อานิสงส์จากคดีพระวิหาร..หากรู้คิดสักนิด
พศ. ๒๕๐๕ เขมรเพิ่งได้เอกราชมาจากฝรั่งเศส ๘ ปี เพิ่งเตาะแตะหัดเดินในเวทีโลก แต่ทำไมกล้าฟ้องไทยต่อศาลโลก ชาติที่ยิ่งใหญ่กว่าตนมากนัก ทั้งในแง่จำนวนประชากร เศรษฐกิจ และประวัติศาสตร์ ถึงขนาดส่งทูตไปฝรั่งเศสแต่สมัยพระนารายณ์
ซึ่งการฟ้องนี้เสี่ยงต่อความขัดแย้ง ที่อาจนำไปสู่สงคราม
มันเป็นเรื่องประหลาดมากที่ในสภาพแห่งพศ.นั้น เขมรจะคิดได้เพียงนั้น หรือจะมีความเห็นคุณค่าในศิลปวัฒนธรรมปานนั้น แม้คิดได้ ก็ไม่น่ากล้า เพราะเห็นก็เห็นอยู่ว่าสภาพภูมิประเทศมันของไทยชัดๆ ล้านเปอร์เซ็นต์ แถมตัวก็เล็กกระจิริดเมื่อเทียบกับเขา
อนุมานได้ไม่ยากว่า ที่ทำการฟ้องศาลโลกทั้งหมดนั้น เสี้ยมสอน ยุงยง โดยฝรั่งเศสทั้งสิ้น เพราะฝรั่งเศส มีข้อมูลในมือสำคัญอยู่สองอย่างคือ แผนที่ ที่ฝรั่งเศสทำไว้ใน คศ. ๑๙๐๕ และ ที่สำคัญภาพยนตร์บันทึกการเสด็จของกรมพระยาดำรงฯ ยังปราสาทพระวิหาร ที่ฝรั่งเศสบันทึกไว้
พวกฝรั่งเศสมันเจ้าเล่ห์อยู่แล้ว มันเอาสองประเด็นนี้เข้าศาลโลก พร้อมอ้างกฎหมาย “ปิดปาก” ก็เสร็จมันแน่ๆ ทั้งที่ไม่ได้เป็นกฎหมายที่มีบัญญัติไว้ทั้งในไทย และในเขมร ในสมัยโน้น ..แล้วมันก็อ้างว่าเราต้องใช้กฎหมายฝรั่งเป็นพื้นฐานในการตัดสินคดีหน้าตาเฉย แบบหมาป่าลูกแกะ (ส่วนลูกหมาเขมรก็ได้กินเศษกระดูกลูกแกะที่หมาฝรั่งแทะเหลือไว้อีกต่อ)
ทำไม คณะทนายไทยในขณะนั้น ไม่แย้งว่า ทำไมไม่ใช้กฎหมายไทยกับกฎหมายเขมรในขณะนั้นเป็นบรรทัดฐานในการตัดสินคดี ทำไมต้องไปใช้กฎหมายปิดปากของฝรั่ง ซึ่งไทยและเขมรไม่รู้จัก
ประวัติศาสตร์ซ้ำรอย วันนี้อะไรๆ เราก็เห่อสากล ให้สากลมาย่ำยีเราได้หมด เช่น iso FreeTrade สูตสากล การศึกษาสากล(นานาชาติ) และสิ่งศักดิ์ทั้งหลายในสากลโลก
ยอมตามสากลจนเสียดินแดนไปมากหลายแล้ว แล้วมาตรฐานชาติไทยอยู่ตรงไหน จะเป็นหลักของชาติอะไรได้บ้างไหม
...คนถางทาง (๒๐ เมษายน ๒๕๕๖)
โอยยย.... บทความนี้ ถูกใจค้าาาา......
อ้อ...ขออนุญาตอาจารย์ นำไปเผยแพร่ใน FB นะคะ จะได้สะกิดและเตือนสติบางกลุ่มชน ซึ่งจะเห็นกันมั้ย ก็ไม่รุ...