เดือนธันวา ๕๕ ผมไปตรวจสุขภาพประจำปีที่ รพ.แห่งหนึ่งใน กทม. ผลออกมาไม่ดีเท่าไร น้ำหนักตัวเกือบ ๗๐ กก. (สูง ๑๖๑ ซม.) ส่วนผลเลือดเป็นดังนี้
อาการที่ปรากฏกับร่างกายก็มี
คำแนะนำที่ได้โดยรวมๆ ก็ คือ ให้ลดน้ำหนักด้วยการควบคุมอาหารและออกกำลังกาย โดยให้รายละเอียดมาด้วยว่าควรลดละอาหารอะไรบ้าง
รายงานตัวเลขต่างๆ จากการตรวจ และอาการเสื่อมที่ปรากฏกับร่างกายอย่างค่อยเป็นค่อยไป ทำให้ผมได้รู้สึกตัวขึ้นมาว่า ร่างกายผมได้ส่ง "สัญญาณ" มาอย่างต่อเนื่อง แต่ผมประมาท และไม่ใส่ใจเท่าที่ควร และยังเข้าใจผิดเกี่ยวกับการกินอยู่พอสมควร เช่น เข้าใจว่ากินแป้งน้อยๆ กินโปรตีนมากๆ (ซึ่งผมทำต่อเนื่องมาหลายปี) จะช่วยควบคุมน้ำหนัก ซึ่งก็ได้ผลเพียงระยะหนึ่งและระดับหนึ่ง แต่กลับส่งผลในระยะยาวกับตับไตไส้พุง (ดังจะได้เขียนต่อไปว่าผมค้นพบอะไรใหม่ๆ เกี่ยวกับเรื่องนี้บ้าง)
ที่สำคัญคือ นึกถึง ดร.อภิวัฒน์ วัฒนางกูร (อาจารย์มหาวิทยาลัยและพิธีกรรายการโทรทัศน์ เช่น จันทร์กระพริบ) ที่เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งเมื่ออายุเพียง ๔๙ ปี ก่อนเสียชีวิต ได้เขียนไว้ในหนังสือ มองชีวิตผ่านมะเร็ง ว่า "ผมเป็นคนเรียนหนังสือเก่ง ทำอะไรได้ดีในชีวิตแต่ไม่ฉลาด หลายคนอาจมองว่า คนเรียนจบดอกเตอร์ต้องมีสติปัญญาล้ำเลิศ แต่ผมมีความล้ำเลิศในเรื่องอื่น ๆ ผมได้ปริญญาเอกทางวิชาการก็จริง แต่ผมไม่ได้ปริญญาชีวิต" นั่นคือท่านต้องมาพ่ายแพ้ให้แก่มะเร็งจากการใส่ใจในชีวิตในร่างกายของตนน้อยไป
จึงถึงเวลาที่ผม (สุรเชษฐ) จะต้องหันมาดูแลร่างกายตนเองอย่างไม่ประมาท โดยไม่ได้แต่ปริญญาวิชาการ แต่ต้องได้ปริญญาชีวิต ตามข้อคิดที่ ดร.อภิวัฒน์ ได้ฝากไว้
หลังจากเริ่มหันกลับมาดูแลร่างกายตนเองจริงจังขึ้น โดย...
ประมาณครึ่งปี ถึงเดือน พ.ค.๕๖ ปรากฏว่า น้ำหนักตัวลดลง ขึ้นลงอยู่ในระดับ ๖๒ - ๖๓ กก.
ที่สำคัญคือรู้สึกตัวเบาสบายขึ้น มั่นใจว่าชีวิตจะยืนยาวได้ด้วยการใส่ใจดูตนเองเช่นนี้ต่อไปและตลอดไป แม้ครอบครัว เพื่อนร่วมงาน และมิตรสหายหลายคนที่เป็นห่วงจะทักว่าผมดูผอมลง เป็นอะไรหรือเปล่า ผมได้ยิ้มๆ เพราะรู้ว่าตนแข็งแรงขึ้น
ผลการตรวจเลือดในเดือนมีนาคม ๕๖ เป็นหลักฐานเชิงประจักษ์ได้ในระดับหนึ่ง โดยไม่ได้รับประทานยาใดๆ ดังนี้
ค่าไขมันแม้จะยังไม่ลดลงถึงระดับมาตรฐานแต่ก็ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ
กำหนดการตรวจเลือดครั้งต่อไปวันที่ ๑๙ มิ.ย.๕๖ (ทุก ๓ เดือน) ผมเชื่อว่าจะดีขึ้นอีกด้วยการดูแลเอาใจใส่ตนเองเช่นนี้ต่อไป
การปรับเปลี่ยนตนเองครั้งใหญ่ในวัย ๕๗ นี้ ผมได้ให้เวลากับการค้นคว้าศึกษาหลักคิด แนวคิด จากหนังสือทั้งไทยและเทศ จากการสนทนาพูดคุยกับผู้มีประสบการณ์ จากการไปเข้าคอร์สสุขภาพ และจากการลงมือปฏิบัติด้วยตนเอง ทำให้ผมได้เนื้อหาสาระและประสบการณ์ที่อยากนำมาบันทึกใน gotoknow โดยเปิดสมุดบันทึกเล่มใหม่ในชื่อ กินอยู่อย่างไร ก็เป็นอย่างนั้น
โดยจะเขียนบันทึกไปเรื่อยๆ เรื่องกินบ้าง เรื่องการออกกำลังบ้าง เรื่องการใช้ชีวิตบ้าง สั้นบ้าง ยาวบ้าง ประสบการณ์ตนเองบ้าง และความรู้เชิงทฤษฎีที่ได้ศึกษาค้นคว้ามาบ้าง.
ยอดเยี่ยมมากค่ะ เป็นหลักฐานเชิงประจักษ์ที่ดีมากๆ ขอเป็นกำลังใจอย่างชื่นชมค่ะ ขอให้ทำได้อย่างยั่งยืนและผลตรวจครั้งต่อไปจะดีขึ้นจนอยู่ในระดับมาตรฐานสำหรับทุกๆอย่างนะคะ จะคอยติดตามบันทึกค่ะ
ตามมาเชียร์ค่ะ เราเป็น Healer ให้แก่ตัวของเราเองได้ดียิ่งกว่ายาเสียอีกอีกค่ะ
ค่ะ มีผู้เป็นอย่างอาจารย์มากเหลือเกิน ก่อนที่จะมาปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของตัวเอง รวมทั้งดาก็เป็นมาก่อน ไม่ป่วยไม่มีโรคเกิดในร่างกายก็ไม่ได้ระวัง โดยเฉพาะเรื่องอาหาร แม้แต่เดี๋ยวนี้ทราบดี แต่ก็ยังไม่ปฏิบัติก็มี ชื่นชมอาจารย์มากนะคะที่ทำได้ ไปแวะที่บันทึกเรื่องกระเทียมกับน้ำำมันมะพร้าวก่อนมาแวะที่บันทึกนี้ อาจารย์ทานประจำนะคะจะทำให้ระดับไขมันดีและมีผลพลอยได้กับร่างกายที่จะได้รับจากสมุนไพรเป็นยา 2 ชนิดนี้ก็จะได้ด้วย เรื่องกระเทียมดายังไม่ได้เขียนบันทึกผลการวิจัยที่พอจะทราบบ้าง เพราะยาวพอควรกลัวไม่มีคนอ่าน จะตั้งใจเขียนสักวันค่ะ
ขอเป็นแรงเชียร์พร้อมมอบกำลังใจให้ด้วยนะคะ สำหรับสมุด " กินอยู่อย่างไร ก็เป็นอย่างนั้น "
ขอบพระคุณทั้ง ๓ ท่านที่ให้กำลังใจและความเห็นครับ
ขอบคุณครับสำหรับตัวอย่างจริง ขอเข้ามาเรียนรู้ด้วยคนครับ