ย้อนรอยเส้นทาง PhD ของโอ๋-อโณ (26): ค่ารักษามหาโหด


เขียนเล่าเรื่องราวสมัยที่อยู่เพิร์ธลงในวารสารสายใยพยาธิฯเมื่อนานมาแล้ว และเอามาลงใน GotoKnow อยู่พักหนึ่ง แล้วก็หยุดไป จำไม่ได้ว่าทำไม แต่ช่วงนี้เอาไปเก็บใส่ไว้ในเว็บไซต์ของบุคลากรมอ.Share.psu แล้วเลยเอามาเผื่อแผ่ตรงนี้ไปด้วยให้จบค่ะ ดีใจที่ได้เขียนไว้จริงๆ เพราะตอนนี้ให้เขียนก็คงไม่ได้รายละเอียดขนาดนี้แน่ๆ

ค่ารักษามหาโหด

แต่ครั้งต่อมา เราได้รับรู้ค่าใช้จ่ายในการพาลูกไปแผนกฉุกเฉิน แต่ไม่ได้ admit แค่นอนสังเกตอาการ เพราะพี่วั้นแพ้อาหารอะไรสักอย่าง เกิดเป็นผื่นเต็มตัว แล้วก็ปากเจ่อขึ้นมาเกือบครึ่งหน้า เป็นอาการแบบที่เคยเกิดเมื่อสมัยเด็กๆ ทำให้เราต้องรีบพาไปโรงพยาบาล คราวนี้คุณพ่อเก่งแล้วเป็นคนไปจัดการได้ แล้วก็กลับมาบอกพวกเราว่า หมอฉีดยา adrenaline ให้แล้วให้นอนสังเกตอาการอยู่ที่ฉุกเฉินนั่นแหละ คราวนี้เราไม่ต้องนอนเฝ้า เราก็รอจนน้องเหน่นกับน้องฟุงหลับแล้วถึงไปเยี่ยมพี่วั้นกันตอนดึก วันนั้นเป็นวันที่หนังสือ Harry Potter เล่มที่ 4 ออกพอดีและพี่วั้นก็ไม่ยอมทิ้งขอเอาติดตัวไปโรงพยาบาลด้วย ตอนที่พ่อแม่ไปเยี่ยมดึกๆก็เลยได้เห็นลูกนอนอ่านหนังสืออยู่ในล็อคหนึ่งของแผนกฉุกเฉิน เป็นที่ที่มองเห็นได้สบายจากตรงเคาท์เตอร์ที่พยาบาลนั่งอยู่ เรียกว่านอนอ่านสบายเหมือนอยู่บ้านธรรมดาเลย ดีกว่าเสียด้วยเพราะไม่โดนพ่อแม่สั่งให้นอน จะอ่านถึงกี่โมงก็ได้

ปรากฎว่าวันรุ่งขึ้นก็ได้กลับบ้าน พร้อมกับยา adrenalin แบบฉีดเอง ที่เรียกว่า EpiPen คุณหมอให้มาเผื่อกรณีฉุกเฉินที่มีอาการแพ้รุนแรงแบบนี้อีกหลังกินอะไรเข้าไป เด็กๆที่เพิร์ธเป็นโรคแพ้อาหารกันมาก จนเขาต้องมีมาตรการไว้สอนกันเวลาฉุกเฉิน เพราะเคยมีกรณีที่เด็กแพ้ถั่วแล้ว เผอิญไปกินอะไรที่มีส่วนผสมของถั่วโดยไม่รู้ตัว ต้องฉีดยาช่วยแก้อาการแพ้เฉียบพลัน

คราวนี้ได้รู้ค่ารักษาพยาบาล เพราะโรงพยาบาลส่งบิลมาที่เราให้เอาไปติดต่อกับ MediBank (บริษัทที่ทำประกันสุขภาพให้นักศึกษาต่างชาติทั้งครอบครัว ซึ่งเราต้องจ่ายค่าประกันชีวิตสำหรับทั้งครอบครัวของนักศึกษาเป็นเงินปีละประมาณ 600 เหรียญ) เห็นแล้วตกใจและเข้าใจแล้วว่าทำไมเขาถึงบังคับให้นักเรียนต่างชาติต้องทำประกันสุขภาพไว้ก่อน ไม่งั้นทางมหาวิทยาลัยไม่รับเลยแหละ ค่านอนฉุกเฉิน 1 คืนของวั้นคือ 1,700 เหรียญค่ะ เรียกว่าครอบครัวเราใช้ประกันสุขภาพได้คุ้มจริงๆเพราะเขาจัดการให้หมดเลย

ไม่เอาแล้ว

หลังจากนั้นพี่วั้นก็ยังโดนหมอนัดให้ไปทำการทดสอบ prick test เพื่อจะดูว่าแพ้อะไร ปรากฎว่าพวกตัวทำให้แพ้ที่เขามีนั้น พี่วั้นไม่แพ้สักอย่าง เราบอกหมอว่าวันนั้น สิ่งที่ไม่เหมือนปกติอย่างเดียวที่วั้นกินก็คือ ขนมที่มีมะพร้าวขูด (ขนมของเอเชีย จากตลาด Subiaco) แล้วก็อาจจะผสมกับดื่มโค้กกระป๋องแบบที่ผสมอัลกอฮอล์นิดๆที่เขาขอลอง ทำให้ไปกระตุ้นอาการแพ้ หมอนัดจะให้เราไปซื้อมะพร้าวแบบนั้นมาให้ทดสอบ เราก็นึกว่าเขาจะมีวิธีพิเศษอะไร ปรากฎว่าเขาบอกว่าจะเอามาบดผสมกับน้ำเกลือแล้วก็มา prick test เหมือนที่ทำนี่แหละ ค่าหาหมอ ค่าทดสอบก็เกือบร้อยเหรียญแถมเสียเวลามากๆเราไปครั้งแรกแล้ว ก็เลยเลิกไปตามนัดต่อมา เพราะรู้สึกว่าไม่คุ้มเลย เราคอยระวังและหาดูเอาเองดีกว่าว่าแพ้อะไร เหมือนที่เราเคยทำและรู้มาแล้วว่าพี่วั้นแพ้ไข่นกกระทาตอนเด็กๆ แล้วก็ดีขึ้นเรื่อยๆตอนโต และหลังจากวันนั้นมาพี่วั้นก็ไม่เคยมีอาการแบบนั้นอีกเลย

ต่อมาจาก series นี้ค่ะย้อนรอย PhD

หมายเลขบันทึก: 550290เขียนเมื่อ 5 ตุลาคม 2013 13:15 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 สิงหาคม 2014 19:59 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (3)

...รำลึกถึงเรื่องราวที่ประทับใจนะคะ

คุณโอ๋ขา

ทุกครั้งที่ดิฉันเดินทางไปต่างประเทศ จะทำประกันระยะสั้นกับ SCB ค่ะ 

ถึงแม้อาจะต้องสำรองจ่าย ....แต่ยังมีความหวังว่ากลับมาเคลมได้ค่ะ

แต่ก้อไม่ลืมพกพายาที่จำเป็นและคุ้นเคยที่จะใช้ค่ะ บุญยังมี จึงคลาดแคล้วจากการเจ็บป่วยตลอดมาค่ะ

 

ขอบคุณเรื่องเล่าประสบการณ์อันมีคุณค่านะคะ

ฝนตก ขับรถปลอดภัยนะคะ

 

คิดถึง

ขอบคุณประสบการณ์ที่มีค่านี้มากค่ะ

มันแพงไปหมดเลยนะคะ

แต่มันก็สอนอะไรๆที่ไม่มีขายให้กับเราค่ะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท