Praepattra
ผู้ช่วยศาตราจารย์ Praepattra Kiaochaoum

ปักธงธรรม: ผลึกธรรม .. บรรณาการแด่สาธุชน ผู้อ่านไทยโพสต์!!


โดย.. พระ อ.อารยวังโส

[email protected]

เจริญพรสาธุชนผู้มีศรัทธามั่นคงในพระพุทธศาสนา... อาตมาเพิ่งกลับมาจาก การนำพระภิกษุสงฆ์-สาธุชนไปประพฤติธรรมในอินเดีย  เนื่องในงานวันมาฆบูชา ตามโครงการฝึกอบรมพระธรรมทูตไปต่างประเทศ (ธรรมยุติกนิกาย) ฯลฯ  การเดินทางไปปฏิบัติศาสนกิจในคราวนี้ จะว่าเบาก็เบา .. จะว่าหนักก็หนัก ซึ่งแล้วแต่การคิดพิจารณาในแต่ละเรื่องนั้นๆ  หากรู้เท่าทัน มีปัญญารู้ชอบ เรื่องหนักก็เบา เรื่องเบาก็สูญสลายไป ไม่ให้ติดจิตติดใจ เพิ่มพูนอัตตสัญญา สร้างตัวกู-ของกู จนละวางไม่ออก คลายไม่ได้ ให้ยึดมั่นถือมั่น จนทุกข์กาย ไม่สบายใจ  เพราะจิตเข้าไปยึดติดในอารมณ์นั้นๆ  ที่ส่งต่อก่อรูปสืบเนื่องมาจากการมิได้กำหนดรู้เท่าทันในสภาวธรรมทั้ง ปวง ที่เกิดขึ้นก่อตัวสืบส่งต่อมาทาง ช่องการรับรู้ ที่เรียกว่า อายตนะ  ให้จิตเข้าไปยึดถือผูกพัน จนก่อรูปสร้างนาม  นำไปสู่ความทุกข์ไม่จบไม่สิ้น...

จริงๆ แล้ว เรื่องของโลกใบนี้  ไม่ได้มีอะไรเป็นแก่นสารสักเรื่อง  แต่ในความไม่เป็นแก่นสารกลับมีแก่นสาร  หากมีปัญญารู้แจ้งเข้าใจในความเป็นจริงของความไม่เป็นแก่นสาร แห่งโลกนั้น...  แต่เพราะไม่รู้แจ้ง .. ไม่เข้าใจในความจริงที่ปรากฏมีอยู่ในโลกนี้ จึงมีแนวคิด ๒  ลักษณะเกิดขึ้น ได้แก่  การหลงเข้าไปยึดในสิ่งที่ไร้แก่นสารด้วยความสำคัญมั่นหมายผิดไปจาก ความจริงแท้ กับ  การปฏิเสธอย่างสิ้นเชิงในความไม่มีแก่นสารแห่งโลก เหมือนดั่ง  ทีฆนขปริพาชก  ที่ได้กล่าวต่อเบื้องหน้าพระพักตร์แห่งพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า.. ในโลกใบนี้ ไม่มีอะไรคู่ควรกับข้าพเจ้าเลย.!!

คนในโลกนี้ ในเบื้องต้นจึงมีอยู่ ๒ จำพวกแห่งความคิด  โดยแบ่งตามลักษณะแห่งความคิดที่ตกผลึกเป็นทิฏฐิในมโนสำนึก  พวกหนึ่งไม่ปฏิเสธ แต่พวกหนึ่งกลับปฏิเสธ  จึงนำไปสู่การกระทำที่สุดโต่งทั้ง ๒ ส่วน... พระพุทธศาสนาอุบัติเกิดขึ้น  เพราะต้องการแสดงให้เห็นความจริงแท้ที่นำไปสู่ประโยชน์สุด  ที่ปฏิเสธสองส่วนสุดโต่งดังกล่าว เรียกว่า มัชฌิมาปฏิปทา  ซึ่งเป็นเส้นทางสายปัญญาที่เกิดจากการรู้จักคิดพิจารณาโดยแยบคาย  จนรู้เข้าใจแจ่มแจ้งแห่งโลกว่า แท้จริงแล้วนั้น โลกใบนี้  มีความเป็นอย่างนี้เอง!!.. การรู้เข้าไปถึงความจริงแท้ในโลกนี้แหละ คือ  การพบแก่นสารในความไม่มีแก่นสาร.. การไปร่วมประ  กอบศาสนกิจในครั้งนี้ ท่ามกลางสิ่งแวดล้อมที่ผันผวน เปลี่ยนแปร  วุ่นวายไปด้วยความเร่าร้อนแห่งกิเลสสันดานต่ำของสัตว์  และบรรดาผู้ประพฤติทุศีลที่เกลื่อนกล่น  จึงให้ได้สาระธรรมในความไม่มีสาระธรรม  เมื่อรู้จักคิดพิจารณาโดยธรรม

