เห็นด้วยตา ได้ยินด้วยหู เรื่องภายนอก
ไม่สำคัญเท่าได้เห็นเรื่องภายใน
ปฏิบัติจิตเพียงแค่วันละ 10นาทีทุกวันๆ
แม้เพียงน้อยนิดย่อมเกิดประโยชน์ได้ด้วยตัวเอง
จิตสงบลงไป เบิกบาน พอสบายๆ
อุปจารสมาธิ
ยังติดรู้สึกว่ามีกาย ลมหายใจยังปรากฏ
อันไหนเกิดขึ้นก็ยกเอาส่วนนั้นมาพิจารณา
กายมาก็พิจารณากาย
ลมหายใจมาก็ตามรู้ลมหายใจจนกว่าจะละเอียด และหายไป
นิ่งเฉยๆ แล้วไปไหนต่อ หรือความรู้ย่อมไม่ปรากฏขึ้น แล้วไปไหนต่อ
ก็ฉันไปไม่ได้ ฉันทำได้เท่านี้ๆจริงๆ หายไปหมดแล้วฉันจะเอาอะไรเป็นเครื่องรู้ เป็นที่ตั้งเป็นฐาน
ช่วยบอกฉันที
- ลองนำอนิจจัง-ทุกขัง-อนัตตา (ไตรลักษณ์) มาพิจารณากับส่วนต่าง ๆ ของตน ที่ถือครองอยู่ เช่น เกสา โลมา ทันตา นักขา ตโจ .. หรืออารมณ์ของจิตที่ผ่านพิจารณาเข้ามา เช่น ถ้าเกิดปิติ ก็เอาไตรลักษณ์ดังกล่าวมาพิจารณากำกับไว้..จะได้ไม่เป็นสมาธิดิ่ง ที่สงบ แต่ไม่เกิดปัญญา หรือหลงวิเศษคุณในสมาธิไปเสียหมด นะครับ
- เป้าหมายการปฏิบัติ คือให้ได้ปัญญาที่ถูกต้อง รู้เห็นตามความเป็นจริง คือรู้ว่า ล้วนแต่เป็นไตรลักษณ์ เพื่อว่า ยามออกจากสมาธิ ไปดำเนินชีวิตประจำวัน จะได้ไม่เกิด โลภ-โกรธ-หลง จิตใจมีความมั่นคง มีปัญญาที่สามารถแก้ไข เอาตัวรอดจากอบายได้..
- แล้วในที่สุด จิตใจก็จะสะอาด (ปราศจากกิเลส เศร้าหมองแก่จิต) , สว่าง (เห็นแล้วด้วยปัญญาที่ชอบ) และสงบ (จิตไม่กระเพื่อม แม้ปิติยินดี รู้สึกชนะ หรือหดหู่ เศร้าซึม) ครับ
- อนุโมทนาด้วยครับ
- ชยพร แอคะรัจน์
ชื่นชม ทุกอย่างมิใช่ของเราจ้า
สาธุ สาธุ ค่ะอาจารย์ต้อยติ่ง และอาจารย์ชยพร ที่ให้ข้อคิดและคำแนะนำในการปฏิบัติ วันนี้กุหลาบไปงานบวชของหลานชายที่วัดราชประดิษฐ์ ตอนหนึ่งได้ยินหลวงพ่อเจ้าอาวาสอบรมพระใหม่เกี่ยวกับ " เกสา โลมา ทันตา นักขา ตโจ .. " พยายามฟังแต่ฟังไม่ถนัด น่าจะเป็นคำสอนที่อาจารย์พูดถึงนะคะ แปลกแท้ แค่อยากรู้ ก็ได้รู้เร็วจริง ๆ ขอบคุณมากค่ะอาจารย์ _/|\_
เมื่อ..จิต..สงบ..ว่าง..วาง..เบา..สบายๆ....ก็ให้..รู้..อยู่..อย่างนั้น...ให้รู้..อยู่..กับ..ปัจจุบัน..ลม..หาย..ใจ..เป็น..กัลยาณมิตร..
ภาวนา..ใช้เมตตา..เป็นที่ตั้ง..เมตตาต่อ..ตน..ต่อ..ผู้อื่น..แผ่เมตตา..น้อมจิต..สู่..ความว่าง..วาง..เห็น..อนิจจัง..ทุกขัง..อนัตตา..
ใช่จริง ๆๆๆๆๆ คนส่วยใหญ่มองกันที่ภายนอกนะคะ
ขอบคุณค่ะ น้อง ท้องฟ้า
ปลายฝนก็ยังขยันนะคะ ขอบคุณดอกไม้สีสวย และข้อลปรร.ค่ะ
Bright Lily ขอบคุณที่แวะมาอ่าน
และให้กำลังใจนะคะ
ขอบคุณดอกไม้กำลังใจจากทุกท่าน ออกพรรษาแล้ว แต่ใจยังไม่ออกนะคะ อนุโมทนาทุกท่านค่ะ
Joy |
tuknarak |
ดร. พจนา แย้มนัยนา |
เกศินี จุฑาวิจิตร |
ไชย เทพฉิ |
ขอบคุณที่แวะมาลปรร.นะคะ
ปถวีธาตุ 20อย่างอันได้แก่เกศา คือผม โลมาคือขน นขาคือเล็บ ทันตาคือฟัน ตะโจคือหนัง(3ชั้น) มังสังคิอเนื้อ นหารูคือเส้นและเอ็น
อัฏฐิคือกระดูก อัญฐิมิชชังคือเยื่อในกระดูก วักกังคือม้าม หทยังคือหัวใจ ยกนังคือตับ กิโลมกคือผังผืด ปิหกังคือไต ปัปผาสังคือปอด
อันตังคือลำไส้ใหญ่ อันตคุนังคือ ลำไส้ใหญ่ อนันตคุนังคือลำไส้น้อย อุทรียังคืออาหารใหม่ กรีสังคืออาหารเก่า มัตถเก
มัตถลุงคังคือสมอง เป็นส่วนหนึ่งที่ใช้พิจารณาสังขารไม่เที่ยงค่ะ รวมถึงครูบาอาจารย์แผยโบราณท่านให้เรียนรู้ให้แม่นยำ
เพื่อจะได้เอาไว้พิจารณาวินิจฉัยอาการผู้ป่วยถึงเหตุแห่งความเจ็บป่วยและเพื่อการรักษาค่ะ
ขอบคุณที่แวะมาลปรร.ร่วมกันนะคะ
ขอบคุณค่ะผอ.
อัญชัญ ครุฑแก้ว |
ท่านอ. ชยพร แอคะรัจน์ กล่าวไว้ชัดเจนค่ะ
"- เป้าหมายการปฏิบัติ คือให้ได้ปัญญาที่ถูกต้อง รู้เห็นตามความเป็นจริง คือรู้ว่า ล้วนแต่เป็นไตรลักษณ์ เพื่อว่า ยามออกจากสมาธิ ไปดำเนินชีวิตประจำวัน จะได้ไม่เกิด โลภ-โกรธ-หลง จิตใจมีความมั่นคง มีปัญญาที่สามารถแก้ไข เอาตัวรอดจากอบายได้..
- แล้วในที่สุด จิตใจก็จะสะอาด (ปราศจากกิเลส เศร้าหมองแก่จิต) , สว่าง (เห็นแล้วด้วยปัญญาที่ชอบ) และสงบ (จิตไม่กระเพื่อม แม้ปิติยินดี รู้สึกชนะ หรือหดหู่ เศร้าซึม) ครับ"
ชวนให้ปฏิบัติ ปฏิบัติเช่นนี้แล้วโลกภายนอกมิมีรังเกียจ รังงอน โลภโกรธหลง โทสะ โมหะฯลฯ ค่อยๆหายๆ สบายๆชิวๆแต่มีเป้าหมายกับชีวิตที่ได้เกิดมาและยังดำรงอยู่ พี่เข้าใจว่า นี่คือความหมายของชีวิตที่พี่ต้องทำเพื่อการเรียนรู้โลกภายในของตัวเองที่ยังบางเบา ยังคงต้องฝึกฝนเรียนรู้ไปจนกว่าจะหมดโอกาส
ขอบคุณค่ะ