ดูละครแล้วย้อนดูตัว

         เมื่อวันที่ 6 มิถุนายน 2556 ที่ผ่านมาไปราชการร่วมงาน วันสหกิจศึกษาไทย ที่ไบเทคบางนา ตอนกลางคืนพักผ่อนเลยมีเวลาดูละคร มนต์จันทรา ของ กิ่งฉัตร ทางช่อง 3 นางเอกเกลียดการพนัน แต่พระเอกเป็นเจ้าของบ่อน เพื่อนนางเอกบอกกับนางเอกว่า “...คนเราทุกคนมันก็มีทั้งข้อดีและข้อเสียอยู่ในตัวด้วยกันทั้งนั้นแหละ ถ้าเกิดว่าเราจะยอมรับใครคนหนึ่งเข้ามาในชีวิต เราก็ต้องยอมรับทั้งข้อดีและข้อเสียของเขา ไม่ใช่เลือกแต่ข้อดี เพราะว่าตัวเองก็ไม่ได้ดีพร้อมไปซะหมดเหมือนกัน...” (มนต์จันทรา. 6 มิถุนายน 2556) ก็ใช่นะ ชีวิตเราต้องเจอะเจอผู้คนมากมายโดยเฉพาะในหน้าที่การงาน ทุกคนไม่ได้เกิดมาเพื่อเรา ทำไมจะต้องให้คนโน้น คนนี้ มาทำอะไรให้ได้อย่างที่เราต้องการทั้งหมด คนไหนคนดีคนเลว ใช้มาตรฐานอะไรมาวัด หรือว่ามาตรฐานการวัดความดีขึ้นอยู่กับมุมมองของแต่ละคน ไม่มีสิ่งใดหรือคนใดที่จะบอกได้จริงๆ ว่าความดีคืออะไร แบบไหนอย่างเด็ดขาดหรือความเลวคืออะไรอย่างเด็ดขาด ดูอย่างโรบินฮู้ดจะปล้นเงินจากคนรวย แต่เขาก็เอาไปให้คนยากจนไม่มีกิน แล้วทำไมคนส่วนมากถึงชื่นชอบ ในเมื่อเขาก็ผิดกฎหมายเช่นกัน?

         แม้แต่กฎหมายก็เป็นเพียงตัวกำหนดขึ้นมาเพื่อให้คนหมู่มากหรือคนเราที่ต้องพึ่งพาอาศัยกันอยู่อย่างสงบสุข ตั้งเป็นข้อบรรทัดฐานศีลธรรมอันดี แต่มันก็ไม่ใช่ทั้งหมดของคำว่าดี เพราะในบางสังคมเราอาจเห็นได้ง่ายดายว่าทำไมทำแบบนี้แล้วไม่ผิด แต่พอไปทำอีกสังคมหนึ่งมันกลับเป็นเรื่องที่ผิด เช่นการพนันในเรื่องก็เป็นสิ่งที่ไม่ดี ผิดกฎหมายบ้านเรา แต่บ้านอื่นเมืองอื่นถูกกฏหมายก็มีให้เราเห็นอยู่

         การมองคนก็ควรมองในแง่ดี  ดังที่ท่านพุทธทาส ภิกขุ ได้สอนไว้

เขามีส่วน เลวบ้าง ช่างหัวเขา

จงเลือกเอา ส่วนดี เขามีอยู่

เป็นประโยชน์ โลกบ้าง ยังน่าดู

ส่วนที่ชั่ว อย่าไปรู้ ของเขาเลย

จะหาคน มีดี อยู่ส่วนเดียว

อย่ามัวเที่ยว ค้นหา สหายเอ๋ย

เหมือนเที่ยวหา หนวดเต่า ตายเปล่าเอย

ฝึกให้เคย มองแต่ดี มีคุณจริงฯ

         เพราะฉะนั้น คิดดี ทำดี ทำในสิ่งที่ไม่ทำให้ใครเดือดร้อน ก่อประโยชน์แก่ทั้งตนเองและผู้อื่น ทำให้เราเองรู้สึกดีที่ได้ทำ และผู้รับก็รู้สึกดี นั้นน่าจะเรียกว่าความดี ในส่วนความเลว นั้นคือการทำอะไรก็ได้ที่เห็นแก่ตัว ทำให้ตัวเองสุขสบาย โดยไม่สนวิธีการ ไม่สนว่าใครจะเดือดร้อน ขอให้ตน และพวกพ้องได้ผลประโยชน์ เหมือนอย่างนักการเมืองหลายคน (อดไม่ได้ขอแขวะหน่อยเถอะ ว่าจะมองอย่างท่านพุทธทาสแล้วนา)