122.อ่าน "สุนทรพจน์ของ มาลาล่า" ถ้าหัวใจเป็นครู


อ่านคำกล่าวสุนทรพจน์ของ มาลาล่า แล้ว

สร้างพลังใจ สำหรับคนเป็นครู และคนจะเป็นครู ได้มากมาย

จึงนำมาฝากทุกท่าน... อ่านให้จบจนบรรทัดสุดท้ายจะได้อะไรมากมายจริงๆ

จากคำกล่าวของเด็กเล็กๆ ที่ยิ่งใหญ่คนหนึ่ง...มาลาล่า


สุนทรพจน์ฉบับเต็มของมาลาล่า

เรียน ท่านเลขาธิการสหประชาชาติ บัน คี มุน ประธานที่เคารพแห่งสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ วุค เจเรมิค 

ทูตพิเศษแห่งสหประชาชาติเพื่อการศึกษาทั่วโลก กอร์ดอน บราวน์ ทุกท่านที่เคารพ และพี่น้องทุกคน

ของข้าพเจ้า: ขอสันติภาพจงมีแด่ทุกท่าน


วันนี้เป็นเกียรติของข้าพเจ้าอย่างยิ่งที่ได้พูดอีกครั้งหลังจากเวลาผ่านไปนาน 

การได้มาอยู่ที่นี่ต่อหน้าท่านผู้มีเกียรติทุกคนนับเป็นช่วงเวลาที่ยอดเยี่ยมในชีวิต และข้าพเจ้ายังรู้สึก

ได้รับเกียรติอีกด้วยที่วันนี้ได้สวมใส่ผ้าคลุมไหล่ของบานาเซียร์ บุตโต (อดีตนายกรัฐมนตรีปากีสถาน) 

ข้าพเจ้าไม่รู้ว่าควรจะเริ่มพูดตรงไหนดี ไม่รู้ว่าคนจะคาดหวังให้ข้าพเจ้าพูดอะไรบ้าง 

แต่อย่างแรก ขอขอบคุณพระเจ้าที่ได้สร้างเราขึ้นมาอย่างเท่าเทียมกัน และขอขอบคุณทุกค

ที่ช่วยภาวนาให้ข้าพเจ้าฟื้นตัวขึ้นได้อย่างรวดเร็วและสำหรับชีวิตใหม่ ข้าพเจ้าไม่อยากเชื่อเลยว่า

ทุกคนได้แสดงความรักที่มีต่อข้าพเจ้ามากเพียงใด ข้าพเจ้าได้รับการ์ดอวยพรเป็นพันๆ ใบ 

และของขวัญจากทั่วโลก ขอขอบคุณสำหรับทุกอย่าง 

ขอบคุณเด็กๆ ทุกคนที่คำพูดของพวกเขาได้ให้กำลังใจข้าพเจ้า 

ขอขอบคุณผู้ใหญ่ที่ช่วยภาวนาให้ข้าพเจ้าเข้มแข็งขึ้น 

ขอขอบคุณพยาบาล คุณหมอ และเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลทุกคนในปากีสถาน อังกฤษ และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ 

ที่ช่วยให้ข้าพเจ้าดีขึ้นและฟื้นฟูกำลังวังชาของข้าพเจ้า


ข้าพเจ้าสนับสนุนเลขาธิการสหประชาชาติ บัน คี มุน อย่างเต็มที่สำหรับโครงการการริเริ่มการศึกษาทั่วโลก 

และงานด้านการศึกษาทั่วโลกของทูตพิเศษยูเอ็นกอร์ดอน บราวน์ และประธานสมัชชาใหญ่ยูเอ็น วุค เจเรมิค 

ข้าพเจ้าขอขอบคุณความเป็นผู้นำของท่านที่ยังคงมีเรื่อยมา มันเป็นแรงบันดาลใจสำหรับพวกเราทุกคน

ในการทำงาน และสำหรับพี่น้องทุกคน จำไว้หนึ่งอย่างว่า วันมาลาล่า ไม่ใช่วันของข้าพเจ้า 

แต่เป็นวันของผู้หญิงทุกคน เด็กผู้ชายและเด็กผู้หญิงทุกคนที่ส่งเสียงสู้เพื่อสิทธิของพวกเขาเอง


 มีนักเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิมนุษยชนและคนทำงานด้านสังคมหลายร้อยคน ที่มิได้ลุกขึ้นสู้

เพื่อสิทธิของตัวเองเท่านั้น แต่ต่อสู้เพื่อบรรลุเป้าหมายของการสร้างสันติภาพ การศึกษา และความเท่าเทียม 

มีคนหลายพันคนถูกผู้ก่อการร้ายฆ่า และบาดเจ็บอีกหลายล้านคน ข้าพเจ้าเป็นเพียงหนึ่งคนในนั้น 

ข้าพเจ้ายืนอยู่ตรงนี้ เป็นเพียงเด็กหญิงผู้หนึ่งจากหลายๆ คน ข้าพเจ้ามิได้พูดเพื่อตัวเองเท่านั้น 

แต่เพื่อให้ได้ยินคนที่ไม่มีเสียงด้วย คนเหล่านั้นที่ได้ต่อสู้เพื่อสิทธิของเขา สิทธิในการอยู่ในสันติภาพ 

สิทธิที่จะได้รับการปฏิบัติอย่างมีศักดิ์ศรี สิทธิเรื่องความเท่าเทียมด้านโอกาส สิทธิในการได้รับการศึกษา 


เมื่อวันที่ 9 ตุลาคม 2012 กลุ่มตาลิบันได้ยิงข้าพเจ้าที่ศีรษะข้างซ้าย พวกเขายังยิงเพื่อนของข้าพเจ้าด้วย 

พวกเขาคิดว่ากระสุนจะทำให้เราเงียบเสียงได้ แต่พวกเขาล้มเหลว และจากความเงียบงันนั้นยิ่งมีเสียงนับพัน

ก่อเกิดขึ้น พวกก่อการร้ายคิดว่าจะทำให้ข้าพเจ้าเปลี่ยนเป้าหมายและหยุดความตั้งใจได้  

แต่ไม่มีอะไรเปลี่ยนไปในชีวิตของข้าพเจ้าเลย ยกเว้นว่า ความอ่อนแอ ความกลัว และความสิ้นหวังได้ตายลงไป 

แต่ความเข้มแข็ง พลัง และความกล้าหาญได้เกิดขึ้นมาใหม่ ข้าพเจ้ายังเป็นมาลาล่าคนเดิม 

ความตั้งใจของข้าพเจ้ายังคงเหมือนเดิม ความหวังของข้าพเจ้ายังเหมือนเดิม 

และความฝันของข้าพเจ้าก็ยังคงเหมือนเดิม


พี่น้อง ข้าพเจ้ามิได้ต่อต้านใคร และข้าพเจ้าก็มิได้มาพูดตรงนี้จากความอยากแก้แค้นส่วนตัวต่อกลุ่มตาลีบัน

หรือกลุ่มก่อการร้ายอื่นๆ ข้าพเจ้ามาพูดที่นี่เพื่อสิทธิในการเข้าถึงการศึกษาสำหรับเด็กทุกคน 

ข้าพเจ้าต้องการให้ลูกหลานของตาลีบัน และกลุ่มก่อการร้าย กลุ่มสุดขั้วอื่นๆ ได้รับการศึกษาเช่นเดียวกัน 

ข้าพเจ้าไม่รู้สึกเกลียดตาลีบันผู้ที่ยิงข้าพเจ้าเลยด้วยซ้ำ


ถึงแม้หากข้าพเจ้ามีปืนอยู่ในมือ และเขายืนอยู่หน้าข้าพเจ้า ข้าพเจ้าก็จะไม่ยิงเขา 

นี่เป็นความเห็นอกเห็นใจเพื่อนมนุษย์ที่ข้าพเจ้าได้เรียนรู้จากศาสดามูฮัมหมัด ผู้สั่งสอนเรื่องความเมตตา 

พระเยซู และพระพุทธเจ้าก็เช่นเดียวกัน นี่เป็นหนึ่งตำนานการเปลี่ยนแปลงที่ข้าพเจ้าได้รับมาจาก

มาร์ติน ลูเธอร์ คิง เนลสัน แมนเดลา และโมฮัมเหม็ด อาลี จินนาห์

นี่เป็นปรัชญาของสันติวิธีที่ฉันเรียนรู้มาจากคานธี บาชา คาห์น และแม่ชีเทเรซ่า 

นี่เป็นการให้อภัยที่ฉันได้เรียนรู้มาจากบิดาและมารดาของข้าพเจ้า นี่คือสิ่งที่จิตวิญญาณของข้าพเจ้า

บอกตัวเอง ให้มีความสันติและความรักต่อทุกคน


พี่น้อง เราเห็นความสำคัญของแสงสว่างเมื่อเรามองเห็นความมืดมน เราเห็นความสำคัญของเสียง

เมื่อเราถูกทำให้เงียบงัน เช่นเดียวกัน เมื่อเราอยู่ในเขตสวาต ตอนเหนือของปากีสถาน 

เราเห็นความสำคัญของปากกาและหนังสือเมื่อเราเห็นปืน มีคำพูดที่กล่าวว่า "ด้ามปากกาทรงพลังกว่าดาบ" 

มันเป็นเช่นนั้นจริงๆ กลุ่มสุดขั้วกลัวหนังสือและปากกา พลังของการศึกษาทำให้เขาหวาดกลัว 

พวกเขาหวาดกลัวผู้หญิง พลังของเสียงผู้หญิงทำให้พวกเขาหวาดกลัว 

นั่นคือเหตุผลว่าเหตุใดพวกเขาถึงฆ่านักเรียนบริสุทธิ์ 14 คนในการโจมตีเมื่อเร็วๆ นี้ที่เควตตา 

ว่าทำไมเขาถึงสังหารครูผู้หญิง ว่าทำไมพวกเขาถึงปาระเบิดใส่โรงเรียนทุกๆ วัน 

เพราะพวกเขากลัวความเปลี่ยนแปลงและความเท่าเทียมที่เราจะนำมาสู่สังคมของเรา 

และเรายังจำได้ว่าครั้งหนึ่งมีนักข่าวถามเด็กชายคนหนึ่งในโรงเรียนว่า "ทำไมพวกตาลีบันถึงต่อต้านการศึกษา" 

เขาตอบอย่างเรียบง่ายด้วยการชี้ไปที่หนังสือ และตอบว่า "พวกตาลีบันไม่รู้ว่าในหนังสือมีอะไรเขียนอยู่"


พวกเขาคิดว่า พระเจ้าเป็นคนเล็กๆ อนุรักษ์นิยมแคบๆ ที่จะเอาปืนยิงใส่คนที่ไปโรงเรียน 

พวกก่อการร้ายเหล่านี้ใช้ชื่ออิสลามในทางผิดๆ เพื่อรับใช้ประโยชน์ของตัวเอง 

ปากีสถานเป็นประเทศที่รักสันติภาพและเป็นประชาธิปไตย 

พวกชนเผ่าพัชตุนก็อยากให้ลูกสาวลูกชายของเขาได้รับการศึกษา อิสลามเป็นศาสนาแห่งสันติภาพ 

มนุษยชาติและภราดรภาพ อิสลามบอกว่าเป็นหน้าที่และความรับผิดชอบที่ต้องให้เด็กทุกคนได้รับการศึกษา 

สันติภาพเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการศึกษา ในหลายๆ แห่งของโลกนี้ 

โดยเฉพาะในปากีสถานและอัฟกานิสถาน การก่อการร้าย สงคราม และความขัดแย้ง 

ต่างเป็นอุปสรรคไม่ให้เด็กๆ สามารถไปโรงเรียนได้ เราเหนื่อยกับสงครามเหล่านี้มาก 

มีผู้หญิงและเด็กทนทุกข์กำลังทรมานจากหลายๆ อย่างในหลายส่วนของโลก


ในอินเดีย เด็กๆ ผู้บริสุทธิ์และยากจนตกเป็นเหยื่อของการใช้แรงงานเด็ก 

โรงเรียนหลายแห่งในไนจีเรียถูกทำลาย ผู้คนในอัฟกานิสถานได้รับผลกระทบจากกลุ่มสุดขั้ว 

เด็กผู้หญิงต้องทำงานใช้แรงงานในบ้าน และถูกบังคับให้แต่งงานตั้งแต่อายุยังน้อย 

ทั้งความยากจน ความไม่รู้ ความอยุติธรรม การเหยียดเชื้อชาติ และการละเมิดสิทธิขั้นพื้นฐาน

ต่างเป็นปัญหาหลักๆ ที่ทั้งชายและหญิงต้องเผชิญ


วันนี้ ข้าพเจ้าเน้นเรื่องสิทธิผู้หญิงและการศึกษาของเด็ก เพราะพวกเขาทนทุกข์ที่สุด 

แต่ก่อนนักเคลื่อนไหวผู้หญิงจะขอให้ผู้ชายช่วยลุกขึ้นยืนและช่วยต่อสู้เพื่อสิทธิของพวกเขา 

แต่ตอนนี้เราจะทำด้วยตัวเอง ข้าพเจ้าไม่ได้บอกให้ผู้ชายถอยจากการพูดเรื่องสิทธิผู้หญิง 

แต่ข้าพเจ้ามุ่งเน้นให้ผู้หญิงเป็นอิสระและต่อสู้เพื่อตนเอง ฉะนั้น พี่สาวและพี่ชาย 

ตอนนี้เป็นเวลาที่เราต้องลุกขึ้นยืน เราเรียกร้องให้ผู้นำโลกเปลี่ยนยุทธศาสตร์นโยบาย

ที่จะนำไปสู่สันติภาพและความรุ่งเรือง เราเรียกร้องให้การเจรจาตกลงต่างๆ ต้องเป็นไป

เพื่อพิทักษ์สิทธิของสตรีและเด็ก และข้อตกลงที่ขัดต่อสิทธิสตรีเป็นเรื่องที่ยอมรับไม่ได้


เราเรียกร้องต่อรัฐบาลทุกแห่งให้รับรองว่าจะจัดการศึกษาภาคบังคับที่ฟรีทั่วโลกสำหรับเด็กทุกคน 

เราเรียกร้องให้รัฐบาลทุกแห่งต่อสู้กับการก่อการร้ายและการใช้ความรุนแรง 

ให้พิทักษ์เด็กๆ จากความทารุณและภัยอันตราย เราเรียกร้องประเทศที่พัฒนาแล้ว

ให้สนับสนุนการขยายโอกาสทางการศึกษาสำหรับเด็กผู้หญิงในประเทศที่กำลังพัฒนา 

เราเรียกร้องให้ชุมชนทุกแห่งมีความอดทนอดกลั้น ปฏิเสธอคติที่เกิดจากชนชั้น เผ่า กลุ่ม สีผิว ศาสนา 

หรือวาระเพื่อสร้างเสรีภาพและความเท่าเทียมให้ผู้หญิงเพื่อพวกเขาจะได้เจริญรุ่งเรือง 

พวกเราไม่สามารถสำเร็จได้หากครึ่งหนึ่งของเรายังคงถูกรั้งท้าย 

เราเรียกร้องไปยังพี่สาวน้องสาวทั่วโลกให้กล้าหาญ น้อมรับความแข็งแกร่งภายในตน

และใช้ศักยภาพของตนเองที่มีอย่างเต็มที่


พี่ชายและพี่สาวทุกคน เราต้องการให้มีโรงเรียนและการศึกษาสำหรับอนาคตที่สดใสของเด็กทุกคน 

เราจะยังคงเดินทางต่อไปเพื่อให้ถึงเป้าหมายแห่งสันติภาพและการศึกษา ไม่มีใครจะหยุดยั้งเราได้ 

เราจะส่งเสียงเพื่อสิทธิของเราและเราจะนำการเปลี่ยนแปลงที่มาจากเสียงของเราเอง 

เราเชื่อในพลังและอำนาจของคำพูด คำพูดของเราสามารถเปลี่ยนแปลงโลกทั้งใบได้

เพราะเรารวมพลังเพื่อการต่อสู้เรื่องการศึกษา และหากเราต้องการบรรลุเป้าหมาย 

ก็ต้องให้เราติดอาวุธทางปัญญา และใช้ความเป็นเอกภาพและเป็นอันหนึ่งอันเดียวเป็นเกราะป้องกัน


พี่ชายและพี่สาวทุกคน เราต้องไม่ลืมว่าคนอีกหลายล้านคนกำลังทนทุกข์จากความยากจน 

ความไม่เท่าเทียมกันและความไม่รู้ เราต้องไม่ลืมว่ามีเด็กหลายล้านคนที่ไม่ได้เรียนหนังสือ 

เราต้องไม่ลืมว่ามีพี่สาวพี่ชายอีกมากที่กำลังรออนาคตที่สดใสและสันติ


ฉะนั้นขอให้เราร่วมกันต่อสู้กับการไม่รู้หนังสือ ความยากจน และการก่อการร้าย 

ให้เราหยิบหนังสือ ปากกาของเราขึ้นมา มันเป็นอาวุธที่ทรงพลังที่สุด 

เด็กหนึ่งคน ครูหนึ่งคน หนังสือหนึ่งเล่ม และปากกาหนึ่งด้ามสามารถเปลี่ยนโลกได้ 

การศึกษาเป็นวิธีแก้ปัญหาทางเดียว การศึกษาต้องมาก่อน ขอบคุณค่ะ


ขอบคุณ ที่มา : ประชาไท

http://prachatai.com/journal/2013/07/47683


หมายเลขบันทึก: 543518เขียนเมื่อ 24 กรกฎาคม 2013 21:13 น. ()แก้ไขเมื่อ 24 กรกฎาคม 2013 21:15 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (6)

ขอบคุณสำหรับการแบ่งปันสิ่งดีดีค่ะ

อยากเห็นเด็กๆและคุณครู  ที่ยังนั่งเรียนและยืนสอนกันได้อย่างไม่ต้องกลัวเสียงปืน

ได้ใช้โอกาสนี้อย่างเต็มที่ค่ะ

 

ได้อ่านจนจบแล้วครับ

เข้าใจ รู้สึกตามด้วยครับ

ขอขอบคุณมาก ๆ เลยนะครับ

ขอบคุณทุกท่านค่ะ ที่มาให้กำลังใจ

และคิดสิ่งดีๆ ร่วมกัน

pis.ratana

 

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท