ทำอย่างไรให้คอเลสเตอรอลลดโดยไม่ต้องกินยา?


เดือนธันวา ๕๕ ผมไปตรวจสุขภาพประจำปีที่ รพ.แห่งหนึ่งใน กทม. ผลออกมาไม่ดีเท่าไร น้ำหนักตัวเกือบ ๗๐ กก. (สูง ๑๖๑ ซม.) ส่วนผลเลือดเป็นดังนี้ 

  • คอเลสเตอรอล ๒๓๔ (ค่ามาตรฐานไม่ควรเกิน ๒๐๐)
  • ไตรกรีเซอไรด์ ๑๙๕ (ค่ามาตรฐานไม่ควรเกิน ๑๕๐)
  • แอลดีแอล ๑๗๙ (ค่ามาตรฐาน ไม่ควรเกิน ๑๐๐)
  • เอชดีแอล ๓๔.๘ (ค่ามาตรฐานควรสูงกว่า ๔๐)
  • กรดยูริค ๘.๗ (ค่ามาตรฐานไม่ควรเกิน ๗.๒)
  • ค่ายูเรียไนโตรเจน (BUN - เกี่ยวกับการทำงานของไตในการขจัดสารยูเรียจากการย่อยโปรตีน) ๒๑.๑ (ค่ามาตรฐานไม่ควรเกิน ๒๐) คำแนะนำคือควรตรวจค่า BUN ซ้ำหลังจากระยะหนึ่ง
  • ส่วนค่าเกี่ยวกับการทำงานของตับ SGOT ๒๙ และ SGPT ๓๘ 

อาการที่ปรากฏกับร่างกายก็มี 

  • ต้อหินเรื้อรัง จากความดันในลูกตาสูง (หากดำเนินต่อไปเรื่อยๆ ตาจะเสื่อมไปเรื่อยๆ จนบอดได้)
  • นิ้วล็อก โดยเฉพาะเมื่อตื่นนอนตอนเช้า
  • ปวดส้นเท้าเวลายืนหรือเดินนานๆ
  • ปวดเข่าขวาอยู่เนืองๆ
  • ปวดเอวตรงตำแหน่งไตข้างขวาอยู่เนืองๆ เคยปวดมากกระทั่งเข้าโรงพยาบาลอุลตราซาวน์ด์พบนิ่วในไต (แต่ไม่ผ่าดัด)
  • ริดสีดวงทวาร
  • ผมหงอกมากขึ้นและเร็วขึ้นจนเกือบขาวทั้งหัว

คำแนะนำที่ได้โดยรวมๆ ก็ คือ ให้ลดน้ำหนักด้วยการควบคุมอาหารและออกกำลังกาย โดยให้รายละเอียดมาด้วยว่าควรลดละอาหารอะไรบ้าง 

รายงานตัวเลขต่างๆ จากการตรวจ และอาการเสื่อมที่ปรากฏกับร่างกายอย่างค่อยเป็นค่อยไป ทำให้ผมได้รู้สึกตัวขึ้นมาว่า ร่างกายผมได้ส่ง "สัญญาณ" มาอย่างต่อเนื่อง แต่ผมประมาท และไม่ใส่ใจเท่าที่ควร และยังเข้าใจผิดเกี่ยวกับการกินอยู่พอสมควร เช่น เข้าใจว่ากินแป้งน้อยๆ กินโปรตีนมากๆ (ซึ่งผมทำต่อเนื่องมาหลายปี) จะช่วยควบคุมน้ำหนัก ซึ่งก็ได้ผลเพียงระยะหนึ่งและระดับหนึ่ง แต่กลับส่งผลในระยะยาวกับตับไตไส้พุง (ดังจะได้เขียนต่อไปว่าผมค้นพบอะไรใหม่ๆ เกี่ยวกับเรื่องนี้บ้าง)

ที่สำคัญคือ นึกถึง ดร.อภิวัฒน์ วัฒนางกูร  (อาจารย์มหาวิทยาลัยและพิธีกรรายการโทรทัศน์ เช่น จันทร์กระพริบ) ที่เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งเมื่ออายุเพียง ๔๙ ปี ก่อนเสียชีวิต ได้เขียนไว้ในหนังสือ มองชีวิตผ่านมะเร็ง ว่า   "ผมเป็นคนเรียนหนังสือเก่ง ทำอะไรได้ดีในชีวิตแต่ไม่ฉลาด หลายคนอาจมองว่า คนเรียนจบดอกเตอร์ต้องมีสติปัญญาล้ำเลิศ แต่ผมมีความล้ำเลิศในเรื่องอื่น ๆ ผมได้ปริญญาเอกทางวิชาการก็จริง แต่ผมไม่ได้ปริญญาชีวิต" นั่นคือท่านต้องมาพ่ายแพ้ให้แก่มะเร็งจากการใส่ใจในชีวิตในร่างกายของตนน้อยไป

