ผมชื่อ ....อายุ 33 ปีครับ ขณะนี้ก็ป่วยเป็นโรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง หรือ HIV แต่ผมก็ได้รับการรักษาโดยทานยาเป็นประจำทุกวัน เป็นเพียงตัวยาต้านไวรัสเท่านั้นแต่มิได้หายขาด ผมได้เปิดอ่านไปเจอบทความที่อาจารย์ได้โพสท์ไว้ที่ http://www.gotoknow.org/posts/487561
จึงใคร่ขอความเมตตาจากอาจารย์ได้แนะนำผมด้วยว่า วัดที่ที่อาจารย์แนะนำนั้นเป็นวัดเดียวกันที่ผมเข้าใจหรือไม่ครับ
ทุกวันนี้ผมยอมรับว่าบ่อยครั้งที่รู้สึกสับสนว่าจะดำเนินชีวิตต่อไปอย่างไรดีเพราะเนื่องมาจากโรคที่เป็นอยู่นี้ครับ
อยาก
จะหายขาด
แต่ก็ยังหาทางรักษาไม่เจอครับ
ถ้ามีโอกาสหายแล้วผมใคร่อยากจะอุปสมบท
เพื่อปฏิบัติธรรมกรรมฐาน
เพื่อสร้างกุศลให้ตนเองและเป็นการตอบแทนผู้มีพระคุณมีบิดามารดาเป็นต้นครับ
ผมใคร่ขอคำแนะนำจากอาจารย์อีกครั้งครับว่าผมต้องทำอย่างไรบ้าง ที่จะไปขอการรับรักษาจากหลวงพ่อ มา ณ
โอกาสนี้
ด้วยความเคารพและขออนุโมทนาบุญกุศลที่อาจารย์ได้เมตตามาในครั้งนี้ด้วยครับ สาธุฯ
**************************
อ.ญาณภัทร ช่วยตอบค่ะ
***********************
อันดับแรก การเป็นโรคทุกชนิด ตามหลักพระพุทธศาสนาถือว่าเป็นวิบากที่เกิดจากอกุศลกรรมในอดีตที่ผ่านมา ซึ่งเราห้ามไม่ได้
มันเป็นไปตามเหตุปัจจัยของมัน แต่เราสามารถเรียนรู้ที่จะอยู่กับมันให้ดีที่สุดได้ กล่าวคือ...
หากมองในแง่บวก การป่วยทำให้เราเรียนรู้ที่จะมีชีวิตอยู่อย่างมีสติ ระมัดระวังสิ่งไม่ดี ไม่ซ้ำเติมชีวิตและพยายามใช้ชีวิตที่ยังมีลมหายใจ
มี
ความคิดความอ่าน มีกำลังวังชา
ในการสร้างสรรค์ประโยชน์เพื่อผู้อื่น
...ชีวิตที่บำเพ็ญประโยชน์อย่างมีสติ
นั้น ในทางพุทธถือว่าแม้เป็นอยู่เพียงวันเดียว
ก็ยังมีค่ากว่าคนที่มี
ชีวิตอยู่ตั้ง 100 ปี แต่ไม่บำเพ็ญประโยชน์...จึงควรใช้โอกาสที่ป่วย
เป็นโอกาสแห่งการเจริญสติ เจริญความดี เจริญบารมีให้แก่ตน ....
โดยไม่
หวังผลตอบแทนใดมากไปกว่าความสุขใจ...ที่ได้ทำดี....และเชื่อไหมว่า???
ผลแห่งการทำความดีนั้นมหัศจรรย์ยิ่งนัก ... บางครั้งมันกลับกลายเป็น
วัคซีน
ทางใจที่ดีที่สุด
ที่ทำให้เราหลุดจากทุกข์หรือจากอาการป่วยเลยทีเดียว....ขอผู้ป่วยจงตระหนัก
อย่างนี้แหล่ะ...อยู่กับปัจจุบัน....หมั่นสร้างสรรค์ความดี
อยู่ทุกวันเถิด...
ความ
ดีที่ง่ายที่สุด คือ การให้...ตักบาตร ให้ทาน ให้ธรรม ให้โอกาส ให้เกียรติ
ให้อภัย ให้รอยยิ้มกับทุกชีวิต ให้กำลังใจ...ยามที่เราเหงาเศร้า
รันทดกับชีวิต
เมื่อเรายกจิตสู่การให้...ความแช่มชื่นใจจะตามมาทันที .... ขอจงเป็นผู้ให้แก่ทุกชีวิตเถิด
ความ
ดีที่สอง คือ การรักษาศีล...ไม่ทำร้ายชีวิตแม้เล็กน้อย เจริญเมตตากรุณา
ไม่ละเมิดทรัพย์ผู้อื่น ไม่ผิดประวเณี มั่วสุมในทางเพศ ไม่หลอกลวงใคร
ไม่เสพยาเสพติดอันเป็นที่มาของความเมา
ขาดสติ...แค่นี้ก็เป็นที่มาของความสุขได้โดยไม่ยาก...ขอจงเป็นผู้มีศีล
บริสุทธิ์เถิด
ความดีที่สาม คือ การเจริญภาวนา...จากง่ายๆ คือ
สวดมนต์เป็นประจำ อิติปิโสฯ (พุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณ)
สวดเข้าไว้
...สวดเช้าค่ำเป็นกิจวัตร
และสวดทุกคราที่รู้สึกความทุกข์มันเกิด...เอาอำนาจพระรัตนตรัยมาคุ้มครอง
เรา...
ต่อไปก็หมั่นแผ่เมตตาให้ทุกชีวิต... เริ่มต้นที่ตนเอง พ่อแม่ ผู้มีพระคุณ ญาติมิตรที่รัก คนรอบข้าง คนที่ชัง ศัตรูคู่อริ เจ้ากรรมนายเวร และเหล่าสัตว์ทั้งปวง
...แผ่พลังแห่งความหวังดีให้บรรดาชีวิตทุกชีวิตเหล่า นั้น...
โดยเฉพาะผู้ป่วยต้องเจาะจงให้แรงๆ แผ่ไปให้หนักๆ
ถึงเจ้ากรรมนายเวรที่ผูกเวรกับเรา ส่งผลให้เกิดโรค เกิดป่วยตรงนั้น ตรงนี้
แผ่ให้ไป
"หากมีกรรมใดที่เราก่อต่อท่าน ขอผลบุญความดีที่เราได้ทำนี้
จงส่งถึงท่าน ขอให้ท่านมีความสุข ปราศจากเวรภัย
และอโหสิกรรมให้แก่กันด้วยเถิด.....
ทำอย่างนี้เป็นประจำ...
อำนาจแห่งเมตตาธรรมย่อมเป็นโอสถชั้นดีรักษากายใจของ เราได้
...ขั้นต่อมาก็หมั่นเจริญกรรมฐาน...
มีวิธีการสุดยอดอยู่วิธี
หนึ่ง...คือ....การเจริญวิปัสสนากรรมฐานตามแนวสติปัฏฐานสี่....อันนี้ถ้ามี
โอกาสต้องไปเข้าโรงเรียนกับครูบาอาจารย์เสียก่อน จะได้แนวทางดีๆ ชัดๆ
เพื่อนำมาปฏิบัติต่อด้วยตนเอง...อันนี้ถึงขัดลัดวงจรวิบาก...ตัดบ่วงเวรภัย
โดยเด็ดขาดทีเดียว...สำหรับผู้ป่วยจำนวนมาก..ถึงขั้นหายป่วย(จากโรคกรรม)
โดยอัศจรรย์ ...
ไม่เชื่ออย่าลบหลู่ หากมีโอกาสต้องลองดู...
มหากุศลที่สำคัญที่สุด คือ
วิปัสสนา...อย่ารอให้ถึงเวลาที่ทำอะไรไม่ได้แล้ว
จึงจะไปวิปัสสนา..เพราะ
เวทนาอันแรงกล้า
ความอ่อนล้ากายใจที่เกิดจากโรคภัย
เมื่อมันหนักเข้า มันก็ยากที่จะทำให้จิตใจสงบ...ถ้าทำได้ไวๆ หาโอกาสเสียเลย....
..ทางสายเอกสู่ความพ้นทุกข์ถาวร....
หากมองในแง่สัจจะ/ความจริง
การป่วยด้วยโรคร้าย เป็นเพียงฉากหนึ่งของความทุกข์ ความเจ็บปวด
ความหวาดกลัว ความโชคร้ายและหายนะแห่งชีวิต...
เพราะบรรดาสัตว์ทั้งหลายในโลกนี้ ล้วนหนีไม่พ้นความทุกข์มากมายรูปแบบ
หลากหลายกันไปตามผลกรรมที่ทำมา...
บางคนแม้ไม่ป่วยด้วยโรค ก็ต้องเจ็บ ต้องตายด้วยอุบัติเหต...
หรือบางคนก็อาจมีโรคอื่นที่ทุกข์ทรมานไม่แพ้กัน...
แต่ที่จะแพ้กันก็คือ...ระหว่างที่เจ็บ ที่ป่วย หรือก่อนจะตาย...ใครใช้ชีวิตอย่างมีสติ มีคุณค่าและมีบุญมากกว่ากันนั่นเอง
...เรื่องเจ็บป่วยเป็นเรื่องธรรมดา
แต่เรื่องที่เหนือธรรมดา คือ การยอมรับกับความเจ็บป่วย
และอยู่เหนือมันจนไม่มีความเจ็บป่วย ความเจ็บป่วยเป็นเพียงสิ่งสมมติ
ความเจ็บป่วยเป็นเพียงกระแสแห่งเหตุปัจจัย
ความเจ็บป่วยเป็นเพียงธรรมชาติที่มีความเกิดและดับเป็นธรรมดา....จงยอมรับ ความจริง
และไม่มองว่าเราเท่านั้นที่เจ็บป่วย...มีคนมากมายที่เจ็บป่วยเป็น เพื่อนทุกข์ของเรา...
หรือมองให้สูงไปกว่านั้น คือ
"ที่เจ็บป่วยนั้นไม่ใช่ของจริง
เพราะที่จริงไม่มี "เรา" ให้เจ็บป่วย" สรรพสิ่งเป็นอนัตตา ไม่ใช่ตัวตนที่แท้จริง
เป็นเพียงสักแต่ว่าธาตุขันธ์รวมกันเข้า เป็นไปตามกฎธรรมชาติของมัน "เช่นนั้นเอง"
...จงอยู่เหนือความเจ็บป่วยให้ได้แล้วจะสบาย....
ที่ว่ามานี้อาจจะยาก แต่หากหมั่นคิด หมั่นทบทวน ชวนตนไตร่ตรองอยู่เสมอ..เดี๋ยวหมั่นก็เป็นของง่าย...สบายมาก
จง
เริ่มต้น...จากการยิ้มให้ตัวเอง..แล้วบอกตัวเองว่า...เราสบายแล้ว
เราหายแล้ว ขอบคุณความเจ็บป่วยที่ทำให้เรามีสติและรู้ว่า
"แท้จริงกายเจ็บเป็นเรื่องของเจ้า...แต่ใจเราไม่เจ็บด้วย
เพราะเรามีสติเท่าทันปัจจุบันแล้วน่ะ...ด้วยพุทธานุภาพ ธรรมานุภาพ
สังฆานุภาพและบุญญานุภาพ
ขอผู้ที่เกี่ยวพันกับความเจ็บป่วยของเราทั้งทำให้ป่วยและช่วยให้หาย
จงมีความสุขเถิด ๆ ๆ....
--------------------------
การไปหา
หลวงพ่อเพื่อการรักษานั้น เบื้องต้นอาจจะต้องหมั่นไปไหว้พระ สวดมนต์
ถวายภัตตาหารอยู่เนืองๆ เพื่อจะได้ถามหา หรือเจอหลวงพ่อ
ได้โอกาสเหมาะจะได้เข้าไปกราบเรียนท่าน
และขอให้ท่านชี้แนะให้
ทั้งการรักษาทางกายด้วยสมุนไพร(ซึ่งแต่ละคนอาจไม่เหมือนกันตามแต่หลวงพ่อจะ
แนะนำ)
และการรักษาทางใจด้วยกรรมฐาน(ตามแต่หลวงพ่อจะแนะนำเช่นกัน)
ลอง
หาโอกาสไปที่วัดน่ะค่ะ เนื่องจากหลวงพ่อมีภาระกิจมาก
จึงไม่แน่นอนว่าวันไหนท่านอยู่หรือไม่ เพราะอาจารย์เองก็อยู่ไกล มีภาระมาก
ช่วงนี้ไม่ค่อยได้ไปที่วัดป่า
แต่หากเข้าไปก็สามารถสอบถามลูกศิษย์ฯที่วัดได้ค่ะว่า
"อยากมากราบหลวงพ่อ
หลวงพ่ออยู่ไม่ / ท่านจะมาเมื่อไร
(ถ้าท่านอยู่บางทีต้องรอหน่อย ใจเย็นๆ
เพราะท่านอาจติดกิจมากมาย แต่ที่วัดมีช่วงเวลาให้พบหลวงพ่อ เช่น หลังเพล
12.00-14.00 หรือ บางวันช่วงเช้าถ้าท่านไม่ติดกิจที่ไหน ก่อน 10.00 น.
ก็อาจได้เจอ
แต่ถ้าให้ดีที่สุด...ลองไปที่วัดสักครั้ง
กราบพระพุทธรูปที่วัด อธิษฐานดีๆ
ขอให้ได้โอกาสพบหลวงพ่อ
ขอโอกาสพบหลวงพ่อ...ตั้งสมาธิดีๆ แล้วอาจจะได้เจอท่านไวๆ ....
ขอให้โชคดีค่ะ
อ.แพร
ถ้าต้องการทราบที่อยู่วัดป่าและติดต่อผู้เขียน เพื่อเข้าไปทำการรักษาด้วยยาสมุนไพร
กรุณาเขียนเล่าเรื่องของตัวเองมาที่นี่นะคะ
[email protected]
แพรจะช่วยแนะนำเท่าที่ทำได้ค่ะ
จะพยายามตอบทุกคำถามนะคะ
ข่าวดี ล่าสุดวันที่ 7/7/2556 มีเมลเข้ามาแจ้งว่า
เค้าเข้าไปรักษากับหลวงพ่อกล้า เค้าหายจากโรคนี้แล้วค่ะ ไปตรวจแล้วไม่พบเชื้อแล้ว
รายละเอียดอยู่ในช่องแสดงความคิดเห็นด้านล่างค่ะการมีสติสำคัญนะคะ
ข่าวดีนะคะ ล่าสุดวันที่ 7/7/2556 มีเมลจากอดีตผู้ป่วยโรคเอดส์คนหนึ่ง เข้ามาแจ้งว่า
เค้าเข้าไปรักษากับหลวงพ่อกล้า เค้าหายจากโรคนี้แล้วค่ะ ไปตรวจแล้วไม่พบเชื้อแล้ว
รายละเอียดอยู่ในด้านล่างค่ะ
แพรก็ไม่ทราบจริงๆว่าเค้าคือใคร
ขอบคุณนะคะที่ส่งเมลตอบกลับมาค่ะ
********************
สวัสดีครับ อ.แพร
ผมเป็นคนนึงที่อ.แพร ได้แนะนำผมให้นำต้นทับทิมไปให้หลวงพ่อวีระนนท์ ทำการปลุกเสกให้แล้วให้มาต้มดื่มกินที่บ้าน หลวงพ่อท่านใจดีมากครับ ช่วยทุกคน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรก็ตาม ผมรู้สึกศรัทธาในตัวท่านมากครับ และที่สำคัญผมเพิ่งได้รับข่าวดีเมื่อวานนี้ครับเมื่อผมได้ไปตรวจที่โรง พยาบาล ปรากฎว่าตรวจไม่เจอเชื้อครับ ไม่มีเชื้อครับ โล่งเลยครับ เหมือนยกภูเขาออกจากอก
และสุดท้ายนี้ผมขอขอบพระคุณ อ.แพร เป็นอย่างสูงครับ ที่แนะนำผมและคนอื่นๆให้ไปหาหลวงพ่อท่าน ขอให้บุญกุศลทั้งหลายที่ อ.แพร ได้มอบสิ่งดีๆให้กลับผู้อื่น จงย้อนกลับไปถึง อ.แพร ให้มีแต่ความสุขความเจริญ ร่ำรวยด้วยความสุข ร่ำรวยเงินทอง ร่ำรวยด้วยคุณความดี ขอให้คุณพระคุณเจ้าคุ้มครองครับ กราบขอบพระคุณอีกครั้งครับ
ติดต่อยังไงคะ