ติดตามอ่านย้อนหลังได้ที่ลิงก์ข้างล่างนี้ครับ
http://www.naewna.com/columnist/1104
คนไทยรุ่นผมได้ผ่านต้มยำกุ้งมาแล้ว เมื่อปี’40 ประเทศไทยเคยมีปัญหาสาหัสยากที่จะอธิบาย ใครรอดมาได้ถือว่าเก่งและเฮงบทเรียนครั้งนั้นน่าจะแพงและจดจำไว้ไม่ให้เกิดซ้ำขึ้นอีก ณ วันศุกร์ที่เขียนนี้ ชักไม่แน่ใจแล้วว่าเศรษฐกิจไทยจะไปทางไหน? บทเรียนราคาแพงจะช่วยได้หรือไม่? ปัญหาวิกฤติเศรษฐกิจจะกลับมาหรือเปล่า?
ปัญหามี 2 ปัจจัย
ปัจจัยแรกคือ ปัจจัยเศรษฐกิจภายนอก กล่าวคือ 5-6 ปี ที่ผ่านมา ขณะที่อเมริกาหรือยุโรปย่ำแย่จาก Subprime และจากหนี้ของกรีซเป็นหลัก ประเทศเศรษฐกิจใหม่ Emerging Markets ก็เข้ามาแทนที่ ซึ่งถูกเรียกว่าเป็นกลุ่มประเทศ Brics คือ บราซิล รัสเซีย อินเดีย จีน และแอฟริกาใต้ อาจจะรวมไปถึงประเทศในกลุ่ม ASEAN ด้วย
ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
จุดเริ่มต้นของปัญหาก็คือ เศรษฐกิจของจีนอ่อนแรงลงอย่างเห็นได้ชัด จากที่เคยขยายตัว 10% ติดต่อกันกว่า 20 ปี ปีนี้ขยายได้แค่ 7% และมีแนวโน้มว่าจะขยายตัวช้าลง ปัญหาใหญ่ๆ คือการขยายสินเชื่อที่ไม่มีคุณภาพและรัฐวิสาหกิจของจีนยังมีบทบาทสำคัญกว่าภาคเอกชน
อินเดียมีปัญหามากมายทั้งสังคม การเมือง ความมั่นคงและโครงสร้างพื้นฐาน เคยคิดว่า อินเดียจะหลุดพ้นจากวงจรอุบาทว์ของความยากจนชักจะไม่แน่ใจแล้ว การขยายตัวตกต่ำกว่าจีน ปีนี้อินเดียขยายได้แค่ 2-3%
ประสาร ไตรรัตน์วรกุล
ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย
ส่วน บราซิล มีปัญหามาก เพราะยังไม่รวยจริง แต่แสดงความร่ำรวยโดยขาดพื้นฐาน ไปรับเป็นเจ้าภาพฟุตบอลโลกและโอลิมปิก ทำให้มีการลงทุนใช้จ่ายเกินตัว
ในขณะที่อเมริกาก็เพิ่งฟื้นและยังมีปัญหาว่างงาน ส่วนยุโรปก็ขยายตัวได้ต่ำ การส่งออกของไทยไปยังลูกค้าทั่วโลกจึงมีปัญหามาก เมื่อการส่งออกมีปัญหา การขยายตัวทางเศรษฐกิจก็มีปัญหาตามมา คาดไว้ว่าจะขยาย 4% บัดนี้อาจจะแค่ 3% ก็เก่งแล้ว น่าจะดูการเก็บรายได้ของรัฐบาลยังดีอยู่หรือเปล่า?
กิตติรัตน์ ณ ระนอง
ของไทยน่ากลัวกว่าประเทศอื่นๆ เพราะผู้นำมีปัญหา ไม่รู้ตัวเองว่าไม่รู้เรื่องอะไร จึงแก้ปัญหาอย่างลำบาก ไม่ตรงประเด็นและไม่ถูกจุด
ยิ่งไปกว่านั้น มีสมมุติฐานว่าเป็นรัฐบาลที่เคยทำสำเร็จยุคคุณทักษิณ ช่วงแรกๆ เศรษฐกิจขยายตัวได้มาก มาคราวนี้คิดว่าต้องสำเร็จอีก
จึงเป็นที่มาของคำพูดฝรั่งที่ว่า “What gets you here, Won’t get you there” คือนโยบายเดิมๆ ที่เคยสำเร็จจะไม่สำเร็จเสมอไปเพราะสถานการณ์เปลี่ยนไป
ยุคแรกๆ ของคุณทักษิณบริหารเป็นช่วงที่ประเทศกำลังขาขึ้น ฟื้นจากฟองสบู่ การปรับโครงสร้างหนี้สำเร็จหลายโครงการ เศรษฐกิจ เงินขยายตัวได้ ค่าเงินบาทอ่อน ส่งออกได้ดี การส่งออกเป็นตัวนำการขยายตัวทางเศรษฐกิจ
ปัจจุบัน นโยบายจำนำข้าวล้มเหลว การส่งออกข้าวตกต่ำเป็นประวัติการณ์ ขายแค่ 3 ล้านตัน จากที่เคยเฉลี่ยที่ 10 ล้านตัน
-นโยบายค่าจ้าง 300 บาททุกจังหวัด ทำให้ธุรกิจเล็กๆทั้งอุตสาหกรรม หรือบริการตกต่ำ ขาดความสามารถในการแข่งขัน
-ค่าครองชีพแพงทั้งแผ่นดิน
-ขาดแคลนแรงงาน แต่ไม่ลงทุนในการพัฒนาทักษะและทัศนคติ ทำให้ Productivity ต่ำ
-ประชากรแก่เร็วยังไม่มีนโยบายแน่นอนจะจัดการอย่างไร?
-นโยบายเหล่านี้เป็นไฟเติมความเลวร้ายเศรษฐกิจไทยในยุคปัจจุบัน
ที่เลวร้ายไปกว่านั้น คือ สร้างนิสัยให้คนไทยโลภ ไม่เน้นหลักของรัฐธรรมนูญปี’50 ที่ให้เศรษฐกิจไทยเป็นเศรษฐกิจพอเพียง คุณยิ่งลักษณ์เคยอ่านรัฐธรรมนูญหรือเปล่า?
การใช้จ่ายงบประมาณเป็นเรื่องน่าเศร้า ไม่ประหยัด คิดว่าไทยยังรวยอยู่ คิดว่าฉันคือเจ้าของเงิน แต่จริงๆ แล้ว คือ ภาษีของพวกเราทุกๆ คน
-การลงทุนระยะยาวไม่มี
-เรื่องวิจัย พัฒนาล้มเหลว
-ระบบการศึกษาล้มเหลว
-ตัดงบวิจัยทุกมหาวิทยาลัย ทำให้อธิการบดีทุกมหาวิทยาลัยต้องวิ่งหาเงินมาเอง ค่าใช้จ่ายประจำ เช่น บุคลากร และค่าสาธารณูปโภคน่าเศร้ามาก ทุนมนุษย์ของคนไทยจะเป็นอย่างไร?
คงต้องดูกันต่อไปว่าคนไทยที่รักประเทศจะช่วยกันดูแลปัญหาความยั่งยืนของประเทศอย่างไร? โดยหันมาประหยัด
เดินสายกลาง บริหารความเสี่ยง
คนไทยจะหันมาทบทวนตัวเองในเรื่องการใช้ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงหรือไม่? หรือยังคิดว่าประเทศฉันอยู่ได้เพราะมีนโยบายประชานิยมที่รัฐบาลป้อนทุกอย่างให้
คนไทยขาดความมั่นใจในตัวเอง “ต้องแบมือขอรัฐบาล”
ปัญหา คือ รัฐบาลยากจน ไม่มีอะไรจะให้ แล้วจะอยู่กันอย่างไร?
ศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์
เลขาธิการมูลนิธิพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ระหว่างประเทศ
www.gotoknow.org/blog/chiraacademy
แฟกซ์ 0-2273-0181
ไม่มีความเห็น