ต้องยอมรับว่าการเมือง ถ้าเน้นเรื่องของการแพ้ชนะการเลือกตั้ง ชนะอย่างเดียวไม่พอ ต้องบริหารประเทศให้อยู่รอด
หลังจากที่รัฐบาลชุดนี้บริหารประเทศมาเกิน 2 ปี เริ่มเกิดปัญหาที่ออกนโยบายประชานิยมอย่างรีบร้อน ต้องปฏิบัติตามสัญญาไว้ บัดนี้ได้ประจักษ์แล้วว่าขั้นตอนการกำหนดนโยบายไม่รอบครอบขาดการใช้ข้อมูลวิเคราะห์อย่างละเอียดจึงกลายเป็นปัญหาวิกฤติต่อประเทศ
วิธีการแบบนี้อาจเรียกว่า ทักษิณคิด ยิ่งลักษณ์ทำ คนไทยต้องช่วยกันแก้
ขอยกตัวอย่างนโยบายหลักๆแค่ 2 เรื่อง
เรื่องแรกคือการจำนำข้าว ทุกเม็ด 15,000 บาท ปัญหาแรกคือ
ข้าวที่เกิดความเสียหายจากโครงการจำนำข้าวของรัฐบาล
- รัฐบาลคิดว่าจะทำให้เกษตรกรเลือก “พรรคเพื่อไทย” เพื่อให้ได้เสียงข้างมากเป็นรัฐบาลเท่านั้น
- ไม่คิดให้รอบคอบว่าบริหารจัดการจะยุ่งยาก และต้องใช้ทรัพยากรมากมาย
- คิดว่าจะมีโอกาสหาเงินเข้าพรรค เพื่อเป็นเงินทุนในการเลือกตั้งครั้งหน้า
ซึ่งบัดนี้ได้พบข้อเท็จจริงว่า การกำหนดนโยบายดังกล่าวมีผลเสียอย่างมากมาย
- ใช้เงินมากเกินไป 5 แสนล้านต่อปี
- ต้นทุนในการบริหารเพราะต้องจำนำทุกเม็ด
- ขาดทุนอย่างมหาศาล 2 แสน 6 หมื่นล้าน
- เก็บไว้นานข้าวเสื่อมสภาพ
- มีการสวมสิทธิ์จากข้าวของประเทศเพื่อนบ้านโดยเฉพาะจากประเทศกัมพูชา
- การส่งข้าวออกตกต่ำสุดขีดในรอบ 30 ปีที่ผ่านมา
- ทำลายระบบการค้าข้าวเสรี
- และในที่สุดรัฐบาลก็ต้องออกมากลืนน้ำลายตัวเอง ยอมรับว่าการกำหนดราคาจำนำข้าวไม่รอบคอบ สูงเกินความจริงไป จึงลดลงมาเหลือ 12,000 บาทต่อตัน
ผมคิดว่าจุดอ่อนก็ คือ
- หวังผลทางการเมืองในระยะสั้นมากเกินไป ไม่มองกระบวนการทำงานให้ครบว่าเมื่อนำไปใช้แล้วจะเกิดปัญหาหลักอะไร
นโยบายที่ ทักษิณคิด ยิ่งลักษณ์ทำ และคนไทยทุกคนต้องช่วยกันแก้ อีกเรื่องคือค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาท
บัดนี้ได้สร้างปัญหาให้แก่ธุรกิจไทย โดยเฉพาะระดับ SME อย่างมากมาย
การกำหนดตัวเลข 300 บาท กำหนดขึ้นมาลอยๆ โดยไม่ได้คำนึงถึงความจำเป็นขั้นพื้นฐานและความพร้อมของผู้ประกอบการให้ปฏิบัติตาม
จุดอ่อนของนโยบายก็คือ
- กำหนดราคาค่าจ้างเดียวกันทั้งประเทศ ไม่มีที่ไหนเขาทำกัน
- ทำให้ธุรกิจ SME อยู่ไม่รอด
- ธุรกิจต้องปิดตัวลงคนงานถูกปลดออก ถูกลอยแพ
- ทำให้ธุรกิจต้องย้ายไปประเทศเพื่อนบ้าน
- ทำให้ค่าครองชีพแพงทั้งประเทศ โดยไม่มีความจำเป็น
จะเป็นระเบิดเวลาลูกที่ 2 ของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ เพราะต้องหาทางแก้ไขโดยด่วน ก่อนที่จะระเบิดออกมาแบบนโยบายจำนำข้าว
เพราะทางออกจะยากกว่าการลดราคาจำนำข้าวจาก 15,000 บาท เป็น 12,000 บาท อย่างที่ได้ประกาศไปแล้ว
นโยบาย 300 บาท เป็นนโยบายที่อันตรายต่อประเทศอย่างมาก โดยเฉพาะทำให้บิดเบือนค่าจ้างในตลาด
วิธีการคิดของคุณทักษิณคือหวังให้ผู้ใช้แรงงานลงคะแนนให้พรรคเพื่อไทยแต่ไม่ได้คิดถึงปัจจัยอื่นๆและผลกระทบที่ตามมา จะสร้างปัญหาในระยะยาว ยังไม่มีวิธีการแก้ไขที่เหมาะสม
วิธีการแก้ไขจะเป็นอย่างไร ต้องดูกันต่อไป แต่ที่แน่ๆคือสร้างปัญหาให้ประเทศอย่างมากมายมหาศาลในอนาคต
แรงงานไร้ฝีมือที่ได้รับผลกระทบจากนโยบายค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาทจากรัฐบาล
ลองมาคิดทางออกดู
- จะประกาศลดค่าแรงขั้นต่ำจาก 300 บาท เป็น 250 บาท ซึ่งน่าจะทำได้ยาก
- มีมาตรการ การคลังที่อุดหนุนผู้ประกอบการอย่างน้อยครึ่งหนึ่งของค่าแรง 300 บาท ซึ่งเป็นสิ่งที่ธุรกิจกำลังขออยู่แต่ยังไม่ได้ตอบสนอง
- ต้องวิจัยผลกระทบอย่างเป็นวิทยาศาสตร์ ว่ามีสาขาใดบ้างที่ถูกผลกระทบและต้องหยุดกิจการ
- ภาวะของแพงที่เกิดขึ้นอาจเป็นเพราะนโยบาย 300 บาท จะแก้อย่างไร
- พัฒนาฝีมือแรงงาน ทุ่มงบประมาณเพื่อการพัฒนาแรงงานไร้ฝีมือ โดยเฉพาะเรื่องการเพิ่ม Productivity (ผลิตภาพ) ของทุนมนุษย์เหล่านี้อย่างเป็นรูปธรรม
ผมคิดว่าการปล่อยให้ค่าแรงขั้นต่ำเป็น 300 บาท โดยไม่มีการแก้ไขจะทำให้เกิดผลเสียหายต่อประเทศในระยะยาวมากมาย
จีระ หงส์ลดารมภ์
www.gotoknow.org/blog/chiraacademy
แฟกซ์ 0-2273-0181
มีคนแบบเราเห็นด้วยวันมันอันตราย
แต่พวกที่เลือกก็ยังเลือกเขาเหมือนเดิม อันนี้เราก็ไม่รู้จะแก้อย่างไรแหละค่ะอาจารย์
..เห็นๆ..อยู่ว่า..ของแพง.ๆๆมั้กๆ..ตั้งแต่ไม่มีประกาศขึ้นค่าแรง...คนระดับหนึ่ง..ในโรงงาน..ได้ค่าแรง..ขั้นต่ำประจำวัน..๑๕๐ บาท..ต่อวันหรือต่ำกว่านั้น..มานานหลายปีดีดัก...ต้องกินต้องใช้..เท่ากับคนเงินเดือน..๓๐๐๐๐.บาท...(ข้าวสาร..สิบห้ากิโล..ราคาเกินร้อย..ขึ้นไป..)มาม่า..กว่าเจ็ดบาท..ไข่ลูกละ..สามสี่บาท..น้ำปลาเทียม..ก็แพง..จะเอามาคลุกข้าว..กินแบบจนๆเหมือนคนสมัยก่อน..ก็คงไม่ได้..จนๆอีกหน่อยคงต้อง..ตักน้ำคลองเน่าๆ..มากินแทน..อิอิ.(..เป็นมานาน..แล้ว...ไม่ว่า..รัฐบาลไหน...อ้ะะ....