การประพฤติธรรมแท้จริง คือ  การเดินทางเข้าไปศึกษาความไม่มีแก่นสารใดๆ แห่งโลกใบนี้  ซึ่งไม่ได้สวยงาม น่าชื่นชมยินดี ไม่ว่าในบุคคล สิ่งแวดล้อม  หรือสังคม อันปรากฏอย่างชัดแจ้งในดินแดนชาวภารตะ ณ ชมพูทวีป  ที่เรียกว่า อินเดีย ในปัจจุบัน  มันวุ่นวายไปหมดในทุกสถาน  ไม่ว่ารอบปริมณฑลพระศรีมหาโพธิ์ สถานที่ตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า  หรือในเขตพระนครราชคฤห์ ที่อดีตเคยเป็นที่ตั้งของพระพุทธศาสนา  ที่เคยได้รับการขนานนามว่า "นครแห่งพระพุทธศาสนา"ทุกยามเช้า  นักแสวงบุญจะต้องรีบเร่งเพื่อเดินขึ้นภูเขาคิชฌกูฏ  ที่ประดิษฐานพระคันธกุฎี จะได้จับจองพื้นที่สวดมนต์ เจริญภาวนากัน  หากไปล่าช้า ก็ต้องรอคิวกันยาวพอสมควร โดยเฉพาะในฤดูกาลแสวงบุญ  แม้จะเข้าพระมหาวิหารเวฬุวัน  ก็ต้องรีบเร่งเพื่อขอใช้พื้นที่อันศักดิ์สิทธิ์ ในการทำวัตร สวดมนต์ เจริญภาวนา ซึ่งเชื่อกันว่า พระพุทธองค์ทรงประทับท่ามกลางพระอรหันตสาวก ๑,๒๕๐ รูป เมื่อวันเพ็ญมาฆฤกษ์ ก่อนพรรษาที่ ๒ ของพระพุทธองค์  แม้จะเดินขึ้นภูเขาเวภาระ หรือจะไปสู่ มหาวิทยาลัยพุทธศาสนานาลันทา  ในอดีต ก็ต้องรีบเร่ง โดยเฉพาะการเดินทางกลับมาประกอบศาสนกิจ ณ  สังเวชนียสถาน ที่ตรัสรู้ของพระพุทธองค์  ซึ่งหนาแน่นไปด้วยฝูงชนจากทั่วโลกที่เป็นชาวพุทธและไม่ใช่  โดยเฉพาะชาวฮินดูในพื้นที่จำนวนมาก  ที่เดินทางมาสักการะร่องรอยแห่งลัทธิพราหมณ์ใน พระมหาวิหารศรีมหาโพธิ์

นอกจากต้องรีบเร่ง เข้าให้ถึงพื้นที่อย่างรวดเร็ว  เพื่อจะได้จับจองใช้สอยพื้นที่ที่คงเหลืออยู่แล้วนั้น.. ยังจะต้องรีบเร่ง ประดุจการประชันแข่งขันการสวดสาธยายบทบูชาพระ  เจริญพระพุทธมนต์ กับกลุ่มคณะต่างๆ ที่มีหลากหลายวิธีการปฏิบัติ  เรียกว่า สวดไปก็มึนงงไป เผลอๆ ก็จะมีคณะญาติมิตรจากชาติต่างๆ  เหยียบย่างลงกลางวง เพื่อจะแทรกแซงเข้าไปใช้พื้นที่

