีกทั้งยังทวงบุญคุณต่างๆนานา...เปรียบดั่งปลาดิ้นพราดๆในน้ำร้อนฉันนั้น...
.........................................................................................................................................
ภาพปลาคาร์บจาก internet
เรียน พี่ใหญ่
ครูอ้อย ชอบอนุทิน ของหมอสุขค่ะ http://www.gotoknow.org/journals/11980
สายน้ำเปลี่ยนใจปลา กาลเวลาเปลี่ยนใจคน ครับพี่ใหญ่
คนเรามีความแตกต่างกัน แต่คงต้องยอมรับกติกากลางด้วยเชื่อมั่นว่า
สังคมชาว Gotoknow เป็นชุมชนของนักปฏิบัติในการแลกเปลี่ยนเรียนรู้และความเป็น กัลยาณมิตร ครับ
ขอบคุณพี่ใหญ่มากครับ
..... บางครั้ง .... ก็เอาอารมณ์เข้ามาผสม.... โดยลืมไปว่านี้เป็น "เวทีสาธารณะ" บางครั้งต้องระวังด้วยนะคะ
ขอบคุณพี่ใหญ่มากนะคะ ให้ข้อคิดกับน้องๆ
สวัสดีค่ะพี่ใหญ่
เนื่องจากเป็นน้องคนเล็ก มีพี่ๆ ที่โตกว่ามาก ทำให้ต้องคอยปรับความคิด/อารมณ์ เพื่อประนีประนอมและให้ได้รับการยอมรับจากพี่ๆ เสมอ สิ่งที่เรียนรู้คือ ไม่โต้เถียงกับพี่ๆ (เพราะไม่มีวันชนะ) แต่ใช้วิธีนิ่ง หากไม่ชอบก็ไม่ทำตาม และแสดงให้เห็นถึง "ความคิด"ของตัวเองเมื่อมีโอกาส
น้องเห็นด้วยกับพี่ใหญ่ค่ะ "เจตนาเป็นของผู้เขียน การพิจารณาเป็นของผู้อ่าน"
ส่วนตัวน้องไม่ชอบการโต้เถียงขัดแย้ง และยึดหลักเสมอว่า อย่านำอารมณ์ไม่ดีให้เพื่อนๆ จะเขียนบันทึกในเรื่องราวใดที่ไม่พึงใจก็จะปล่อยเวลาจนคลี่คลายแล้วจึงบันทึกไว้เพื่อเป็นประสบการณ์ อันจะเป็นประโยชน์ (ซึ่งส่วนใหญ่ก็เป็นประโยชน์ส่วนตัวนั่นเอง) ค่ะ
และน้องเห็นว่า ... ข้อความของใคร ย่อมแสดงตัวตนของเขา ... ไม่เกี่ยวกับเรา
ขอบคุณพี่ใหญ่ค่ะ :)
ขอบคุณพี่ใหญ่ ครับ ที่เขียนบันทึกนี้
เห็นด้วยกับคุณหยั่งรากฝากใบ ครับ
ถ้ารุนแรง เมามัน หยาบคาย..คนอ่านจะเบื่อมาก
ใครคิดอย่างไรก็ตาม ส่วนตัวผมเอง อ่าน ครั้งสองครั้งพอ
ต่อจากนั้น เห็นหน้า..ก็คลิ๊กหนี
แต่หนีไปอ่านเรื่องที่จรรโลงใจ ปล่อยให้"ด่าเหมาเข่ง"
รับกรรมที่ก่อไปเอง
น้ำร้อนปลาเป็น...น้ำเย็นปลาตาย....น้ำอุ่นเราสบาย 555 ล้อเล่นค่ะพี่ใหญ่
ต่างมุมมอง ต่างความคิด ต่างการแสดงออกค่ะ เรื่องบางเรื่องที่เคยวิจารณ์อย่างเมามันส์ สักวันกลับมาอ่านสิ่งที่ตัวเองเขียน อาจจะรู้สึกเสียใจก็เป็นได้นะคะ
กาลเวลาเปลี่ยน...มุมมองเปลี่ยน ไม่มีอะไรแน่นอนค่ะ ^-^
ปริมเชื่อในกฎดึงดูดค่ะคุณพี่ใหญ่ สิ่งที่เราไม่สนใจไม่ถูกจริตก็ไม่เข้ามาหาเราเพราะมันไม่มีความหมายใดกับเราค่ะ ใครฟูมฟักจิตแบบไหนก็คงจะเป็นไปตามนั้น เราคงได้แต่มองเขาด้วยใจที่เมตตาเพราะความต่าง
เป็นกำลังใจให้ทุกท่านพบความสงบเย็นในชีวิตค่ะ
ฝันดีค่ะคุณพี่ใหญ่ ;)
สวัสดีปีใหม่ค่ะพี่ใหญ่
เช่นกันนะครับอาจารย์ น้ำลึกปลาตื่น น้ำตื้นปลาตาย ในความคิดของผมนะ
มีความหมายในสังคมปัจุบันโดยแท้เลยผมว่า
น้องครูอ้อย../ท่านวอญ่าฯ../น้องดร.ขจิต../น้อง Dr.Ple../น้อง Tuknarak../น้องชาดา../น้องหยั่งราก ฝากใบ../น้องสโรชา../น้องมณีเทวา../น้องผอ.ชยันต์../น้องหมอ blue star../น้องปริม../น้อง Bright Lily../น้องธวัชชัย../น้องมนัสดา../น้อง Tawandin../น้องชลัญธร../น้องข้าวก้นบาตร
* สวัสดีค่ะ ขอบคุณมากสำหรับกำลังใจมอบแก่บันทึกนี้ค่ะ
* น้องครูอ้อย..ขอบคุณที่นำลิ๊งค์ความเห็นของหมอสุขมาเพิ่มเติมไว้ด้วยกันค่ะ
* ท่านวอญ่าฯ..ขอบคุณมากค่ะที่นำคำคมดีๆ มาเพิ่มไว้ที่นี่..
* น้องดร.ขจิต..เห็นตรงกันนะคะที่สมาชิกควรคำนึงถึงนโยบายของบ้าน gotoknow
* น้อง Dr.Ple.. ขอบคุณสำหรับความเห็นที่สอดคล้องกันเช่นนี้ค่ะ
* น้องหยั่งราก ฝากใบ..พี่ใหญ่คิดอยู่นานว่าสมควรเขียนความในใจนี้หรือไม่?..อาจได้แรงบันดาลใจจากบันทึกของน้องสาวน่ารักคนนี้ที่เคยเขียนเรื่องเกี่ยวกับการจัดการกับความแตกต่าง อย่างน่าสนใจมากค่ะ..ขอบคุณที่มาร่วมให้ความเห็นดีๆนะคะ
* น้องผอ.ชยันต์..ขอบคุณเช่นกันค่ะที่แสดงความรู้สึกตรงกัน เพียงแต่พี่ใหญ่มีความจำเป็นบางประการที่ได้รับการขอร้องให้ต้องอ่านบันทึกเหล่านี้อย่างพินิจพิจารณา จะเลี่ยงไม่อ่าน ก็จะกลายเป็นมีอคติต่อเจ้าของบันทึก..อ่านแล้วจึงเกิดประเด็นตามที่เล่ามาข้างต้นค่ะ
* น้องหมอ blue star..ก็หวังว่าการทั้งปวงจะเป็นไปอย่างที่น้องสาวคนงามของพี่ใหญ่ได้ให้ความเห็นนะคะ คิดในทางที่ดีไว้ก่อนค่ะ
* น้องปริม..เป็นเช่นนั้นจริงๆค่ะน้องปริม..สุคติได้เกิดขึ้นแก่พี่ใหญ่เมื่อรำลึกถึงคำสอนของคุณพ่อ ทำให้จัดการกับใจของตนเองได้อย่างที่เล่าไว้..และอย่าไปเพียรตั้งคำถามเลยว่า ใครคิดอย่างไร?..เพราะอะไร?..คงไม่ได้คำตอบ เนื่องจากเราไม่ใช่เขา..มาตั้งจิตแผ่เมตตาเป็นอภัยทานดีกว่านะคะ
* น้องมนัสดา..ขอบคุณมากสำหรับพรดีๆในปีใหม่นี้..พี่ใหญ่ขอให้น้องสาวคนงามทั้งกายและใจผู้นี้ มีแต่ความสุขสมปรารถนาทุกประการเช่นกันค่ะ
* น้องข้าวก้นบาตร..ขอบคุณมากค่ะที่นำคำคมมาเพิ่มเติมไว้ที่นี่ค่ะ..ขอบคุณคำสอนที่ถ่ายทอดมาจากคุณพ่อของพี่ใหญ่นะคะ ความหลากหลายในสังคมทำให้เราต้องพบเจอกับคนหลายรูปแบบ การมีคาถากำกับใจเวลาต้องพบพานกับสิ่งกระทบเป็นเกราะที่ดีมากๆเลยนะคะ พอเรามีวิธีตั้งรับ เวลาต้องเจออย่างน้อยก็ลดแรงกระทบลงได้นะคะ อ่านแล้วเห็นใจพี่ใหญ่ที่ไม่สามารถเลี่ยงได้โดยหน้าที่นะคะ อย่างนี้ต้องท่องคาถาคุณพ่อเอาไว้ให้ดีๆค่ะ
ได้สติค่ะคุณป้าใหญ่ จะจำไว้ ๆ การพิจารณาเป็นของเรา
ขอบพระคุณทั้งคุณป้าใหญ่และคุณพ่อของคุณป้า ที่มอบมรดกดี ๆ เผื่อแผ่มาถึงลูกหลาน Gotoknow นะคะ
บ่อยครั้งเราเชื่อว่าเสรีภาพ จนลืมขอบเขต
เรียกร้องสิทธิ จนลืมหน้าที่..
สวัสดีค่ะพี่ใหญ่
หลายๆ ครั้งที่ต้องอยู่ต้องทำงานกับคนหมู่มาก มากคน มากที่ มากความคิด แต่ก็ต้องใช้สติให้ได้มากที่สุดหล่ะค่ะที่จะรับฟังและอยู่ร่วมไปกับเขา บางครั้งก็ทำได้ บางครั้งทำไม่ได้ก็ต้องถอยร่นตัวเองออกมาเพื่อลดการปะทะ .. แตกต่างได้แต่ก็ไม่ควรแตกแยกหรือขั้นแตกหักไปเลย มองว่าน้ำชนิดไหนก็ได้ที่เค้าคิดว่าพอเหมาะกับตัวเอง แต่จะทำอย่างไรให้อยู่ร่วมกันได้เป็นสุขของทั้ง ๒ น้ำ นี่สิที่ต้องช่วยกัน ขอบคุณคุณพ่อของพี่ใหญ่สำหรับคำสอนด้วยค่ะ ^^
งานเขียนสามารถแสดงตัวตน ของคนเขียนได้ใช่ไหมคะ
น้องโอ๋../หลานทพญ.ธิรัมภา../น้องเขียวมรกต../น้องสันติสุข../น้องหมอป. ../หลานnoktalay../น้องแผ่นดิน.../น้องณัฐพัชร์../น้องกล้วยไข่../น้อง Dr.Pop
* สวัสดีค่ะ ขอบคุณมากสำหรับกำลังใจมอบแก่บันทึกนี้ค่ะ
* น้องโอ๋..ขอบคุณมากที่เห็นคุณค่าของคาถานี้ ..พี่ใหญ่ได้แต่หวังว่าพวกเราชาวสมาชิก Gotoknow จะร่วมกันรักษารากฐานของบ้านนี้ให้มั่นคงอุดมด้วยการแลกเปลี่ยนเรียนรู้อย่างสร้างสรรค์ และความเป็นกัลยาณมิตรที่งดงามนะคะ
* หลานทพญ.ธิรัมภา..ดีใจมากค่ะที่เห็นประโยชน์ของคำสอนของคุณพ่อที่ป้าใหญ่นำมาแบ่งปันกัน..โจทย์ในชีวิตมีให้เห็นทุกเวลา การมีสติกำกับจิตอยู่เสมอ ช่วยให้ไม่หลงทางนะคะ
* น้องเขียวมรกต..ยินดีมากค่ะที่ให้ความสนใจข้อคิดในเรื่องนี้ค่ะ
* น้องหมอป. ... ขอบคุณมากค่ะสำหรับความเห็นเพิ่มเติม...ได้อีกหนึ่งมุมมองเชิงปัจเจกนะคะ
* ................น้ำเย็นๆใสๆไม่ขุ่นมัวด้วยตะกอน ปลาจะเวียนว่ายเป็นฝูงๆ น่ารื่นรมย์ เหมือนสังคมปัญญาชนงามทั้งวาจาและใจ
* ................น้ำร้อนๆปลาอยู่ไม่ได้ โดดหนีอลหม่านไปหาที่เย็นกว่า แหล่งน้ำร้อนนั้นกลับชุลมุมเอาตัวรอด เหมือนสังคมชนเสื่อมเห็นแก่ตัว
* น้องแผ่นดิน..ขอบคุณสำหรับความเห็นนี้ค่ะ..สิทธิและหน้าที่เป็นกรอบกำหนดของการอยู่ร่วมกันอย่างเป็นระเบียบในสังคม..จิตสำนึกของความใส่ใจในประโยชน์สุขของสังคมคือคุณค่าที่พึงได้รับการปลูกฝังและขยายผลอย่างยั่งยืนค่ะ
* น้องณัฐพัชร์..ขอบคุณที่มาแลกเปลี่ยนประสบการณ์ที่น่าสนใจนี้ค่ะ..หากสมาชิกในสังคมใส่ใจในการจัดการอย่างมีสติดังเช่นที่น้องเหมียวได้ให้ความเห็นดีๆเช่นนี้แล้ว สันติสุขย่อมเกิดขึ้นในสังคมของเราค่ะ.
* น้องกล้วยไข่....เท่าที่สังเกตจาก การแสดงออกด้วยคำพูดและการกระทำ..ส่วนใหญ่แล้วน่าจะ เป็นความจริงเช่นนั้นค่ะ ..
เป็นบทความที่ดีมากเลยค่ะ บางครั้งก็สงสัยเหมือนกันว่าบทความที่ยุ้ยเขึยน ซึ่งเป็นลักษณะการเล่าสู้กันฟัง ไม่ใช่บทความแบบตำรงเชิงวิชาการ หลายเรื่องก็ใส่อารมณ์เหมือนกัน คงต้องกลับไปอ่านทบทวน และพิจารณาถึงความเหมาะสมในการใช้สำนวนภาษาเหมือนกัน
หวังว่า บทความของยุ้ย คงไม่ถูกใครแจ้งลบไปซะก่อนล่ะ เหนื่อยค่ะ กว่าจะเขียนได้
ขอบคุณมาก ที่เนื้อหาในบทความนี้เตือนสติการเขียนได้ดี..ค่ะ
สาวน้อยใจดี
ทางสายกลาง..ทางเดินวิถีพุทธ...ใจที่สงบ..พบแต่..ความเป็นกลาง..สว่างภายใน..นะเจ้าคะ..ยายธี
สวัสดีค่ะคุณพี่นงนาท
เรื่อง ความคิดต่างกันแต่อยู่ร่วมกันได้
เป็นเนื้อหาที่กำลังสอนนักเรียนและได้สอดแทรกคุณธรรมเรื่องความสามัคคี การแสดงความคิดเห็น และการยอมรับความคิดเห็นของผู้อื่นให้นักเรียนด้วยนะคะ
" น้ำร้อนปลาเป็น..น้ำเย็นปลาตาย" คือคติเตือนใจ ที่คุณพ่อหยิบยกขึ้นมาสอนข้าพเจ้า สำหรับพิจารณานำไปปฏิบัติในยามที่ต้องเผชิญกับความขัดแย้งทางความคิด วาจา และการกระทำ..ท่านชี้ให้เห็นว่า การสาดโคลนใส่กัน มุ่งมั่นเอาชนะกันด้วยอารมณ์ร้อน..ผลสุดท้ายที่ได้รับคือ "พ่ายแพ้และตายทุกฝ่าย"..ตรงกันข้ามกับวิธีหันหน้าเข้าหากันด้วยความร่มเย็น ย่อมเกิดปัญญาญาณเพื่อนำไปสู่หนทางของความสำเร็จร่วมกันด้วยสันติสุข
ต้องคัดลอกไปเป็นคำสอนบ้างค่ะ
ขอบคุณพี่ใหญ่มาก ๆ
ท่านมีความประทับใจและนำคำสอนของคุณพ่อมาใช้ในชีวิต และเผยแพร่ ขอบพระคุณนะคะ
หลานสาวน้อยใจดีฯ.../ คุณยายธี../น้องครูอี๊ด../น้องหมอภูสุภา.../น้องเข้มแข็ง
* สวัสดีค่ะ ขอบคุณมากสำหรับกำลังใจมอบแก่บันทึกนี้ค่ะ
* หลานสาวน้อยใจดีฯ..บันทึกต่างๆของหลานที่ผ่านมา เป็นการเล่าประสบการณ์ด้านการเกษตรบนผืนดินบรรพชน ที่สะท้อนความศรัทธาและความมุ่งมั่นในการเพิ่มคุณค่าของพืชผลตามความสามารถที่มีอยู่
* คุณยายธี..เป็นพุทธคติที่นำความร่มเย็นเป็นสุขอย่างยั่งยืนค่ะ
* น้องครูอี๊ด..ยินดีมากค่ะที่มาสนับสนุนแนวคิดนี้..แตกต่างแต่ไม่แตกแยก..สติพิจารณาความเป็นไปเช่นนี้ เพื่อความสงบแห่งจิตนะคะ....
* น้องหมอภูสุภา..ยินดีมากค่ะที่สนใจคำสอนนี้ของคุณพ่อ..
* น้องเข้มแข็ง...เป็นความโชคดีที่ได้เดินตามรอยเท้าคุณพ่อมาตลอดค่ะ