ครูอ้อยร้องสุดเสียงในเวลาที่พยาบาลย้ายเคลื่อนย้ายในวันที่เกิดเหตุ เพราะแขนหัก ใครเล่าจะทนได้ ขืนทนไปสิ กระดูกจะได้ทิ่มออกมานอกเนื้อ เพราะ คุณพยายาลเล่นห่อผ้าและวางบนเตียงอย่างรวดเร็ว ครูอ้อยไม่ทนล่ะ และจะต้องย้ายกันกี่ครั้ง ไม่ทน ไม่เอา อย่ามาทำแบบนี้กับฉัน นี่คือคำที่พร่ำของผู้ป่วยอย่างครูอ้อย
เกิดการเรียนรู้ในขณะที่เป็นผู้ป่วยคือ อย่าอดทนนะ มิฉะนั้นท่านต้องอดทนไปอย่างนี้ตลอด และอาการของท่านจะหนักขึ้น ปวดมากก็ต้องบอกว่าปวดมา่กที่สุด อย่าทำเ็ป็นฮี่โร่เกรงใจหมอพยาบาลทีเดียว
ผู้ป่วยต้องมีวินัย คุณหมอ คุณพยาบาลสั่งอะไรต้องปฏิบัติตาม สองเดือนแรกให้กินแคลเซี่มหลังอาหาร เดือนที่สามให้กินก่อนอาหารยามที่ท้องว่าง คุณหมอคนเดียวกันนี่นะ ผู้ป่วยอย่างครูอ้อยก็ต้องเคร่งครัดกับการกินยา จนต้องถกเถียงกับพ่อบ้านว่า กินตอนไหนกันแน่ อ้าวเรากินผิดเวลามาตั้ง 2เดือน ที่ซองยาก็ระบุมาแบบนี้ ตกลงการมีวินัยของครูอ้อยในเรื่องกินยาพลาดเพราะ คุณหมอหรือคนจ่ายยา แต่ผลมาตกที่แขนเรา หายช้าเพราะกินยาผิดเวลาไหมนี่
2เดือนแรก กระดูกตรงรอยต่อยังไม่เชื่อมต่อ เดือนต่อมาคุณหมอบอกน็อตหลุด ให้ระวังอย่างมากกับการเคลื่อนไหว ครูอ้อยเป็นผู้ป่วยชั้นเยี่ยม ไม่บริหารอะไรเลย ไม่ขยับเลย เพราะกลัวน็อตอีก 4ตัวหลุด
เวลาผ่านไปอีก 1เดือน คุณหมอบอกว่า ไม่มีการดัดแขนอะไรเลย นี่แขนจะเหยียดไม่ได้แล้วต่อจากนี้ไปให้นวดและเหยียดตรงทุกวัน มาคราวหน้า แขนต้องเหยียดตรงให้ได้
อ้าว.....คุณหมอบอกว่า ไม่ให้ขยับอะไรเลย พอมาวันนี้ มาว่าทำไมเหยียด แขนไม่ได้หักตรงนี้
ครูอ้อยเกิดการเรียนรู้มากมายในขณะที่เป็นผู้ป่วย
หายเป็นปกติโดยวันนะครับ
ถ้าเป็นแคลเซียมซิเทรท จะดูดซึมได้ดีตอนท้องว่างค่ะ
ส่วนแคลเซียมอื่นๆ (แคลเซียมคาร์บอเนต, แคลเซียมแลคเตต) ควรรับประทานพร้อมอาหารค่ะ เพราะเป็นช่วงที่กรดในกระเพาะจะถูกหลั่งออกมามากทำให้การดูดซึมแคลเซียมดีขึ้น