คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ จัดบรรยายพิเศษ แก่บุคลากรและผู้สนใจ หัวข้อ BOOK to BLOG และการประชาสัมพันธ์ เชิญฉันและพี่ที่ทำงานอีกหนึ่งคนไปช่วยเป็น วิทยากรกระบวนการ ในวันที่ 10 กันยายน 2556 เพื่อถ่ายทอดความรู้ ประสบการณ์ และเทคนิควิธีการเขียนข่าวในรูปแบบต่างๆ สำหรับใช้ในการประชาสัมพันธ์องค์กร ตลอดจนเกิดการเรียนรู้ร่วมกันในเชิงปฏิบัติการด้านการเขียนข่าว เพื่อประชาสัมพันธ์คณะเภสัชศาสตร์ โดยคาดหวังว่าผู้เข้ารับฟังการบรรยาย สามารถนำไปปรับใช้ปฏิบัติงานด้าน การประชาสัมพันธ์ได้
ในภาคการเขียนข่าวนั้น...
“เวลา เขียนข่าว ฉันมองที่คนและเนื้อหาสาระข่าว ค่ะ ส่วนเรื่องการเผยแพร่ จะมองดูสื่อและช่องทางการสื่อสาร บันทึกนี้พูดแต่เรื่องการเขียนข่าวนะคะ”
ตามประสบการณ์ทำงานของฉัน จุดเริ่มต้นและจบลงอยู่ที่ “ตัวบุคคล” คือ คนเขียนข่าว และ คนอ่านข่าวหรือคนที่เราต้องการให้ได้รับข่าวสาร และตรงกลางคือ “ข้อมูล” ที่ต้องการนำเสนอเผยแพร่
“ตัวบุคคล”
· ตัวผู้สร้างข่าว เขียนข่าว ต้องทำ 4 ประการ
· ตัวคนรับสาร เป็นใคร และเรามีวัตถุประสงค์จะให้เขาทำอะไรหลังจากรับรู้แล้ว ศึกษา ผู้รับสาร ดูความชอบ ไม่ชอบ ความต้องการ(อยาก) ไลฟ์สไตล์คนส่วนใหญ่ เป็นต้น เพราะว่าเราอาจต้องใช้พลังการคิดน้อยไปถึงมาก ที่จะสร้างแรงจูงใจ
สำหรับ “ข้อมูล” เนื้อหาสาระข่าว ฉันมองว่า สั้น เข้าใจง่าย มีประเด็น(ไม่ควรเกินสองประเด็น) ค่ะ
ประสบการณ์การเรียนรู้ ต่อยอดจากผู้รู้ก่อนหน้า(กลุ่มพีอาร์มืออาชีพ) บอกเราว่า การสร้างประเด็นข่าว มีหัวใจสำคัญ ๆ คือ 1ทันสถานการณ์ 2มีความน่าสนใจของประเด็นที่จะสื่อสารออกไป จะเขียนจะพูดอะไรเขาบอกว่าต้องให้คลิกตั้งแต่ในกลุ่มคนทำงาน ส่วนองค์ประกอบสำคัญในประเด็นข่าว จะต้องมี 1 ความแปลก 2 คุณค่าหรือความสำคัญ เช่น นวัตกรรม 3 ความโดดเด่น 4 ความรวดเร็ว
ทีนี้ประเด็นที่มาแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับน้องๆ ทีมงานคณะ เภสัชศาสตร์ ประมาณ 30 คน โจทย์ของผู้อำนวยความสะดวกในการจัดการความรู้ คือ การเขียนข่าวเพื่อให้มีข่าวแจ้งไปยังศิษย์เก่า และผู้สนใจทั่วไป ทั้งเรื่องราวเพื่อการ "ก่อ" "กัน" "แก้" อันเป็นวัตถุประสงค์หลักๆ ของการดำเนินงานด้านประชาสัมพันธ์
