เด็กไทยยุคใหม่ควรต้องมีโลกทัศน์ที่กว้างไกล
ทั้งเรื่องไกล้-เรื่องไกล, เรื่องใน-เรื่องนอก, เรื่องในอดีต-เรื่องปัจจุบ้น และแนวโน้มอนาคต
โดยเฉพาะในส่วนที่เกี่ยวข้องกับสังคมและความสัมพันํธ์ระหว่างมนุษย์
"วิชาข่าวสาร" หรือ "สาระข่าวสารและการเชื่อมโยง" เป็นอีกหนึ่งวิธีการสอนที่โรงเรียนบ้านโคกเพชรพยายามสรรสร้างเพื่อเด็ก
ท่านใดสนใจ ลองคลิกอ่านที่นี่ และด้้าวน์โหลดตัวอย่างข่าวและสื่อการสอนที่เชื่อมโยงกับพาดหัวข่าวด้านบนได้ ที่นี่ ครับ
ขอบคุณครับท่านอาจารย์
และขอบพระคุณมากสำหรับคำแนะนำเพิ่มเติมที่ดีๆ เพราะสังคมไทยเราวันนี้บริโภคข่าวสารมาก แต่ไม่ใคร่รอบด้านหรือเข้าใจที่ไปที่มาอย่างถ้วนถี่ ทำให้ตกเป็นเครื่องมือของใครต่อใครอย่างที่เห็นๆกันอยู่ทั่วไป
ถ้าท่านอาจารย์ดาวน์โหลดเอกสาร จะเห็นว่ากระผมได้ระบุไว้อยู่บ้าง แต่ไม่ได้เน้น (ในเอกสาร) แต่ในเวลาสอนจริงๆจะเน้นมาก และหากทำได้(หมายถึงอยู่ไกล้ตัว)จะพาต้องพาไปดูของจริงเลย ดังตัวอย่างในไฟล์เพาเวอร์พอยต์ที่ลิงค์ไว้ใหม่นี้ครับ
และขอบพระคุณสำหรับดอกไม้กำลังใจจากทั้งสองท่านครับ
ยายธี |
ไอดิน-กลิ่นไม้ |
-สวัสดีครับ ผอ.
-ตามมาให้กำลังใจชาวโคกเพชรครับ.
...ถ้าเป็นเด็กเล็ก ควรปลูกฝังความคิดเชิงบวก...และความคิดสร้างสรรค์นะคะ...ที่สำคัญปัญหาสังคมที่เกิดขึ้นมีความซับซ้อนทางโครงสร้างในแต่ละปัญหาเด็กไม่สามารถแยกแยะวิเคราะห์ได้นะคะ
ขอบพระคุณกำลังใจจากท่าน เพชรน้ำหนึ่งครับ
ขอบพระคุณสำหรับคำแนะนำดีๆจากท่าน ดร.พจนา ครับ
เห็นด้วยอย่างยิ่งในทุกมิติที่แนะนำครับ แต่ที่ครูวุฒิสร้างเสริมให้กับเด็กๆที่โรงเรียน อุปมาอุปมัยจะคล้ายๆเป็นทั้งในส่วนของอาหารเพื่อส่งเสริมการพัฒนาการทางกายภาพ, วัดซีนกระตุ้นเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันโรคภัย และกิจกรรมเชิงเร้าที่กระตุ้นพัฒนาการของสมองของเด็กให้เติบโตเต็มตามศักยภาพอันควรไปพร้อมๆกัน ในขณะที่ก็ต้องรู้จักและเข้าใจสิ่งรอบตัวตามควรแก่วัยวุฒิด้วย
ทั้งนี้ เพื่อสร้างมนุษย์ที่สมบูรณ์และมีความเข้าใจตนเอง เข้าใจเพื่อมนุษย์ เข้าใจโลก และเข้าใจสังคม ซึ่งจะทำให้เขาปรับตัวอยู่ในสังคมได้อย่างสร้างสรรค์แทนการทำลายหรือถูกทำลายทั้งรู้ตัวและไม่รู้ตัว
ทั้งหลายทั้งหมด ครูวุฒิมีประสบการณ์ตรงทั้งจากพัฒนาการของตัวเอง (พยายามคิดทบทวนถึงความคิดความรู้สึกของตนเองตั้งแต่จำความได้เป็นต้นมา) จากการเลี้ยงดูบุตรชายสองคน และประสบการณ์ของการเป็นครูตั้งแต่ออกฝึกสอน บรรจุเป็นครูใหม่ กระทั่งมาเป็นผู้บริหารโรงเรียนเล็กๆ ๒ แห่งในชนบทมา ๑๙ ปี (รวมอายุราชการ ๒๘ ปี) น่ะครับ
ฝากรูปให้ดูด้วยครับ
ถนนแบบนี้ ครูวุฒิชวนเด็กตั้งชื่อว่า "ถนนแลดยาง" ("แลด" หมายถึง "ฉาบไว้บางๆอย่างมักง่าย" ในภาษาอีสาน ถนนแบบนี้มีอยู่ทั่วไปในชนบท มีผลต่อวิถีชีวิตเด็กๆและชาวบ้านโดยตรง ที่เห็นขาวๆน้น เป็นส่วนที่ชาวบ้านเรี่ยไรเงินกันซื้อคอนกรีตมาเทปิดหลุมพอได้สัญจรอ่ะครับ