เทคนิควิธีที่ทำให้รักการเรียนรู้ตลอดเวลาของแต่ละคนแตกต่างกัน ระยะนี้ครูอ้อยป่วยด้วยอาการแขนข้างขวาหักไม่สะดวกในการใช้มือขวา ครูอ้อยเกิดการเรียนรู้ว่า ต้องอยู่ให้ได้ด้วยมือซ้ายที่เขียนไม่คล่อง และผนวกกับการจดแบบสั้นที่ได้ความหมายเวลาที่เข้าห้องประชุม
เมื่อวานนี้และหลายๆวันที่ผ่านมา ท่านผู้อำนวยการและรองผู้อำนวยการของโรงเรียนที่ครูอ้อยสอนเป็นผู้บรรยายเรื่องการจัดทำรายงานประจำปี การเขียนแผนปฏิบัติการประจำปี การจัดทำการประกันคุณภาพภายใน ล้วนแล้วแต่เป็นเรื่องสำคัญที่จำไม่ค่อยได้ มันมากมายเสียเหลือเกิน ครูอ้อยก็จะมีกระดาษเพียงแผ่นเดียว จดแบบ Mapping ก้างปลา ที่โยงใยให้เห็นการพูดของท่านทั้งสามในกระดาษแผ่นเดียวแต่ละวัน จดเพียงคำสำคัญเท่านั้น นอกนั้นครูอ้อยจะฟังให้เข้าใจ ไม่พูดคุยกับใคร
บางตอนที่ท่านผู้อำนวยการค้นคว้าความรู้มานำเสนอพวกเราด้วย u-tube หรือ Power point ครูอ้อยจะใช้กล้องถ่ายภาพเอาไว้เตือนความจำ และนำกลับมาทำความเข้าใจ เวลาที่ทำการบ้านส่งก็นำกระดาษแผ่นเดียวนี้ดู ระลึกถึงสิ่งทีี่ท่านได้พูด ประกอบกับเปิดกล้องดูด้วย
การจดนี้เป็นสิ่งที่ดีที่สุดในการทบทวนความจำ บางครั้งไม่สะดวกในการจดในกระดาษเวลาเดินทางไปทัศนศึกษา ก็จะจดในกระดาษที่พับเป็นเล่มจนเล็กใส่ลงไปในกระเป๋าเสื้อได้ จดในส่วนที่สำคัญ วันเดือนปี ชื่อคน สถานที่ ความเป็นมา และส่วนสำคัญที่เราต้องการจะจำ
เมื่อกลับมาบ้านครูอ้อยมักจะจดสั้นๆไว้ที่ปฏิทินเพื่อให้รู้ในเวลาที่ผ่านไปว่า ในแต่ละวันได้ไปไหนทำอะไร เป็นการเตือนความจำในอนาคตด้วยว่าเราต้องทำอะไร ก่อนไปทำงานของแต่ละวันครูอ้อยก็จะอ่านปฏิทินนี้ อย่างน้อยคุยกับเพื่อนได้ว่า วันนี้วันขึ้น 9 ค่ำ เดือน 4 ปีมะโรง ซึ่งหลายๆคนไม่รู้ในเรื่องนี้
การจด เป็นเรื่องที่สำคัญ โดยเฉพาะการบันทึก จะทำให้เป็นผู้ที่มีระเบียบแบบแผน สมัยที่ครูอ้อยเรียนในมหาวิทยาลัย อาจารย์ชื่นชมครูอ้อยว่า เป็นผู้ที่ลำดับงานได้ดี สามารถทำงานได้ตามลำดับความสำคัญ เพราะการจดทำให้เรามองเห็นอนาคต และมองผ่านทะลุการทำงานได้ดี
เหตุการณ์สำคัญๆที่ผ่านมาในชีวิต ครูอ้อยก็จะจดไว้ทุกครั้ง ผ่านมาปีทีีโกทูโนว์แห่งนี้ที่จดบันทึกการทำงานไว้หลายเรื่องราวใน 12เล่ม ครูอ้อยจะบันทึกมันทุกเรื่องในสมุดเหล่านี้ หลายปีก่อนมีคนทักครูอ้อยว่าจดหลายบันทึกจะทำให้คนสับสน แต่พอหลายปีผ่านไปกลับจะเป็นประโยชน์ในการสืบค้น เช่น เรื่องครอบครัวจะอยู่ในเล่มครูสิริพรกับบันทึก นำมาอ่านอีกครั้งที่ประทับใจยิ้มยิ้มได้ในหลายๆบันทึก บันทึกเหล่านี้เป็นประวัติศาสตร์ของครูอ้อยเกือบจะ 6,000 บันทึกในเร็วๆนี้
ด้วยการจดนี้ติดตามมาจากอุปนิสัยขี้ลืมและต้องการจดความจริงที่ปรากฏ ไม่ให้ความจริงเหล่านี้ผ่านเลยไป หรือตายจากไปพร้อมๆกับครูอ้อย จดทั้งเรื่องราวลบ และบวก เพื่อเตือนสติเราเสมอว่า ชีวิตนี้คือการเรียนรู้ตลอดเวลา ไม่มีวันจบสิ้นจนตราบชีวิตจะหาไม่
นานๆจะเขียนบันทึก ทั้งๆที่มีหลายเรื่องราวที่อยากเขียนเก็บไว้ แต่จะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม มาอ่านบันทึกของครูอ้อยแล้วเป็นอีกแรงหนึ่งที่กระตุ้นตัวเองค่ะ ขอบคุณนะค่ะ
รู้อะไร ไม่สู้ รู้วิชา รู้รักษา ตัวรอด เป็นยอดดี