สิ่งแรกจะบอกว่า “ปัจจุบันนี้การทำงานพีอาร์ไม่มีกรอบอีกแล้ว ไม่จำเป็นต้องยึดทฤษฎีวิชาการที่เรียนมา นักพีอาร์ส่วนมากเริ่มมองว่างานเขียนข่าว บทความข่าว เป็นศิลปะไม่ตายตัว เวลาเขียนก็ให้เหมาะกับเรื่องและกลุ่มผู้รับสาร ส่งไป ได้ลง ถือว่าประสบความสำเร็จแล้วค่ะ แต่อาจจะมีบ้างที่นักพีอาร์อาชีพต้องมองให้ลึกไปกว่านั้น เช่น ถ้าเราเขียนข่าวแล้วผู้สื่อข่าวนำไปเผยแพร่ให้ทั้งหมด เราสอบผ่าน แต่ถ้ามีการเขียนเนื้อข่าวเรานิดเดียว หรือนำไปแทรกในข่าวอื่นๆ ตรงนี้ต้องกลับมาคิดใหม่ วางแผนใหม่ค่ะ เป็นเรื่องงานพีอาร์เชิงกลยุทธ์ ตัวอย่างของ มหาวิทยาลัยเรามีเยอะค่ะ”
อย่างไรก็ตาม มีหลักสูตรการเขียนข่าวที่เราควรทราบไว้บ้าง ที่ได้ปรากฏเป็น Explicit Knowledgeมากมาย (ถ้าจะลองสืบค้นผ่าน search engine) สรุปหลักๆ ดูกัน 5 ข้อค่ะ
1. โครงสร้างข่าว มี 5W+1H
2. ประเด็นของข่าวน่าสนใจ
3. มีจุดมุ่งหมายของการเขียนชัดเจนว่า เพื่ออะไร และในโอกาสใด
4. เลือกหัวข้อเรื่องให้เหมาะสมกับผู้รับสาร
5. เรียบเรียงหัวข้อต่าง ๆ ให้ต่อเนื่อง
กลับมาที่ประสบการณ์ทำงานจริงๆ กันบ้างค่ะ ทีมงานพีอาร์ของมหาวิทยาลัยเรามีผู้จบการศึกษาหลากหลาย ไม่เฉพาะนกน้อยในไร่ส้ม อย่างไรก็ตามการเขียนข่าวเป็นงานหลักของทุกคนที่อยู่ในทีม ข่าวเขียนไม่ยาก แต่บทความข่าวอาจจะต้องใช้เวลา ประสบการณ์ทำต่อเนื่องจะช่วยให้แต่ละคนเชี่ยวชาญชำนาญขึ้นมาได้
กิจกรรมครั้งนี้ฉันมีพีอาร์ภาคปฏิบัติ 1คน มาเล่าประสบการณ์เขียนข่าวให้ฟัง จากที่เรียนจบมาทำงานไม่เคยเขียนข่าวมาก่อน แต่ผู้บังคับบัญชามอบหมายงานข่าวปฏิทินกิจกรรมของมหาวิทยาลัยให้ทำ เธอจึงต้องเรียบเรียงเขียนข่าวอย่างน้อย 20-25 ข่าวต่อสัปดาห์ ขึ้นกับกิจกรรมที่คณะและส่วนงานในมหาวิทยาลัยจัดขึ้น ข่าวทุกข่าวมีกำหนดเผยแพร่รายสัปดาห์ เธอปฏิบัติงานนี้มาเป็นเวลา เกือบ 20 ปีค่ะ
หลังจากให้ฟังเรื่องเล่าประสบการณ์เขียนข่าวแล้ว ฉันมีสรุปหลักง่ายๆ ในการเขียนเรื่องให้เป็นข่าว ก่อนที่เวที Book to Blog จะเปลี่ยนฉากใหม่ให้ทุกคนได้ลงมือปฏิบัติจริงกับปฏิบัติการเขียนข่าวจากเนื้อหาที่เตรียมมา แล้วมาร่วมวงคุยใหม่ในรายละเอียดค่ะ
หลักการเขียนข่าว 5 ข้อค่ะคือ
Who=ใคร , What=ทำอะไร , When=ทำเมื่อไหร่ , Where=ทำที่ไหน , Why=ทำทำไม , How=ทำอย่างไร
รูปแบบแรกส่วนใหญ่นิยมใช้เขียนเป็นสกู๊ปข่าว เรียงลำดับความสำคัญมากมาก่อน รูปแบบที่สองปัจจุบันไม่ค่อยนิยมใช้ ส่วนมากเป็นเรื่องราวการสืบสวนสอบสวน เล่นข่าวให้ดูน่าตื่นเต้น ต้องติดตาม ส่วนรูปแบบที่สามเป็นข่าวสั้นๆ มีความสำคัญเท่าๆ กัน หรือเป็นการเล่าข่าวตามลำดับเหตุการณ์ค่ะ
ยังมีต่อค่ะ
ชื่นชมครับ คณะเภสัชศาสตร์ น้าอึ่งอ๊อบ กลับมาใน G2K อีกครั้ง
เดินสายมาบางกอกด้วยสิคะ. คิดถึงจัง
ขอบคุณน้าต๋อยจากหัวใจ