Praepattra
ผู้ช่วยศาตราจารย์ Praepattra Kiaochaoum

สู่ความหายนะของสังคม หากไม่รีบช่วยกันแก้ด้วยธรรมวิธี!!


เจริญพร สาธุชนผู้มีศรัทธาในพระพุทธศาสนา... เนื่องใน ศุภมัสดุ พระพุทธศาสนายุกาล จำเดิมแต่ปรินิพพาน แห่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบัดนี้เป็นไปอยู่ ๒๕๕๗ พรรษา ปัจจุบันสมัย บาลีเรียก สตฺตปญฺญาส (พุทธศักราช ๒๕๕๗) และเมื่อคิดคำนวณตามสุริยคติ ตามธรรมเนียมนิยมของ พุทธศาสนาธรรมยุติกนิกาย ปัดเศษนับวันครบหนึ่งปักษ์ ที่พระภิกษุจะร่วมประชุมสังฆกรรมลงอุโบสถ สดับฟังภิกขุโอวาทปาติโมกข์ ในวันที่ ๑ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๕๗ จากปกติวันพระขึ้น ๑๕ ค่ำ ตรงกับวันที่ ๓๑ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๕๖

วันลงอุโบสถในปักษ์นี้จึงตรงกับวันขึ้นปีใหม่พอดิบพอดี นับว่าเป็นมหามงคลกาลที่สำคัญอันควรพิจารณา ในปีนี้ได้ตรงกับการจัดอบรมกรรมฐานให้กับพุทธศาสนิกชนที่เดินทางมาร่วมงาน ด้วยความศรัทธาอย่างยิ่งในพระพุทธศาสนา ระหว่างวันที่ ๓๐ ธันวาคม ๒๕๕๖-๑ มกราคม ๒๕๕๗ ณ วัดป่าอารยวังสะบางไทร จ. พระนครศรีอยุธยา โดยเฉพาะการปฏิบัติธรรมอบรมจิตภาวนาอย่างต่อเนื่องในวันที่ ๓๑ ธันวา คม ๒๕๕๖ ส่งต่อเข้าสู่วันที่ ๑ มกราคม ๒๕๕๗ มีการเจริญพระ พุทธมนต์ระหว่างเวลา ๒๓.๐๐-๐๑.๓๐ น. และร่วมกันจุดเทียนอธิษฐานธรรม เพื่อขออานุภาพแห่งพระรัตนตรัย อันสำเร็จด้วยการปฏิบัติบูชาของคณะศรัทธาที่มาร่วมอบรมจิตภาวนา รับพระกรรมฐานข้ามปีเป็นครั้งแรก คุ้มครองพิทักษ์รักษาชาติไทย ปกปักรักษาชาวไทยให้รอดพ้นจากภยันอันตรายทั้งปวง และเพื่อการสนับสนุนให้กิจการรวมพลังนำพาประเทศไปสู่ความสำเร็จตามประสงค์ ของมหาชนที่มุ่งประโยชน์เพื่อประเทศชาติโดยธรรม...

ที่น่าชื่นใจอย่างยิ่งอันควรแก่การอนุโมทนา คือ ความมีศรัทธา...เชื่อมั่น...ปสาทะ...เลื่อมใสในพระพุทธศาสนาที่ยั่งยืนมั่น คงหนักแน่น จึงอดทนพากเพียรปฏิบัติกรรมฐานอย่างตั้ง ใจ วันละ ๓-๔ รอบ รอบละ ๒-๓ ชั่วโมง โดยเฉพาะในวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๖ ส่งต่อเข้าสู่วันที่ ๑ มกราคม ๒๕๕๗ นับเวลาได้รวมมากกว่า ๑๐ ชั่วโมง แห่งการศึกษาปฏิบัติ เรียกว่าอุกฤษฏ์พอสมควรกับการปฏิบัติ ที่เน้นความรู้-ความเข้าใจที่ถูกต้องตามหลักธรรมคำสั่งสอนในสายปฏิบัติ...

ก่อนที่อาตมาจะเดินทางเข้าสู่วัดป่าอารยวังสะ บางไทร เพื่อปฏิบัติศาสนกิจตามที่เล่ามาโดยย่อ ได้มีโอกาสไปกราบหลวงพ่อ พระธรรมเมธาจารย์ วัดโสมนัสฯ ในคืนวันที่ ๒๙ ธันวาคม ๒๕๕๖ เพื่อรับงานการจัดอบรมพระธรรมทูตไปต่างประเทศ (ธรรมยุต) ซึ่งได้จัดให้มีการประชุมใหญ่/สามัญประจำปีขึ้นเป็นครั้งที่ ๑/๒๕๕๖ ในวันจันทร์ที่ ๓๐ ธันวาคม ๒๕๕๖ ณ วัดอาวุธวิกสิตาราม กรุงเทพฯ เมื่อเสร็จสิ้นธุระ อาตมาได้เดินทางผ่านด้านหน้าของฌาปนสถานวัดโสมนัสฯ เห็นคนใส่ชุดดำจำนวนมากมาร่วมงานศพ ทราบว่าเป็นการ์ด คปท. ที่ถูกลอบยิงตายเป็นชาวชุมพร จึงได้เดินเข้าไปเพื่อแผ่เมตตาให้กับผู้จากไป...

สิ่งหนึ่งที่อาตมาได้สัมผัสจากภาวะจิตของบุคคลที่เดินทางมาร่วมงานศพในครั้ง นี้คือ ความเสียใจ ความคับแค้นใจ!! ภาวะจิตแห่งความคับแค้นใจแผ่ไปทั่วบริเวณ...

จากบุคคลร่วมอุดมการณ์ของการ์ด คปท. ที่จากไปด้วยการถูกลอบยิง ทราบว่ามีผู้ได้รับบาดเจ็บด้วยหลายราย... จากการได้สัมผัสพลังความรู้สึกของสาธุชนที่มาร่วมงาน... ให้มีความรู้สึกห่วงใยต่อสภาพจิตใจของทุกคน

การดูแลจิตใจหรือด้านสุขภาพจิตเป็นเรื่องที่สำคัญมาก โดยเฉพาะเมื่อประสบกับภาวะคับแค้นใจ เสียใจ...

ซึ่งไม่ควรปล่อยปละละเลยให้เป็นไปเช่นนี้ เพราะเมื่อความรู้สึกดังกล่าวถูกกดทับสั่งสมจนถึงจุดจุดหนึ่ง ก็จะแปรสภาพเป็นพลังทำลายที่น่ากลัวยิ่ง...

โดยเฉพาะภาวะความไม่กลัวตายจะเกิดขึ้นในสภาวะจิตใจเช่นนี้ การใช้วิธีการกดขี่ข่มเหงทำร้ายทำลาย เพื่อให้เกิดความกลัวเกรงพ่ายแพ้ไป ย่อมใช้ไม่ได้เลย มิหนำซ้ำกลับยกระดับสูงขึ้นเพื่อเดินหน้าต่อสู้...

เมื่ออำนาจคุณธรรมที่ชอบด้วยสติปัญญาอ่อนล้าลงในจิตวิญญาณนั้น ก็ย่อมส่งผลให้เกิดความประมาทในการ กระทำ ยากที่จะหักห้ามใจได้...

มึงแรงมา กูก็แรงไป มึงฆ่ามา กูก็ฆ่าไป สภาพการณ์ดังกล่าวนี้จะเกิดขึ้น...

ความเดือดร้อนจะแผ่วงกว้างไปทั่วแผ่นดิน... CIVILWAR ที่ผู้ใหญ่หลายคนในบ้านเมืองเป็นห่วงมาหลายปีแล้วว่าจะมีโอกาสเกิดขึ้นใน แผ่นดินไทย ก็ย่อมที่จะมีได้

จึงเป็นเรื่องที่ทุกภาคส่วนของสังคมไม่ควรมองข้าม โดยเฉพาะรัฐบาลรักษาการที่ยังใช้อำนาจหน้าที่อยู่ในขณะนี้

จะต้องศึกษาเรื่องดังกล่าวอย่างจริงจัง อย่าหลงเชื่อการเสนอข่าวสารที่หลอกลวง พูดเท็จไปวันๆ อย่าง ไร้สาระ ไร้ความจริงที่ไม่ตรงกับเหตุการณ์ที่เป็นจริง

และควรระมัดระวังต่อการสั่งการให้เจ้าหน้าที่เข้าปฏิบัติการเผชิญหน้ากับฝูง ชนที่พกระเบิดความคับแค้นไว้ในจิตใจ...

การคำนึงถึงหลักมนุษยธรรมสำคัญอย่างยิ่งในสภาพการณ์เช่นนี้

สำคัญ อย่างยิ่งการทำความเข้าใจในเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานที่รับภาระเผชิญกับ ประชาชน

ซึ่งจะต้องมีความอดทนอดกลั้น มั่นคง ไม่หวั่นไหวสูงมาก และต้องสูงมากกว่าประชาชน จึงจะสมกับเป็นเจ้าหน้าที่ของบ้านเมือง

ที่ไม่ควรแสดงบทบาทท่าทีแบบคนโดยทั่วไปที่มิได้รับการอบรมให้มีความเคารพต่อ หน้าที่ในฐานะข้าราชการ... เรื่องดังกล่าวจึงควรทบทวนในความเข้าใจที่ถูกต้องชอบธรรมของเจ้าหน้าที่ทุกระดับ

ซึ่งแม้ว่าจะต้องพบกับสิ่งที่ไม่ชอบใจ ความเสียใจ ความทุกข์ใจ ความคับแค้นใจ...

ก็จะต้อง มีขีดความอดทนสูงกว่าคนโดยทั่วไป มิฉะนั้น ความหายนะย่อมเกิดขึ้นอย่างแน่นอนในสังคม ประเทศชาติ

หากเจ้าหน้าที่ผู้มีอาวุธครบมือ มีความรู้เชี่ยวชาญในวิธีการปฏิบัติการทุกรูปแบบ แต่มีภาวจิตที่อ่อนแอ อ่อนไหว...

ในที่สุดบนเส้นทางแห่งความจริงของการดำเนินชีวิตที่เป็นไปด้วยอำนาจกิเลส กรรม วิบาก

อันแสดงให้เห็นสัจธรรมว่า สุข ทุกข์ มิใช่เกิดขึ้นเพราะเขาหรือเรา แต่เป็นไปตามเหตุ ปัจจัย...

อาตมาจึงใคร่ขอฝากความรู้สึกด้วยเมตตาไปยังประชาชนทุกคนว่า...

จะต้องระมัด ระวัง ไม่ประมาท รู้จักยับยั้งชั่งใจ ให้อภัยต่อกัน

เพราะทุกๆ คนคือชาวไทย ล้วนเป็นญาติพี่น้องกัน

จงมีสติอยู่ทุกเมื่อ รู้ละวางให้ทันอารมณ์ที่คับแค้นชิงชังที่จะนำไปสู่ความสูญเสียในทุกฝ่าย...

และพึงระลึกว่าการต่อสู้ที่ถูกต้องนั้นต้องยึด ธรรมวิธี ไม่ควรใช้ มารวิธี

เพราะมารวิธีเป็นลิขสิทธิ์ของมารเขา

ซึ่งหากใช้มารวิธีมาต่อสู้กับมารนั้น ไม่ชนะมารหรอก

มิหนำซ้ำยังกลับเพิ่มพูนกำลังให้กับมารแข็งแกร่งขึ้น...

หนทางเดียวที่จะชนะมารได้คือ ธรรมวิธี เท่านั้นเองจึงจะชนะมารได้...

และมารที่น่ากลัวที่สุดก็คือความชั่วในจิตใจของเรานั่นเอง

หากชนะใจของเราได้ ทุกอย่างจบแน่นอน... เชื่อเถอะพ่อมหาจำเริญทั้งหลาย!!.

เจริญพร

หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์

-- ศุกร์ที่ 3 มกราคม 2557
โดย...พระ อ.อารยวังโส
[email protected]

หมายเลขบันทึก: 559542เขียนเมื่อ 18 มกราคม 2014 00:45 น. ()แก้ไขเมื่อ 18 มกราคม 2014 00:45 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท