ปล่อยให้ลูกตัดสินใจในทางเดินชีวิตตัวเอง...คือวิธีที่ดีที่สุด


วันนี้เน็ตติดขัดแบบแปลกๆนะคะ อ่านได้แต่ input อะไรไม่ค่อยได้ ว่าจะลงมือเขียนบันทึกนี้มาตั้งแต่ตอนเย็นก็ไม่รอดเลย จนกระทั่งได้ข่าวร้ายจากระเบิดที่ราชประสงค์ เห็นภาพหนูน้อยทั้งสองที่เป็นเหยื่อระเบิด อ่านเรื่องราวแล้วนั่งน้ำตาไหลไม่หยุด เพราะคิดถึงใจคนเป็นพ่อแม่ของหนูทั้งสอง ทำเอาแทบจะกลับมาเขียนบันทึกนี้ไม่รอด แต่ตอนนี้ยิ่งคิดว่าต้องเขียน เพื่อเป็นการอุทิศให้น้องเคนที่เสียชีวิตไปแล้วและขอให้เป็นกุศลส่งให้น้องเค้กที่กำลังต่อสู้อยู่รอดกลับมาเป็นดวงใจพ่อแม่ด้วยเถิด

เป็นเรื่องของการเลี้ยงลูกนี่แหละค่ะ จากการที่ตัวเองโชคดีที่ตอนนี้ลูกชายทั้งสามหนุ่มเป็นผลผลิตที่ทำให้เราสามารถบอกต่อประสบการณ์ได้แบบมีตัวอย่างที่พิสูจน์ได้จริงๆว่า วิธีการที่เราใช้นั้นเป็นสิ่งที่ถูกต้องในการเลี้ยงลูกให้เป็นคนดีที่มีความสุข โดยจะมีความเก่งเป็นผลพลอยได้

สิ่งที่อยากจะบอกก็ได้เล่าไว้ค่อนข้างเยอะแล้วในบล็อก อันเนื่องมาจากลูกๆ แต่ของบันทึกนี้คืออยากมาเล่าให้ฟังว่า การที่ให้ลูกซึ่งเราเรียนรู้ตัวตนของลูกมาแล้วว่าเขาคิดเองเป็น ได้เป็นผู้เลือกทางเดินของเขาเอง คือสิ่งที่ถูกต้องที่สุด อย่าไปเอาประสบการณ์หรือสิ่งที่เราคิดว่าดีไปกะเกณฑ์ให้ลูกทำ เราต้องให้ความเชื่อมั่นและส่งเสริมในสิ่งที่ลูกอยากทำให้เต็มที่แล้วเขาจะได้ทำในสิ่งที่เขาเลือกได้อย่างมีความสุข 

เป็นเรื่องของลูกชายคนกลางที่เขาเลือกเรียนสายวิทยาศาสตร์ด้วยตัวเขาเอง แล้วเมื่อเขาเรียนชั้นมอ.ปลายไปได้เพียงปีเดียว ก็มาบอกว่า เขาอยากเรียนกฎหมาย คุณแม่อย่างเราก็บอกว่าตามใจเลยครับ อยากเรียนอะไรก็ตามใจลูก ทำให้เขาเรียนวิชาต่างๆตามชั้นเรียนพอผ่าน แต่มุ่งไปอ่านสิ่งที่ต้องใช้สอบนิติศาสตร์ แล้วเขาก็ทำได้ในสิ่งที่อยากทำ และเมื่อเข้าไปเรียน เขาก็เรียนตามแบบของเขาเอง คือเรียนแบบเอาเรื่องไม่ได้เอาคะแนนเท่านั้น เรียนเพื่อให้รู้ เรียนด้วยความสุขที่จะได้รู้ในสิ่งที่อยากรู้ และเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา เขาก็บอกข่าวที่ทำให้เราตื่นเต้นอย่างมาก เพราะเราไม่ได้รู้รายละเอียดมาก่อน เขาบอกเพียงแค่ว่าเตรียมตัวไปแข่งกับทีมจากมหาวิทยาลัยอื่น (ไม่ได้บอกด้วยซ้ำว่า เพื่อเป็นตัวแทนประเทศ) และธรรมศาสตร์ไม่เคยชนะมาหลายปีแล้ว เขาแจ้งมาทาง Line ว่าทีมของเขาชนะเลิศได้เป็นตัวแทนประเทศไทยไปแข่งกับนักศึกษากฎหมายจากประเทศอื่นๆที่วอชิงตันกลางเดือนเมษายนที่จะถึงนี้ คุณแม่ถึงไปหาข้อมูลได้ว่าลูกไปทำอะไร รู้แล้วทึ่งมากกับทั้งทีมเลยค่ะ เพราะการแข่งขันที่เขามีชื่อย่อว่า JESSUP นี้เป็นสิ่งที่นักกฎหมายทั่วโลกจะถือว่าเป็นการแข่งขันชั้นยอดๆของนักศึกษากฎหมายระหว่างประเทศ และกรรมการที่มาคัดเลือกทีมจากแต่ละประเทศก็เป็นกรรมการกลางหลายๆชาติ ที่เขาต้องมาตัดสินถึงในประเทศเรา ลูกบอกว่ากรรมการชมว่า ทีมที่ชนะปีนี้ของไทยมีความสามารถมาก เขาเชื่อว่าจะอยู่ในระดับ 1/8 ทีเดียว ฟังแล้วขนลุกไปกับลูก

สิ่งที่อยากเอามาสื่อสารในบันทึกนี้ ไม่ใช่การอวดความเก่งของลูกค่ะ แต่อยากจะบอกว่า การที่เราเชื่อมั่นในการตัดสินใจของลูก ไม่ชี้นำด้วยความคิดของเรา ไม่เอาลูกไปเปรียบเทียบกับใคร แม้แต่ในหมู่พี่น้องกันเอง ให้ความสำคัญกับเขาที่ความเป็นตัวเขาเอง ให้ความเคารพในความคิดของลูก ให้เกียรติลูก เราจะได้เห็นว่าลูกทำสิ่งที่เขาเลือกได้อย่างมีความสุข ส่วนความสำเร็จอื่นๆนั้นเป็นเพียงผลพลอยได้ และเท่าที่ผ่านมาจากทั้งสามหนุ่ม ที่เรียนตามที่เขาเลือกกันเอง ใช้ชีวิตตามที่อยากทำ ไม่มีกฎระเบียบ ไม่มีการเรียนพิเศษ ได้ใช้ชีวิตในแบบที่เขาเลือกเอง เขาก็จะได้เป็นคนเก่ง (ในแบบของเขา) โดยมีพื้นฐานจากการที่เราฝึกให้ลูกมีวินัย รู้หน้าที่ รับผิดชอบตัวเอง เรื่องธรรมดาที่เราต้องคิด ต้องฝึก สิ่งที่เราอยากให้ลูกทำ เราเองต้องพยายามทำให้ได้ด้วย ไม่ใช่การสั่งให้ลูกทำแต่เราเองทำไม่ได้ ดังนั้นลูกจะมีส่วนทำให้เราเป็นคนดีขึ้นมากเลยค่ะ

ขออนุญาตเสนอเอาไว้ให้ทุกท่านที่มีลูกวัยกำลังโตได้พิจารณาว่า ฝึกลูกตั้งแต่เขายังเด็ก ยิ่งเล็กยิ่งต้องเข้มข้น เพราะเขาจะยังคิดเองไม่เก่ง ให้เขาทำหน้าที่ที่เขาต้องทำสำหรับตัวเอง มีวินัย เมื่อเขาคิดเป็นเราก็ต้องให้เขาได้คิด ได้ออกความเห็น ได้เสนอว่าเขาต้องการอะไร เราต้องฟังลูกเป็น ไม่ใช้การสั่ง ไม่เอาความคิดที่เราคิดว่าดีไปกะเกณฑ์ลูก ไม่เอากรอบต่างๆของสังคม สิ่งที่ใครๆเขาทำกันมาผลักดันให้ลูกต้องทำด้วย ไม่เอาลูกไปเปรียบเทียบกับใครไม่ว่าด้วยเรื่องอะไร เราต้องมั่นใจ เชื่อใจในตัวลูก แล้วเราจะได้เห็นลูกเติบโตเป็นคนที่มีคุณภาพและมีความสุขกับสิ่งที่เขาทำ และแน่นอนว่าเขาจะเป็นพลังดีๆต่อไปในสังคม เป็นตัวแทนที่เราได้ภูมิใจแน่นอนค่ะ 

หมายเลขบันทึก: 562521เขียนเมื่อ 24 กุมภาพันธ์ 2014 10:00 น. ()แก้ไขเมื่อ 26 กุมภาพันธ์ 2014 13:38 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (5)

ขอแสดงความยินดี และชื่นชมทั้งคุณแม่ และลูกชายนะคะ

ยินดีด้วยกับลูกชายคนเก่ง และที่จะไปแข่งขันขอเป็นกำลังใจและให้ได้รับชัยชนะกลับมาด้วยนะคะ ชื่นใจมีความสุขไปด้วยกับน้องโอ๋นะคะ จากการที่น้องโอ๋แนะนำ หลายอย่างที่พี่ดาไม่ได้ทำตอนลูกเด็กๆรวมทั้งตอนเขาโตขณะนี้ คงต้องปรับเปลี่ยนบ้างแล้ว ขอบคุณมากนะคะ คิดถึงเสมอค่ะ


- ยังอยู่ในช่วง.....กับเด็กเล็กที่ต้องจากไปเช่นกันครับ

- เรื่องที่ไว้มีประโยชน์มากครับ เพราะเป็นเรื่องของการสร้างโลก

- ขอแสดงความยินดีด้วยครับ เป็นบุญ (ความปลื้มใจ อิ่มอกอิ่มใจ) แท้ๆที่ได้ลูกแบบนี้

- สงสัยพี่ต้องสร้างโรงเรียนเลี้ยงลูกเป็นวิทยาทานแล้วละครับ (โรงเรียนออนไลน์)

แวะมาชื่นชมและยินดีมากๆ กับคุณแม่โอ๋...ต้นแบบของคนดีคนเก่ง กับน้องเหน่น...ต้นแบบนักกฎหมายไทยที่ดีและเก่ง รักและคิดถึงพี่โอ๋และครอบครัวเสมอครับผม

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท