แอบดู.....งานศพทศกัณฐ์
หลายท่านเห็นหัวข้อเรื่อง แล้วอดสงสัยไม่ได้ว่ากำลังจะถูกหลอกหรือเปล่า เพราะว่าท่าน ท้าวทศกัณฐ์ นั้นเป็นตัวโกงในลำดับต้นๆของเรื่องรามเกียรติ์เลยเชียวแหละ ที่คิดไป พรากผัวพรากเมีย เขามาจนเป็นเหตุให้ต้องมีการรบทัพจับศึกกันระหว่างกองทัพยักษ์และกองทัพลิง แม้ว่าจะมีฤทธิ์เดชหรืออำนาจมากสักเพียงใด เมื่อถึงเวลาที่กรรมให้ผล แม้จะถอดกล่องดวงใจไปเก็บไว้ที่อื่น ก็ต้องถูก พระราม ฆ่าตายในที่สุด
เมื่อยามเด็ก ที่วัดข้างบ้านมีงานครั้งใด ก็มักจะมีการแสดง ลิเก ลำตัด และโขน โดยเฉพาะในงานศพ หากจะให้มีหน้ามีตาละก็ต้องนี่เลย...โขน...ซึ่งก็มีทั้ง โขนพากษ์ โขนสด โขนชักลอก และโขนหน้าไฟ
โขนพากษ์ นั้นจะสวมหัวจนมิดชิดและใช้คนอื่นพากษ์แทน ส่วนตัว ผู้แสดงก็จะร่ายรำไปตามบทกลอนหรือบทพากษ์ ผู้ชมก็จะดูการร่ายรำและฟังเสียงพากษ์ที่ไพเราะเพราะพริ้ง จะพบก็เวลามีงานศพของผู้มีฐานะหรือพอจะมีหน้ามีตากับเขาอยู่บ้าง
โขนสดหรือโขนพูด อันนี้ผู้แสดงจะทั้งร้องและร่ายรำเอง ดูกระฉับกระเฉงทะมัดทะแมงทันใจผู้ชม โขนชนิดนี้ผู้ใหญ่บอกว่าเวลาสร้างเวทีให้ปูด้วยไม้กระดานหลายๆแผ่นเรียงกัน แต่ห้ามตอกตะปู เพราะเวลาผู้แสดงกระทืบเท้าตอนลิงกับยักษ์มาพบกันน่ะเสียงมันช่างดังสะใจดีแท้
โขนชักลอก ก็พบได้ในโขนทั้งสองอย่างที่เอ่ยมา โดยเฉพาะตอนนางลอย กับตอนที่จะต้องเหาะไปรบกันบนฟากฟ้านั่นแหละ ผู้แสดงก็จะต้องถูก เอาเชือกมามัดโยงและชักลอกขึ้นแกว่งไปมาเพื่อให้ดูสมจริงสมจัง ต่อมาคงอาจเพราะกลัวว่าผู้แสดงจะเป็นอันตราย จึงใช้วิธีเลื่อนฉากหรือเปลี่ยนฉากแทน
โขนหน้าไฟ จะเป็นการแสดงโขนในช่วงสั้นๆ ของพิธีเผาหลอกในตอนเย็น เพื่อให้ผู้มาร่วมงานศพได้ชมพอหอมปากหอมคอ ก่อนที่จะมีพิธีเผาจริงในตอนดึก หากติดใจก็มาชมเป็นเรื่องเป็นตอนในยามค่ำคืน ตกประมาณสี่ทุ่มก็จะมีพิธีเผาจริง เจ้าภาพก็จะจุด พลุ พุ่มดอกไม้ ตะไล และไฟพะเนียง เพื่อเป็นการไว้อาลัยแก่ผู้ตายเป็นครั้งสุดท้าย
ปัจจุบันไม่ค่อยพบโขนชักลอกและโขนหน้าไฟบ่อยนัก จะมีก็เพียงแต่โขนวิ่งลอกหน้าไฟ เวลามาแสดงก็จะมาพร้อมกับรถตู้ มีผู้แสดงสองถึงสามคนลงมาร่ายรำโดยจับเอารามเกียรติ์ตอนใดตอนหนึ่งแบบมินิ มาร่ายรำพอเป็นพิธี เสร็จก็จากออกไปข้างๆเมรุ รับทรัพย์แล้วก็ ขึ้นนั่งรถตู้เพื่อไปงานอื่นต่อ ช่วงที่เหลือก็เป็นหน้าที่ของเจ้าภาพที่จะดำเนินการตามแบบประเพณีไทย เพื่อเป็นการระลึกถึงและแสดงออกถึง ความกตัญญูกตเวทีต่อผู้วายชนม์
รามเกียรติ์ที่เราติดตามชมมานั้น เมื่อทศกัณฐ์ตายทุกคนก็ยินดีด้วยความสะใจ เพราะในท้ายที่สุด ไม่ว่าจะเป็นละครจักร์ๆ วงศ์ๆ หรือละครน้ำเน่าก็ตามที ก็คงต้องจบลงด้วยความแฮ็ปปี้เอ็นดิ้ง จึงจะถูกใจผู้ชมซึ่งเป็นเสียงข้างมาก หากเปรียบในภาวะการณ์ปัจจุบันก็ต้องบอกว่ามันเป็นไปตามกระแส แต่ต่างกันกับทางธรรมะ ชึ่งคำนึงถึงความถูกต้องมากกว่าความถูกใจ เพราะแดนนี้เป็นแดนกรรม ทำดีได้ดีทำชั่วได้ ทุกท่านมีกรรมเป็นของๆตัว งดกรรมชั่วเสีย จงเร่งสร้างแต่กรรมดี ชาตินี้ยังลำบากเพียงนี้หากไม่สร้างกรรมดีแล้วอนาคตจะเป็นอย่างไร
ทศกัณฐ์เจ้ากรุงลงกาเมื่อสิ้นชีวิตแล้ว ได้มีการเชิญศพกลับเข้ากรุงลงกา พร้อมทั้งมีการเตรียมงานพระมหาเมรุมาศ และจัดให้มีการมหสพสมโภชในงานศพ ดังความตามนี้
ยานี : งานพระมหาเมรุมาศของท้าวทศกัณฐ์ (หนังสือรามเกียรติ์ พระราชนิพนธ์พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก เล่ม ๒ ฉบับพิมพ์ พ.ศ.๒๕๑๐ หน้า ๕๗๙-๕๘๐
จึงให้ตั้งมหาเมรุมาศ อันโอภาสพรรณรายฉายฉาน
สี่มุขห้ายอดดั่งวิมาน สูงตระหง่านเงื้อมง้ำอัมพร
ทั้งเมรุทิศเมรุแทรกรายเรียง ดูเพียงสัตภัณฑ์สิงขร
มีชั้นอินทร์พรหมประนมกร รายรูปกินนรคนธรรพ์
ประดับด้วยราชวัติฉัตรธง พนมแก้วแถวองค์ประดับคั่น
ชั้นในพระเมรุทองนั้น มีบรรลังก์รัตน์รูจี
เพดานปักทองเป็นเดือนดาว แสงวาวด้วยแก้วมณีศรี
ทั้งระย้าพู่พวงดวงมณี ก็เสร็จตามมีพระบัญชา
ฯ ๘ คำ ฯ เจรจา
ชมภาพบรรยากาศงานศพทศกัณฐ์ ซึ่งเป็น FIile Acrobat Reader ได้ที่นี่ค่ะ http://gotoknow.org/file/chuanpis/Ramayana.pdf
และหากอยากดูภาพจริงให้ติดตามชมได้จาก จิตรกรรมฝาผนังที่วัดพระศรีรัตนศาสดารามนะคะ
โดย คนบ้านเดียวกัน
คัดย่อมาจาก : พระเมรุมาศ พระเมรุ และเมรุ สมัยกรุงรัตนโกสินทร์ : ศาสตราจารย์ น.อ.สมภพ ภิรมย์ ร.น. ราชบัณฑิต พิมพ์ที่อมรินทร์การพิมพ์ พ.ศ. ๒๕๒๘
: งานพระเมรุมาศสมัยรัตนโกสินทร์ โดยนายยิ้ม ปัณฑยางกูรและคนอื่นๆ กรุงเทพ ๒๕๒๘
ผมเคยฟังเรื่องราวการคงกระพันของทศกัณฑ์ ว่าทศกัณฑ์นั้นเป็นบุตรของเทพตนหนึ่งที่ได้รับพรข้อหนึ่ง คือ หากเมื่อใดก็ตามที่ร่างกายต้องอาวุธ ทำให้สิ้นชีวิต แต่เมื่อร่างกายล้มลงสัมผัสพื้นดิน เมื่อนั้นจะฟื้นคืนชีพอีกครั้งหนึ่ง เข้าใจว่าพ่อของทศกัณฑ์เป็นเทพที่คล้ายๆกับเทพด้านเกษตรอะไรประมาณนั้น
เขาเปรียบเปรยว่า ทศกัณฑ์ นั้นจะเหมือนกับ "กิเลศ" ของมนุษย์ คือจะตายยาก เมื่อไรก็ตามที่มีสิ่งยั่วเย้าเข้ามา ตัวกิเลสก็จะฟื้นคืนชีพได้ง่ายดาย แบบเดียกับทศกัณฑ์ ฉันใดฉันนั้น ครับ