คำนิยม โดย
ศาสตราจารย์กิตติคุณ ปรีชา ช้างขวัญยืน
ผู้อำนวยการศูนย์พุทธศาสน์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
งานวิจัยเรื่อง “แนวโน้มบทบาทพระสงฆ์กับการเมืองไทยในสองทศวรรษหน้า” ซึ่งศูนย์พุทธศาสน์ศึกษา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้ให้ทุนอุดหนุนการวิจัยแก่พระมหาหรรษา ธมฺมหาโส, รศ.ดร. เป็นผู้ทำวิจัยนั้น นับเป็นผลงานวิจัยชิ้นแรกที่จัดทำเพื่อคาดคะเนสิ่งที่จะเกิด และควรจะเป็นในอนาคตอันเป็นเรื่องที่นักวิชาการไม่ค่อยได้ทำ ดังจะเห็นได้ว่าเมื่อเกิดปัญหาหรือเหตุการณ์แล้ว นักวิชาการจึงพากันออกมาอธิบายแสดงความเห็นทั้งๆ ที่หากมีความรู้เช่นนั้น แล้วก็ควรคะเนและเตือนสังคมล่วงหน้าก่อนที่เหตุร้ายจะเกิดขึ้น
งานชิ้นนี้ แม้จะมีเวลาจำกัดเพียง ๑ ปี พระมหาหรรษาก็ได้อุตสาหะทำวิจัยโดยค้นข้อมูลอย่างกว้างขวาง และวิเคราะห์ตีความรวมทั้งให้ข้อเสนอต่างๆ ที่เป็นประโยชน์แก่ผู้ที่สนใจบทบาทของพระสงฆ์ในด้านการเมืองที่จะได้นำไปพิจารณาโดยเฉพาะสถาบันทางพระพุทธศาสนาน่าจะได้นำไปประกอบการวางนโยบายในอนาคต แม้ด้วยเวลาจำกัด งานนี้ก็นับได้ว่าเป็นงานวิจัยที่ศูนย์พุทธศาสน์ศึกษา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ภูมิใจที่ได้สร้างสรรค์องค์ความรู้ใหม่ให้เกิดแก่วงการพระพุทธศาสนาและแก่ประเทศอีกเล่มหนึ่ง
ศูนย์พุทธศาสน์ศึกษาขอขอบคุณพระมหาหรรษา ธมฺมหาโส ที่ได้อุตสาหะทำงานวิจัยเล่มนี้อย่างเต็มที่ และศูนย์ฯ ยินดีที่งานวิจัยนี้ได้รับการจัดพิมพ์เพื่อการศึกษาของนิสิตปริญญาเอกในรายวิชา “พระพุทธศาสนากับวิทยาการสมัยใหม่” ของมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัยครั้งนี้ ศูนย์ฯ หวังว่าจะเป็นประโยชน์เกื้อกูลแก่นิสิต และสถาบันสมความปรารถนาของผู้วิจัยทุกประการ
ศาสตราจารย์กิตติคุณปรีชา ช้างขวัญยืน
ผู้อำนวยการศูนย์พุทธศาสน์ศึกษา
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
คำนำ โดย
พระมหาหรรษา ธมฺมหาโส, รศ.ดร.
งานวิจัยเรื่อง “แนวโน้มบทบาทพระสงฆ์กับการเมืองไทยในสองทศวรรษหน้า” ผู้เขียนได้รับทุนสนับสนุนจากศูนย์พุทธศาสน์ศึกษา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จำนวน ๑๕๐,๐๐๐ บาท พร้อมทั้งได้รับโจทย์การวิจัยจากศาสตราจารย์กิตติคุณปรีชา ช้างขวัญยืนว่า พระพุทธศาสนากำลังเดินทางผ่านช่วงเวลาที่สังคมกำลังตั้งคำถามต่อ “พระสงฆ์” ในฐานะเป็นแก้วหนึ่งในสามดวงของพระรัตนตรัย คือ “สงฺฆํ สรณํ คจฺฉามิ” ว่า “พระสงฆ์ในยุคปัจจุบันจะดำรงตนเพื่อเป็นที่พึ่งของชาวโลกอย่างไร ในขณะที่สังคม และการเมืองกำลังเผชิญหน้ากับสถานการณ์ความขัดแย้งและความรุนแรงจนก่อให้เกิดความสูญเสียทั้งทางด้านเศรษฐกิจ การเมือง และสังคมอย่างมากมาย และกว้างขวาง”
โจทย์วิจัยดังกล่าวมิได้เป็นโจทย์ที่ศาสตราจารย์ปรีชา ช้างขวัญยืนท่านเดียวที่มุ่งหวังจะได้คำตอบ นักการเมืองทุกระดับที่ผู้วิจัยได้ไปร่วมศึกษาในหลักสูตรการเมืองการปกครองในระบอบประชาธิปไตยสำหรับผู้บริหารระดับสูง รุ่นที่ ๑๕ สถาบันพระปกเกล้า พระสงฆ์ และนักวิชาการที่ศึกษาพัฒนาการและความสัมพันธ์ระหว่างพระสงฆ์กับการเมืองจำนวนมาก มุ่งหวังจะเห็นคำตอบเหล่านี้ เพื่อเป็นแนวทางในการกำหนดท่าทีของพระสงฆ์กับการเมืองในมิติต่างๆ ทั้งในปัจจุบัน และอนาคต
การศึกษาค้นคว้าในงานนี้ ผู้วิจัยได้นำตัวแบบของบทบาทพระสงฆ์กับการเมืองในประเทศศรีลังกา พม่า และกัมพูชา ซึ่งเป็นกลุ่มประเทศที่นับถือพระพุทธศาสนาเถรวาทเช่นเดียวกับประเทศไทย และนำตัวแบบดังกล่าวมาเป็น “แว่นขยาย” เพื่อคาดคะเนแนวโน้มบทบาทของพระสงฆ์กับการเมืองไทยในสองทศวรรษหน้าว่าจะดำเนินไปในทิศทางเดียวกันหรือไม่ อย่างไร ตัวแปรอะไรบ้างที่จะเป็นแรงผลักดันให้เกิดปรากฏการณ์เหล่านี้ และควรจะมีมาตรการรองรับปรากฏการณ์เหล่านั้นอย่างไร จึงจะสอดคล้องและเหมาะสมกับสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ซึ่งคำตอบเหล่านี้ ปรากฏอยู่ในงานวิจัยเล่มนี้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ผู้วิจัยขออนุโมทนาขอบคุณศาสตราจารย์กิตติคุณปรีชา ช้างขวัญยืน และศูนย์พุทธศาสน์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่สนับสนุนทั้งทุนวิจัย และร่วมตั้งโจทย์ ขอขอบคุณมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัยที่ได้อนุญาตให้ผู้วิจัยได้รับทุนการศึกษาในครั้งนี้ เชื่อมั่นว่า งานวิจัยเล่มนี้จะเกิดคุณูปการต่อการศึกษาด้านวิชาการ และการกำหนดแนวปฏิบัติที่ถูกต้องและเหมาะสมระหว่างพระสงฆ์กับการเมืองในยุคปัจจุบันและอนาคต และขอน้อมถวายงานวิจัยเล่มนี้เป็น “พุทธบูชา” เพื่อความตั้งมั่นและยั่งยืนของพระพุทธศาสนาสืบไป.
พระมหาหรรษา ธมฺมหาโส, รศ.ดร.
ผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายวิชาการ
ผู้อำนวยการโครงการปริญญาโท สาขาสันติศึกษา
www.ps.mcu.ac.th
๒๗ มีนาคม ๒๕๕๗
นมัสการครับ พระอาจารย์ ;)...
นมัสการท่าน
หายไปนาน
ไม่ได้พบท่านอาจารย์ศ.ปรีชานานมาก
จำได้ว่าอาจารย์มาสอนเรื่องการเขียนบทความ
หนังสือเล่มนี้หาซื้อได้ที่ไหนครับ