จึงถึงเวลาที่ผม (สุรเชษฐ) จะต้องหันมาดูแลร่างกายตนเองอย่างไม่ประมาท โดยไม่ได้แต่ปริญญาวิชาการ แต่ต้องได้ปริญญาชีวิต ตามข้อคิดที่ ดร.อภิวัฒน์ ได้ฝากไว้ 

หลังจากเริ่มหันกลับมาดูแลร่างกายตนเองจริงจังขึ้น โดย...

  • เปลี่ยนวิธีกินอาหาร ตั้งแต่การพยายามลด เลี่ยง และงดอาหารที่มีสารเคมีลง โดยเฉพาะอาหารสำเร็จรูป อาหารเจือสีสังเคราะห์ อาหารใส่สารกันบูดทุกชนิด รวมทั้งลดหวาน มัน เค็ม อาหารรสจัดลง กระทั่งปัจจุบันตัดสินใจกินมังสวิรัติ โดยยังกินไข่สัปดาห์ละครั้งสองครั้ง และกินเนื้อปลาเดือนละครั้งสองครั้ง กินผักสดและผลไม้ทุกวัน กินข้าวกล้อง ฯลฯ 
  • ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ โดยการเดิน ถีบจักรยาน และยกน้ำหนัก (กระชับกล้ามเนื้อ) โดยถือเป็นสิ่ง "สำคัญ" ในระดับความเป็นความตายของชีวิต ไม่ใช่กิจกรรม "เสริม" ในชีวิตที่จะทำก็ได้ไม่ทำก็ได้ อีกต่อไป 

ประมาณครึ่งปี ถึงเดือน พ.ค.๕๖ ปรากฏว่า น้ำหนักตัวลดลง ขึ้นลงอยู่ในระดับ ๖๒ - ๖๓ กก. 

  • ความดันในลูกตาจากต้อหินเรื้อรังลดลงอยู่ในเกณฑ์ปกติ แม้ลานสายตาจะเท่าเดิม แต่รู้สึกมองอะไรแจ่มขึ้น
  • นิ้วล็อกเมื่อตื่นนอนตอนเช้าหายไป 
  • ปวดส้นเท้าเวลายืนหรือเดินนานๆ ทุเลาลง
  • ปวดเข่าขวาอยู่เนืองๆ ยังมีอยู่ แต่ทุกเลาลง
  • ปวดเอวตรงตำแหน่งไตขวาค่อยๆ ห่างขึ้นๆ จนเกือบไม่รู้สึกอีก
  • ริดสีดวงทวาร ค่อยๆ ฝ่อลงๆ จนกระทั่งลืมไปเลย เหมือนไม่เคยเป็นมาก่อน (พยายามคลำหาก็ไม่เจออีก)
  • หงอกขาวเริ่มหยุดและเส้นผมที่งอกใหม่มีเส้นสีดำแซมขึ้นมา เริ่มจากด้านท้ายทอย แล้วลามไปทางข้างหัวด้านซ้าย แล้วค่อยๆ ดำขึ้นด้านขวา ส่วนข้างหน้าและข้างบนยังขาวอยู่ (ผมไม่เคยใช้ยาย้อมผมเลยในชีวิตเพราะกลัวสารเคมี) 

ที่สำคัญคือรู้สึกตัวเบาสบายขึ้น มั่นใจว่าชีวิตจะยืนยาวได้ด้วยการใส่ใจดูตนเองเช่นนี้ต่อไปและตลอดไป แม้ครอบครัว เพื่อนร่วมงาน และมิตรสหายหลายคนที่เป็นห่วงจะทักว่าผมดูผอมลง เป็นอะไรหรือเปล่า ผมได้ยิ้มๆ เพราะรู้ว่าตนแข็งแรงขึ้น 

ผลการตรวจเลือดในเดือนมีนาคม ๕๖ เป็นหลักฐานเชิงประจักษ์ได้ในระดับหนึ่ง โดยไม่ได้รับประทานยาใดๆ ดังนี้ 

  • คอเลสเตอรอลจาก ๒๓๔ เหลือ ๒๑๗ 
  • ไตรกรีเซอไรด์จาก ๑๙๕ เหลือ ๑๗๑ 
  • แอลดีแอลจาก ๑๗๙ เหลือ ๑๕๐
  • เอชดีแอลจาก ๓๔.๘ ลดลงเหลือ ๓๓.๐ (ตัวนี้ยิ่งสูงยิ่งดี แสดงว่าผมยังออกกำลังน้อยไป)
  • กรดยูริคจาก ๘.๗ เหลือ ๖.๙
  • ค่ายูเรียไนโตรเจน (BUN - เกี่ยวกับการทำงานของไต) จาก ๒๑.๑ เหลือ ๑๒.๐
  • ส่วนค่าเกี่ยวกับการทำงานของตับ SGOT ๓๒ และ SGPT ๔๗  

ค่าไขมันแม้จะยังไม่ลดลงถึงระดับมาตรฐานแต่ก็ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ 

กำหนดการตรวจเลือดครั้งต่อไปวันที่ ๑๙ มิ.ย.๕๖ (ทุก ๓ เดือน) ผมเชื่อว่าจะดีขึ้นอีกด้วยการดูแลเอาใจใส่ตนเองเช่นนี้ต่อไป

การปรับเปลี่ยนตนเองครั้งใหญ่ในวัย ๕๗ นี้ ผมได้ให้เวลากับการค้นคว้าศึกษาหลักคิด แนวคิด จากหนังสือทั้งไทยและเทศ จากการสนทนาพูดคุยกับผู้มีประสบการณ์ จากการไปเข้าคอร์สสุขภาพ และจากการลงมือปฏิบัติด้วยตนเอง ทำให้ผมได้เนื้อหาสาระและประสบการณ์ที่อยากนำมาบันทึกใน gotoknow โดยเปิดสมุดบันทึกเล่มใหม่ในชื่อ  กินอยู่อย่างไร ก็เป็นอย่างนั้น

โดยจะเขียนบันทึกไปเรื่อยๆ เรื่องกินบ้าง เรื่องการออกกำลังบ้าง เรื่องการใช้ชีวิตบ้าง สั้นบ้าง ยาวบ้าง ประสบการณ์ตนเองบ้าง และความรู้เชิงทฤษฎีที่ได้ศึกษาค้นคว้ามาบ้าง.

หมายเลขบันทึก: 534919เขียนเมื่อ 6 พฤษภาคม 2013 20:19 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 พฤษภาคม 2013 20:53 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (6)

ยอดเยี่ยมมากค่ะ เป็นหลักฐานเชิงประจักษ์ที่ดีมากๆ ขอเป็นกำลังใจอย่างชื่นชมค่ะ ขอให้ทำได้อย่างยั่งยืนและผลตรวจครั้งต่อไปจะดีขึ้นจนอยู่ในระดับมาตรฐานสำหรับทุกๆอย่างนะคะ จะคอยติดตามบันทึกค่ะ

ตามมาเชียร์ค่ะ เราเป็น Healer ให้แก่ตัวของเราเองได้ดียิ่งกว่ายาเสียอีกอีกค่ะ

ค่ะ มีผู้เป็นอย่างอาจารย์มากเหลือเกิน ก่อนที่จะมาปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของตัวเอง รวมทั้งดาก็เป็นมาก่อน ไม่ป่วยไม่มีโรคเกิดในร่างกายก็ไม่ได้ระวัง โดยเฉพาะเรื่องอาหาร แม้แต่เดี๋ยวนี้ทราบดี แต่ก็ยังไม่ปฏิบัติก็มี ชื่นชมอาจารย์มากนะคะที่ทำได้ ไปแวะที่บันทึกเรื่องกระเทียมกับน้ำำมันมะพร้าวก่อนมาแวะที่บันทึกนี้ อาจารย์ทานประจำนะคะจะทำให้ระดับไขมันดีและมีผลพลอยได้กับร่างกายที่จะได้รับจากสมุนไพรเป็นยา 2 ชนิดนี้ก็จะได้ด้วย  เรื่องกระเทียมดายังไม่ได้เขียนบันทึกผลการวิจัยที่พอจะทราบบ้าง เพราะยาวพอควรกลัวไม่มีคนอ่าน จะตั้งใจเขียนสักวันค่ะ

ขอเป็นแรงเชียร์พร้อมมอบกำลังใจให้ด้วยนะคะ สำหรับสมุด " กินอยู่อย่างไร ก็เป็นอย่างนั้น " 

ขอบพระคุณทั้ง ๓ ท่านที่ให้กำลังใจและความเห็นครับ

ขอบคุณครับสำหรับตัวอย่างจริง ขอเข้ามาเรียนรู้ด้วยคนครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท