ติดตามอ่านย้อนหลังได้ที่ลิงก์ข้างล่างนี้ครับ
http://www.naewna.com/columnist/1104
วันที่ 5 ธันวาฯ เวียนมาบรรจบอีกครั้งหนึ่ง ชาวไทยทุกคนปลาบปลื้มในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ อย่างหาที่เปรียบมิได้ ขอให้พระองค์ทรงมีพระพลานามัยสมบูรณ์ยิ่งยืนนาน
ขณะที่เขียนบทความนี้ ผมอยู่ที่กรุงออสโลว์ประเทศนอร์เวย์ ออกจากกรุงเทพฯ ในช่วงที่มีวิกฤติทางการเมืองในคืนวันที่ 1 ธันวาฯ มาทำงานวิจัยที่ประเทศสวีเดน และนอร์เวย์ ระหว่าง
การเดินทาง คณะของเราใจคอไม่ดีเพราะยังมีวิกฤติทางการเมืองในประเทศ แต่พอมาได้ 2 วัน
รู้สึกโล่งใจไปบ้างเพราะทุกฝ่ายสงบศึกชั่วคราวเพื่อเฉลิมฉลองในวันมหามงคลเฉลิมพระชนม์พรรษาของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ก่อนที่จะกลับมาสู้กันต่อ
บรรยากาศการดูงานที่ The Swedish Broadcasting Authority
จังหวะเวลาดังกล่าวทำให้ทุกฝ่าย ได้ไตร่ตรองและสะท้อนคิดว่าจะนำพาประเทศไปสู่จุดใด
ที่เหมาะสม และแก้ปัญหาด้วยสันติวิธีแบบประเทศที่เจริญ
คืนแรกก่อนที่จะสงบศึกชั่วคราว ผมได้ดูข่าวจากช่อง BBC ที่สวีเดน ปรากฏว่าการเมือง
ในประเทศไทยเป็นเหตุการณ์ที่โลกจับตามองให้ความสนใจเป็นอย่างมาก
จากนี้ไปเหตุการณ์การเมืองจะเป็นอย่างไรก็คงจะต้องเฝ้าดู แต่ที่แน่ๆ ก็คือ
- การปฏิรูปการเมืองต้องเกิดขึ้น
- การมีรัฐบาลเสียงข้างมากโดยขาดคุณธรรมจริยธรรมคงอยู่ไม่ได้
- การมีนโยบายคอรัปชั่นแบบไม่แคร์ประชาชนคนไทยคงจะทำลำบาก
- สุดท้าย คือ นโยบายประชานิยมอย่างไม่มองการพัฒนาประเทศระยะยาว
คงปฏิบัติต่อไปอย่างลำบาก
ผมนำทีมมาทำวิจัย เรื่อง แนวทางการกำกับดูแลกิจการวิทยุกระจายเสียงบริการชุมชน
ในประเทศไทยให้เป็นไปตามกฎหมายให้ปฏิบัติทางกฎหมายและสร้างประโยชน์ให้แก่ประชาชนอย่างสูงสุด เพราะวิทยุเป็นการให้ข้อมูลแก่ประชาชน และเป็นวิธีที่ประหยัดในการกระจายข้อมูลข่าวสารถ้าทำได้ดี
ปัจจุบันมีวิทยุเปิดทำการเป็นจำนวนมาก ยังไม่ได้เข้าระบบของ กสทช. ในอดีตก่อนที่ กสทช. จะกำหนดนโยบายดังกล่าว มีการอนุญาตให้เปิดอย่างเสรีซึ่งสร้างปัญหาในหลายด้าน
ท่านเอกอัครราชทูตไทยประจำประเทศสวีเดนเลี้ยงรับรองอาหารกลางวัน
จากนี้ไปจะต้องมีระบบการขออนุญาตที่ถูกต้อง คือ ต้องแจ้งให้ กสทช. ทราบ ต้องถูกตรวจสอบว่ารายการนั้นไม่ขัดต่อกฎระเบียบกสทช. และเป็นประโยชน์สูงสุดต่อประชาชน หากทำผิดต้องได้รับโทษตามกฎระเบียบที่ กสทช. กำหนดไว้
ซึ่งเมื่อได้มาดูงานและแลกเปลี่ยนกับหน่วยงานในประเทศสวีเดน The Swedish Broadcasting Authority พบว่า
- ระบบข้อมูลการให้การอนุญาตกลุ่มผู้ประกอบการวิทยุในสวีเดน เป็นไปอย่างเรียบร้อยและมีประสิทธิภาพ เพราะได้สร้างระบบที่ถูกต้องมานาน
- องค์กรหรือกลุ่มใดที่จะขออนุญาตดำเนินการสถานีวิทยุชุมชนต้องขอใบอนุญาตจากรัฐบาล จะต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบมีการตรวจสอบอย่างโปร่งใสในสาระและเนื้อหาต้องไม่ขัดต่อกฎหมาย ความถูกต้อง และจริยธรรมของคนในประเทศ เช่น ถ้าพบว่าทำผิดก็จะถูกหน่วยงานของรัฐทำโทษ ต้องปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด ทางการสวีเดนจะทำงานอย่างเป็นธรรมโปร่งใสกับทุกฝ่าย
- ในขณะที่ประเทศไทยเปิดวิทยุชุมชนอย่างเสรี โดยเฉพาะก่อนจะตั้ง กสทช. อย่างเป็นทางการ หลังปี พ.ศ. 2550 บัดนี้ กสทช. จะต้องจัดระบบให้เข้าที่ เพื่อทำประโยชน์สูงสุดให้แก่ประชาชนคนไทยอย่างแท้จริง
- โครงสร้างประชากรและคุณภาพของทุนมนุษย์ในประเทศไทย ยังไม่ดีพอจึงทำให้มีการใช้วิทยุชุมชนเพื่อประโยชน์ทางการเมืองปลุกระดมอยู่เป็นประจำ ซึ่งสร้างปัญหาด้าน
ความมั่นคงของประเทศในระยะยาว
- แม้ว่าจะมีวิทยุชุมชนจำนวนหนึ่งที่ทำเพื่อส่วนรวม เช่น กลุ่มศาสนา กลุ่มปราชญ์ชาวบ้าน กลุ่มแพทย์ชนบท ฯลฯ ที่ใช้วิทยุชุมชนกระจายข่าวสารข้อมูล ฝึกให้คนไทยคิด ใฝ่รู้
อย่างแท้จริง
ทะเลสาบที่เมือง Karlstad
งานวิจัยครั้งนี้ จึงเป็นการศึกษาเปรียบเทียบประเทศไทยกับตัวอย่างของประเทศที่เจริญแล้ว ว่ามีระบบการให้ใบอนุญาตอย่างไร มีระบบตรวจสอบอย่างไร มีวิธีการกำกับดูแลให้ปฏิบัติตามกฎหมายอย่างไร
เห็นว่าประเทศไทยจะต้องมีนโยบายที่ชัดเจนและกล้านำนโยบายเหล่านั้นไปปฏิบัติ
โดยมองจากความจริง 4 ด้าน คือ
- กฎหมาย
- เทคโนโลยี
- เศรษฐกิจ
- สังคม/วัฒนธรรม
ภาพบรรยากาศการบันทึกเทปโทรทัศน์ที่นอร์เวย์
งานวิจัยครั้งนี้เป็นการศึกษาทั้งจุดอ่อนและจุดแข็ง ในสิ่งที่เคยปฏิบัติมาในอดีต กับสิ่งที่ต้องปฏิบัติในอนาคตว่าจะทำอย่างไรให้ประชาชนได้รับประโยชน์สูงสุด
ขอขอบคุณสถานทูตไทยในประเทศสวีเดนและประเทศนอร์เวย์ โดยเฉพาะ คุณสมชัย
จรณะสมบูรณ์ เอกอัครราชทูตไทยประจำประเทศสวีเดน และคุณธีรกุล นิยม เอกอัครราชทูตไทยประจำประเทศนอร์เวย์ ที่กรุณาประสานงานให้คณะวิจัยของเราได้พบกับหน่วยงานที่สำคัญของทั้งสองประเทศ ยิ่งไปกว่านั้นยังกรุณาเลี้ยงรับรองและให้ข้อมูลแลกเปลี่ยนกับคณะวิจัยซึ่งเป็นประโยชน์อย่างยิ่ง
การเดินทางมายังประเทศสวีเดนและนอร์เวย์ ผมและคณะยังได้เรียนรู้เกี่ยวกับทั้ง 2 ประเทศในมุมที่น่าสนใจ อาทิ
ภาพบรรยากาศเมืองสวีเดน
- ประเทศสวีเดน เก่งเรื่องการวิจัยและพัฒนา (R&D) ให้ความสำคัญในการพัฒนาคนอย่างต่อเนื่องและการนำความรู้ไปสร้างมูลค่าเพิ่ม มีอุตสาหกรรมที่ติดอันดับโลกมากมายเช่น Volvo, IKEA, Electrolux คนไทยน่าจะศึกษาวิธีการสร้างนวัตกรรมเหล่านี้ นักศึกษาไทยควรหาทางมาศึกษาที่ประเทศสวีเดนมากขึ้นเพราะที่นี่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นส่วนใหญ่
- ส่วนประเทศนอร์เวย์ เป็นประเทศที่มีความเป็นอยู่แบบเรียบง่าย มีรายได้ดี มีสวัสดิการจากภาครัฐดี เพราะมีรายได้จากน้ำมันและแก๊สมูลค่ามหาศาลจากทะเลเหนือ ด้วยคุณภาพชีวิตที่ดี และนโยบายของรัฐทำให้รายได้ของคนนอร์เวย์ไม่แตกต่างกันมากนัก ส่วนใหญ่ใช้ชีวิตแบบสบายและไม่ทำงานหนัก แต่ในอนาคตภาครัฐอาจจะต้องกระตุ้นให้คนของเขาหันมาสนใจการพัฒนานวัตกรรมมากขึ้นเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงที่มาถึง ซึ่งท่านทูตฯ วีระกุล นิยม ให้ข้อมูลว่านอร์เวย์สนใจเรื่อง ไอที พลังงานทดแทน และการออกแบบพึ่งทรัพยากรธรรมชาติ
- แต่นอร์เวย์มีสิ่งที่คนไทยต้องศึกษา คือ รัชกาลที่ 5 เสด็จมาที่นี่เมื่อกว่าร้อยปี
คนนอร์เวย์ประทับใจและจดจำพระราชกรณียกิจของพระองค์ ซึ่งเป็นความสัมพันธ์
ที่ลึกซึ้งของสองประเทศมาถึงปัจจุบัน
อยากให้คนไทยสนใจและหาโอกาสศึกษา และแลกเปลี่ยนกับประเทศที่น่าสนใจทั้งสองประเทศนี้มากขึ้น
สถานที่จัดการเลี้ยงฉลองผู้ได้รับรางวัลโนเบล
ท่านเอกอัครราชทูตไทยประจำประเทศนอร์เวย์เลี้ยงรับรองอาหารเย็น
ศาสตราจารย์ ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์
แฟกซ์ 0-2273-0181
www.ChiraAcademy.com
ไม่มีความเห็น