เย็นวันที่ ๒๕ มี.ค. ๕๖ ผมนั่งรถแท็กซี่จากสนามบินสุวรรณภูมิกลับบ้าน ตอนจะขึ้นรถเห็นหน้าตาท่าทางคนขับคิดว่าเป็นผู้หญิง เพราะเขาไว้ผมยาวแบบผู้หญิง แต่พอพูดกันก็รู้ว่าเป็นผู้ชาย
ผมชอบนั่งรถแท็กซี่ เพราะอยากคุยกับเขา ถือเป็นการศึกษาหาความรู้ เพราะผมเป็นคนแคบ เมื่อคุยกับหนุ่มโชเฟอร์ไประยะหนึ่งผมก็ถามเขาว่าเขาเรียนจบอะไร ผมกล้าถามเพราะสังเกตว่าเขาน่าจะเป็นคนมีการศึกษาพอสมควร เขาบอกว่าจบ ปวช. ช่างยนต์ ผมถามเขาว่า สาขานี้สถานศึกษาไหนเด่นที่สุด เขาตอบว่าน่าจะเป็นพระจอมเกล้าพระนครเหนือ แต่เขาจบจากที่อื่น เพราะตอนเด็กๆ เขาเกเร
ได้จังหวะ ผมจึงขอความรู้เขาเรื่องเด็กเกเร ผมถามเขาว่าตามปกติเด็กจะเริ่มเกเรตอนเรียนชั้นไหน เขาตอบว่า ม. ๑ - ม. ๒ และมีสาเหตุจากติดเพื่อน
ผมถามเขาว่า แล้วกว่าจะเลิกเกเร จะต้องอายุประมาณเท่าไร เขาตอบว่าแถวๆ ๒๗ หรือเกือบ ๓๐ จึงจะได้สติ และกลับตัวได้ แต่บางคนก็ไปแล้วไปลับ เพราะติดยาเสพติดงอมแงม บางคนติดคุกติดตะรางไปเลย
เราคุยกันได้ยาวเพราะรถติดมาก ผมสรุปว่าหนุ่มคนนี้มีสติดี แม้คบเพื่อนเกเรและชวนกันสนุกสนาน แต่เขาไม่ยอมเสพยาบ้า ไม่ยอมลองเฮโรอีน ในขณะที่เพื่อนหลายคนเสพแล้วติด นำไปสู่การประกอบอาชญากรรม และติดคุก
วิจารณ์ พานิช
๒๘ มี.ค. ๕๖
งานสร้างพื้นที่พูดคุยกับมนุษย์ที่เสี่ยงที่จะตกอยู่ในวิกฤตการณ์แห่งชีวิต ก็เป็นการบริหารความเสี่ยงที่ดีนะคะ
อาจารย์ครับ ย่อหน้าที่ 2 มีคำที่พิมพ์ ตัวอักษรที่ไม่นิยมใช้ " เขาบอกว่าจบ ปวช. ช่างยนตร์ "
นิยมใช้เป็น ปวช. ช่างยนต์ ครับ.
ขอบคุณครับ ได้แก้แล้ว
วิจารณ์