ความอลวนวุ่นวาย  จึงเกิดขึ้นตลอดเส้นทางที่เดินเข้าสู่สถานที่สำคัญของพระ พุทธศาสนา  ต้องแหวกฝูงชน เหยียบย่างอย่างรู้จักวางเท้าไม่ให้คลาดเคลื่อน  เพื่อการไม่เปรอะเปื้อนอสุภะปฏิกูลทั้งหลาย  ที่ถูกถ่มถ่ายคายรดไว้ทั่วอาณาบริเวณ  ไม่มีความสัปปายะแห่งธรรมให้เกิดขึ้นเพื่อเกื้อกูลการพัฒนาเจริญ จิตเลย อันผิดไปจากหลักธรรมปฏิบัติในพระพุทธศาสนา  ที่อบรมสั่งสอนให้ปลีกหลีกออกจากหมู่คนที่เกลื่อน กล่นในเขตแดน.. เพื่อแสวงหาความวิเวกทางกาย-จิต จะได้เข้าถึง อุปธิวิเวก

ท่ามกลางกระแสความวุ่นวายรอบด้าน  ที่รุมเร้าให้เกิดความวิตกกังวลในจิตใจของหมู่ชน  แต่กลับมีพลังธรรมที่ก่อเกิดจากความฉันทะในการได้เดินทางมาปฏิบัติ ศาสนกิจ เมื่อผนวกกับศรัทธาที่เป็นพลังอันยิ่ง  ด้วยความเลื่อมใสศรัทธาในพระผู้มีพระภาคเจ้า  จึงส่งผลให้เกิดการขับเคลื่อนของจิตไปสู่ ทิศกุศลธรรม  ให้เกิดมีพลังปีติปราโมทย์ยินดีขึ้นได้อย่างรวดเร็ว  อิ่มเอิบใจอย่างมีพลังธรรม จนนำมาซึ่งความสุขใจ  นี่คือความอัศจรรย์แห่งอำนาจธรรมที่ปรากฏมีอยู่ในสถานที่อันศักดิ์สิทธิ์ แม้จะประดิษฐานอยู่ท่ามกลางกองปฏิกูล...

เมื่อจิตใจพร้อมรบกับข้าศึก มีความสงบนิ่งเป็นฐานที่ตั้ง  เป็นยุทธภูมิแห่งจิต  ประกอบกับความรู้ความเข้าใจจากการสดับตรับฟังพระธรรมเทศนา  จึงส่งผลให้จิตสงบ หยุดวุ่นวายอยู่กับธรรม สามารถค้นหาสาระธรรม  ความมีแก่นสารในท่ามกลางความไม่มีแก่นสาร อันได้แก่ โลกนี้  ได้จริง!! แก่นสารแห่งธรรมที่ปรากฏอยู่ในความไม่มีแก่นสารแห่งโลกนี้นั้น  จะเกิดขึ้นเมื่อสามารถปลงใจให้เชื่อตามความจริงที่ปรากฏมีอยู่ใน ธรรมชาติว่า สรรพธรรมทั้งหลาย มีความเป็นเช่นนี้เอง... เป็นธรรมดา!!

การเข้าถึงความจริงดังกล่าวด้วยปัญญาอันรู้ชอบ  ก็สามารถเห็นแจ้งในความทุกข์ เหตุอันก่อให้เกิดทุกข์  ความล่วงทุกข์ และหนทางปฏิบัติเพื่อทำความทุกข์ให้สิ้นไปได้ รวมย่อ คือ เห็นการเกิดขึ้น และการดับไปของ "ตัวทุกข์" ซึ่งเป็นของน่าเกลียด ไม่ควรเข้าไปหา  และคงจะไม่มีใครอยากจะมีความทุกข์..   ความทุกข์จึงเหมือนกองขยะที่ไร้สาระ  แต่ในความไร้สาระกลับมีสาระธรรม  เพราะการรู้ทุกข์หรือการรู้แจ้งในตัวทุกข์ นี่แหละ คือ รู้ธรรมะ.. ธรรมะ คือ ความเป็นธรรมดาที่มีอยู่ในโลกที่ไร้แก่นสารใบนี้  การเข้าถึง รู้แจ้งรู้จริงในตัวทุกข์นี่แหละ จึงนำไปสู่การเกิด  ธรรมสังเวชแห่งความทุกข์ อันเป็นถิ่นกำเนิดของปัญญา  พระพุทธศาสนาจึงกำหนดให้รู้ทุกข์ ซึ่งกล่าวว่า 'ทุกข์  เป็นสิ่งที่ควรรู้' เมื่อรู้แล้ว จะได้ศึกษาหาความจริงเรื่องของทุกข์ ว่า มันเกิดขึ้นได้อย่างไร และจะดับได้อย่างไร  โดยการยึดถือทฤษฎีว่า สรรพธรรมทั้งหลายที่มีความเกิดขึ้น  ต้องมีความดับไป นี่เป็นกฎธรรมดา.. โดยการค้นพบสาระธรรมอันหนึ่ง  ได้แก่ สิ่งทั้งหลายเกิดขึ้น เพราะมีเหตุปัจจัย  เมื่อเหตุปัจจัยมีอยู่ สิ่งเหล่านั้นก็จะยังดำรงอยู่  เมื่อเหตุปัจจัยสิ้นไป สรรพสิ่งเหล่านั้นก็ย่อมสิ้นไป.. การสืบสาวค้นหาเหตุปัจจัยในสิ่งนั้นๆ ที่เกิดขึ้น  จึงเป็นกระบวนการเรียนรู้ในพระพุทธศาสนา ที่เรียกว่า  กระบวนการโยนิโสมนสิการ อันเป็นกระบวนการคิดพิจารณาโดยแยบคาย  เพื่อให้เกิดปัญญารู้แจ้งในสิ่งนั้นๆ

ในที่สุดแห่งการสืบสาว สอบสวน ค้นหาเหตุปัจจัยของเรื่องนั้น  จึงบรรลุผล เมื่อมีการพิจารณาโดยแยบคายจนเกิดปัญญารู้แจ้งว่า  สิ่งทั้งหลายไม่เที่ยง เพราะไปยึดมั่นยึดถือว่าเที่ยงแท้  จึงเป็นทุกข์ เพราะสิ่งทั้งหลายมิใช่ตัวตนบุคคลเราเขา  การรู้จักคิดพิจารณาในสรรพธรรมทั้งปวงแห่งโลกใบนี้  จึงทำให้พบสาระธรรมในความไม่มีสาระธรรมของโลก  สามารถรู้แจ้ง-รู้จริงในความมีอยู่จริงของโลกใบนี้  อันนำไปสู่การละวางคลายออกจากความกำหนัดยินดี การไม่ยึดติด  ให้ดำรงอยู่อย่างมีสติ ไม่ประมาท  และรู้จักเพียรละโดยกำหนดรู้เท่าทันในอารมณ์ทั้งปวง  เมื่อรู้เท่าทันและละวางได้ ผัสสะก็ไม่เกิดขึ้น  เมื่อผัสสะไม่เกิดขึ้น สังวรธรรม ก็ย่อมคุ้มครองจิตให้อยู่เหนือโลก  ไม่หวั่นไหวไปตามโลก จึงไม่ก่อรูปกระแสไปตามเหตุปัจจัย เพราะ  รู้ทันผัสสะ .. ความทุกข์ทั้งปวงจึงดับสิ้นไป ด้วยประการฉะนี้

การพัฒนาจิตใจให้สงบนิ่ง มั่นคงอยู่ในสังวรธรรม  ในท่ามกลางกระแสแห่งความไร้สาระธรรมของโลกนั้น  จึงเป็นงานสำคัญยิ่งของมนุษยชาติที่เกิดมาพบพระพุทธศาสนา  ได้ศึกษาปฏิบัติจนเห็นคุณค่า และสามารถเข้าถึงคุณค่าแห่งธรรมนั้น  จนสามารถจัดหาดุลยภาพให้ชีวิตตนเองได้  เพื่อการดำเนินชีวิตไปตามกระแสโลก อย่างอยู่เหนือกระแส.. นี่คือธรรมะที่ปรากฏในห้วงเวลาที่เดินทางไปประกอบศาสนกิจในชมพูทวีป  ซึ่งขอมอบให้สาธุชนผู้อ่านไทยโพสต์เป็นมงคลชีวิต... เพื่อการอยู่ในโลกที่ไร้สาระ  อย่างมีสาระอันประเสริฐตามวิถีพุทธ........ พึงสาธุการด้วยเทอญ..

เจริญพร



--
facebook: รวมพลังสวดพระปริตรอธิษฐานจิตเพื่อแผ่นดินไทย
facebook: อาสาสมัคร ดรุณธรรม
https://sites.google.com/site/praparitta/
[email protected]
คำสำคัญ (Tags): #การพัฒนาจิต
หมายเลขบันทึก: 522031เขียนเมื่อ 11 มีนาคม 2013 13:42 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 มีนาคม 2013 13:42 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท