ตามสมัยนิยมที่สังคมมักจะยกย่องคนเรียนเก่ง คนเรียนดีมีความสามารถ ต่อๆมาก็มีการยกย่องคนดีมีกิจกรรมจิตสาธารณะ
ในยุคก่อนๆ มีการประกวดแข่งขันความเป็นเลิศของครูหลายรายการ ครูเก่าๆคงจะเคยเข้าสู่สนามหรือเวทีประลองยุทธมากันบ้างแล้ว บ้างก็ชนะเลิศได้ถ้วยรางวัล ได้รับเกียรติบัตรชื่นชมแสดงความสามารถ
ต่อๆมาก็นับเอาเกียรติบัตรนี้เป็นการอ้างอิงในการจัดทำผลงาน เกียรติบัตรเหล่านี้ล้วนแล้วแต่มีความศักดิ์สิทธิแตกต่างกันตามเกณฑ์ที่ชี้วัด บางคนได้เข้าสู่การประเมินหลายรายการแบบเหมาจ่าย บางคนไม่ค่อยเชื่อมั่นเรื่องนี้เพราะถือว่าตนเองขยันสอนนักเรียนอยู่แล้ว บางคนถูกผลักดันจากทางโรงเรียนให้เข้าร่วมการประกวดนี้ สุดแล้วแต่บริบทที่แตกต่างกัน
การเป็นครูดีไม่ได้ขึ้นอยู่กับเกียรติบัตรชื่นชมเหล่านี้เลย แต่ในสังคมการศึกษาได้เน้นไปที่สิ่งเหล่านี้ว่าท่านมีประกันคุณภาพตัวเองหรือไม่ ครูอ้อยเคยเรียกสิ่งเหล่านี้ว่า....เฟอร์นิเจอร์ เวลาพูดคุยกับครูเด็กๆว่า ต้องมี ต้องเข้าถึง ต้องพัฒนาควบคู่กันไป แต่ไม่ใช่สรณะ หมายถึง การเป็นครูดีย่อมเป็นที่ตัวเองดี สอนดี แต่นั่นสังคมเขาบอกว่า ใครกำหนดให้ท่านเป็นครูดีมีคุณภาพ ครูดีต้องผ่านเกณฑ์การประเมิน นั่นคือ เคยเข้าสู่เวทีการแข่งขัน หรือการประกวด หรือมีกิจกรรมอะไรที่ทำให้ท่านเรียกขานว่า เป็นครูดีส่วน
ที่นำมายกตัวอย่างข้างล่างนี้ ไม่ใช่อวดสรรพคุณ แต่ยกมาเป็นสังเขปว่า ครูอ้อย แซ่เฮ มีอะไรประกันคุณภาพ บ้าง
ในแต่ละปี ไม่ว่าท่านจะถูกผลักดันหรือตั้งใจเข้าสู่เวทีของการประกวด มันคือ การประกันคุณภาพการเป็นครูดี โดยเฉพาะการเป็นครูดีจากการคัดเลือก ย่อมเสริมสร้างให้ท่านมีัศักดิ์ศรีของความเป็นครูดี กล่าวแบบนี้ไม่ได้กล่าวว่าหรือตำหนิครูหลายๆท่านที่ไม่เคยผ่านวิธีการแบบนี้ว่า ท่านไม่ดี เปล่าเลย
การเป็นครูดี ที่เหนือยิ่งขึ้นไป คือ เมื่อเป็นครูดีแล้ว มีการประกันคุณภาพด้วยแผ่นกระดาษแล้ว โปรดรักษาคุณภาพของความเป็นครูดี และโปรดได้ช่วยสร้างครูดี ให้สืบทอด ต่อไปอีก นี่คือ ครูดี ขนานแท้และดั้งเดิม
ครูอ้อยพยายามเขียนเรื่อง ครูดี ด้วยองค์ประกอบมากมายหลายเรื่อง หวังว่า ท่านคงจะมีหลายองค์ประกอบ ไม่มากก็น้อย นะคะ
ขอบคุณมากค่ะ คุณ EGA
มาให้กำลังใจครูดีค่ะ..
ขอบพระคุณ พี่ใหญ่ นาง นงนาท สนธิสุวรรณ มากๆๆค่ะ
ขอบคุณ คุณ คุณแจ๋ว มากๆค่ะ
ขอบคุณมากค่ะ น้องโอ๋ โอ๋-อโณ
ขอบคุณ น้อง tuknarak มากๆค่ะ