สวัสดีค่ะ...ชาวเฮฮาศาสตร์
เพิ่งเข้ามาเป็นสมาชิกใหม่ค่ะ ได้มีโอกาสไปร่วมสัมมนากับทริปป่าห้วยขาแข้ง ครั้งที่ 10 วันที่ 6-10 ธันวาคม 2556 การเดินทางครั้งนี้เป็นอะไรที่เหนือความคาดหมายไปแทบทุกเรื่อง เนื่องจากไม่เคยรู้จักกับชมรมเฮฮาศาสตร์ ไม่รู้จักกับ “GotoKnow” เคยแต่เข้าไปดู “ลานปัญญา” บ้างนานมาแล้ว สำหรับเฮฮาศาสตร์ กับ GotoKnow เคยได้ยินผ่านๆจากพี่เขย(สิงห์ป่าสัก) เรียกได้ว่าไม่เคยรู้ไม่เคยทราบมาก่อนเลยว่าจริงๆแล้วคืออะไร จนกระทั่งได้ยินว่าชมรมเฮฮาศาสตร์จะไปห้วยขาแข้งไปที่ป่าที่ สืบ นาคะเสถียร ต้องทำการอัตตวิบากกรรมเพื่อให้ชาวโลกได้รับรู้ถึงเรื่องการจะต้องรักษาผืนป่าเอาไว้ให้ได้ จะไปดูไปฟังเรื่องที่กำลังเป็นประเด็นทางสังคมเรื่องการสร้างเขื่อนแม่วงก์ ก็เกิดความอยากจะไปเพราะคิดว่าในชีวิตนี้เราคงไม่มีโอกาสที่ได้ไปเที่ยวป่าแถบนี้หรอก ในชีวิตถ้าจะได้ไปเที่ยวก็คงจะได้ไปที่ที่นักท่องเที่ยวฮิตๆ ไปกันเท่านั้นแหละ ชวนใครก็คงไม่มีใครเขาไปกัน(ใครหมายถึงผู้คนที่แวดล้อมตัว) ก็เลยขอพี่สาวว่าอยากไปด้วยจัง พี่เค้าก็บอกให้สมัครเข้าชมรมฯ .... ตื่นเต้นๆ..จะได้ไปเดินป่า คิดอยู่ลึกๆในใจว่า จะได้นอนเต็นท์มั้ยน้อ.. จะหนาวมั้ยน้อ จะนู่นจะนั่นจะนี่มั้ยน้อ... เยอะ! ค่ะ....หมายถึงของสัมภาระ …นี่เอาออกไปบ้างแล้วนะ เพราะกลัวโดนพี่เขยดุเอา...(นินทาด้วยความเคารพค่ะ อิอิ)
วันแรกเข้าป่าไปเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง ไปดูไปฟังเรื่องราวของการอนุรักษ์ป่าไม้ สัตว์ป่า และการทำงานของท่านสืบ นาคะเสถียร รู้สึกอินไปกับเรื่องที่ฟัง 2 วัน แรกรู้สึกเครียดจัง รู้สึกว่าเราช่างตัวเล็กเป็นจุดเล็กๆ ไม่มีความสามารถอะไรที่จะช่วยเกี่ยวกับป่าไม้ได้เลย เรานี่ช่างไม่มีประโยชน์อะไรเอาซะเลย (อารมณ์ซึมๆ หงอยๆ) พูดก็ไม่เก่ง เขียนก็ไม่เป็น ร้องเพลงก็ไม่เพราะ...แหงะ! ช่างเป็นคนที่ไม่ได้ความเอาซะเลย พาลคิดว่าเราคงไม่เหมาะหรอกที่จะมาอยู่ในชมรมนี้ เพราะคนที่ไม่มีอะไรเลยอย่างเราจะไปทำให้กลุ่มเขาหนักเปล่าๆ คิดในใจว่า ขอโทษนะคะที่มาเข้ากลุ่มด้วยเสร็จจากการมาเที่ยวครั้งนี้แล้วจะค่อยๆเดินออกไปเองค่ะ....
ได้เดินขึ้นเขามออีหืด สมกับชื่อจริงๆ สนุกมากขึ้นไปถึงเป็นกลุ่มสุดท้ายอย่างสูงอย่างชันและไกลเป็นกิโลเลย คนอื่นๆขึ้นไปหมดแล้วเราก็ขึ้นให้ถึงเหนื่อยมากตามประสาคนไม่ออกกำลังกายสนุกดีค่ะ ค่ำคืนวันที่ 3 ของการเดินทาง พี่บู๊ดเจ้าภาพโครงการฯ ได้ให้สมาชิกชมรมฯ ท่านเก่าๆ ได้มาแนะนำตัวและพูดคุยกันว่าใครเป็นใครมาจากไหนเข้ามาเป็นสมาชิกชมรมด้วยเหตุใด .... โอ้โฮ... แม่เจ้า!... แต่ละท่าน!... แถมยังดีกรีนำหน้าและพ่วงท้ายอีกยาวเหยียดจำไม่หวาดไม่ไหว....เกิดอาการซึมเข้าไปใหญ่เลยฐนมน(กลัวค่ะ) ณ เวลานั้น ตั้งแต่ประมาณ 3 ทุ่มถึง 5 ทุ่ม นั่งตากน้ำค้างเย็น(เจี๊ยบ)ฟังเรื่องราวของแต่ละท่าน ทั้งทึ่งและชื่นชม แปลกใจในหลายๆชีวิต ที่เราไม่เคยรู้ไม่เคยได้ยินมากก่อน โอ้โห... เปิดโลกทัศน์ใหม่ อารมณ์ประมาณ ทั้งง่วง ทั้งหนาว ทั้งอยากฟังต่อไปเรื่อยๆ หลากหลายความรู้มากๆ ขอย้อนกลับไปพูดถึงความรู้สึกของคืนวันที่ 2 ที่ร้านอาหาร To Sit ก็นะ...สุดๆ สุดๆ นี่คือ ปวดหัวสุดๆ ต้องแยกประสาทการรับรู้กีดกันเสียงเพลงเสียงดนตรีภายนอกห้องกับเสียงที่อยากจะฟังในห้อง(อ๋อยยยย...ทรมาน)
พูดถึงสมาชิกที่มาจากบล็อกGotoKnow ทุกท่านเรียกว่าเป็น “ตัวจริง” ก็เลยทำให้ได้เข้าใจว่า GotoKnow คืออะไร... ณ เวลานั้น มีความรู้สึกว่าเราอยากฟังต่อนะ อยากรู้เรื่องราวต่างๆของแต่ละท่าน(มันน่าทึ่งจริงๆ) แต่ว่า...เสียดายจัง.. เพราะมีความคิดที่ว่าจะค่อยๆ เดินออกไปจากกลุ่ม เพราะเราไม่ใช่ตัวจริง เราไม่มีความรู้ความสามารถ เราไม่เข้าพวก(แค่การแต่งกายของเราก็แปลกแยกซะแล้ว..แหะๆ) งั้นการมีโอกาสได้มาสัมผัสกับทุกท่านในครั้งนี้ก็จะพยายามเก็บเกี่ยวทุกอย่างทุกเม็ด.... แต่เมื่อฟังๆไป เอ๊ะ..หลายๆท่านจะบอกว่ายินดีต้อนรับไม่ว่าคุณจะเป็นใครแค่ขอให้คุณเป็นคนดีมีศีลธรรม(อันนี้เรามีนี่นา มั่นใจมาก) และขอให้คุณเป็นตัวของคุณเอง(เราเป็นอยู่แล้ว) ไม่ต้องพยายามเป็นใคร(แค่คิดจะเป็นก็เหนื่อยแล้ว).... อืมมม์... ไม่มีใครรังเกียจเรานี่...งั้นขออยู่ต่ออีกหน่อยนะคะ(แอบคิดในใจ) ... ทุกท่านเป็นเพื่อนใหม่ที่ใจดีมากๆ พร้อมที่จะให้พร้อมที่จะปันอย่างน้อยๆที่ได้สัมผัสแค่ไม่กี่วันก็รู้สึกได้... รู้สึกอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก เป็นเพื่อนที่หลากหลายวัยมากๆ รู้สึกว่าดีจัง (เหมือนอยู่ในโลก ที่อยู่ในหนังสือ)... รู้สึกได้ว่าต่อจากนี้ไปเราจะไม่ได้อยู่โดดเดี่ยวในโลกเราจะมีเพื่อนมากมาย เพื่อนที่มีจิตใจดี และปรารถนาดีต่อเราอยู่ทั่วทุกภาคเลย(อุ่นใจ) คุยกลับเพื่อน(ลักษณ์)ตอนขากลับว่า นี่นับเป็นวาสนาของเรานะนี่ที่ได้มาพบมาเจอกับบรรดาเหล่าบุคคลที่ไม่เคยคาดคิดมากก่อนเลยว่าจะได้มาทำความรู้จักได้มาใกล้ชิด เพื่อนลักษณ์บอกว่าใช่เลยนับเป็นวาสนาจริงๆใครจะคิดว่าแค่ตามเพื่อนมาเที่ยวในครั้งนี้จะทำให้ได้เปิดโลกทัศน์ได้มากขนาดนี้ ว่าแล้วเราก็คุยกันจ้อกันอย่างมีความสุขตลอดทางจากอุทัยถึงเชียงใหม่ ครั้งนี้เป็นการขับรถที่ไม่เหนื่อยเลย(เพื่อนรินน้ำให้ดื่มตลอดทาง ..อิอิ ..ขอบคุณนะจ๊ะ)
และที่รู้สึกแปลกๆ อีกอย่างก็คือ ...กอด..... ก่อนไปพี่เขยก็บอกก่อนแล้วว่าอย่าตกใจนะถ้าเห็นเค้ากอดกันเป็นธรรมเนียมของสมาชิกชมรมฯน่ะ ก็คิดอยู่ในใจก็แค่กอดไม่เห็นจะต้องน่าตกใจตรงไหนเห็นใครๆเขาก็กอดกันอยู่บ่อยๆ(ในหนังในละครหรือการแสดงออกของนักการเมือง) แต่พอเอาเข้าจริงๆ ในเช้าวันสุดท้ายตอนล่ำลากันกอดกันขึ้นรถกลับได้กอดกับพี่รุ่งคุณบุญรุ่ง)เป็นคนแรก กับอีก 2-3 ท่าน การกอดกันแน่นๆ ทำให้รู้สึกแปลกๆ ปนอบอุ่น... เรียกว่าต้องใช้ความกล้าหาญการขจัดความ... อะไรล่ะ ไม่รู้ว่าจะเรียกว่าความอะไร เพราะจริงๆ แล้วไม่ได้กอดใครมานานนนนมากกกกก เพราะที่บ้านไม่เคยได้แสดงความรักกันแบบนี้ ไม่ได้กอดพ่อ กอดแม่ กอดพี่ กอดน้อง เพราะรู้สึกเขินที่จะแสดงออก กว่าจะตัดสินใจเดินเข้าไปหาอ้อมกอดของพี่รุ่งได้ ต้องใช้ความกล้าหาญอยู่พอสมควรเลยทีเดียว... แต่ก็รู้สึกดีนะคะ ^_^ รู้สึกว่าตัวเองไว้วางใจคนอื่นได้มากขึ้น...ก็แปลกดี ประทับใจค่ะ... มีอีกหลายอย่างในโลกใบนี้ที่จะต้องเรียนรู้กันต่อไป ก็จะขอศึกษาจากทุกท่านไปก่อนนะคะ... หวังว่าสักวันเราคงจะพอมีอะไรๆให้กับคนรุ่นหลังๆได้ศึกษาบ้างล่ะ(ไม่มั่นใจในตัวเองเล้ยยย)
ฐนมน เขมศิริ
ชอบมากเลยครับ
พอดีติดงานช่วยงนโรงเรียนขนาดเล็กเลยไม่ได้ตามพี่ๆน้องไป
แต่ตามอ่านในบันทึกแทนขอบคุณพี่บางทรายมากๆ
สบายดีไหมครับ
เสียดายจัง ขจิตไม่ได้ไป ไม่งั้นโดนกอดแน่นๆเลย คราวหน้านะครับ
น่าชวน