ก่อนที่จะอำลาจากโลกนี้ไปด้วยวัย ๙๐ ปี คุณปู่ (พลตรีพงศ์ เภกะนันทน์) ได้เปิดใจคุยตัวต่อตัวกับหลานชายคนโต (อมรพงศ์ เภกะนันทน์) เพื่อประกอบงานวิเคราะห์วิจัยผลงานแก่นสาระชีวิตของอัตตลักษณะบุคคลส่งอาจารย์ เมื่อครั้งเป็นนักศึกษาปีสุดท้ายระดับปริญญาตรี ในคณะสังคมศาสตร์และมานุษยวิทยา ของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ซึ่งใช้กรอบทางมานุษยวิทยาวัฒนธรรม (Cultural Anthropology) และสังคมวิทยาชราภาพ (Social Gerontology) .ในการวิเคราะห์วิจัย " การเปลี่ยนแปลง" และ " ความต่อเนื่อง " ตลอดอายุขัยของบุคคลหนึง ที่มีผลต่อความสัมพันธ์ ระหว่างการพัฒนาของปัจเจกบุคคลกับวัยชรา ที่ประกอบด้วย กระบวนการเกิด (Birth) >>>> การตาย (Death) >>> การเกิดใหม่ (Rebirth) เพื่อปรับปรุงความสมดุลที่ไม่หยุดนิ่ง ตลอดวงจรชีวิตที่หล่อหลอม เป็นอัตตลักษณ์ หรือความเป็นตัวตนของบุคคลนั้นๆ
การที่หลานชายเลือกวิเคราะห์วิจัยคุณปู่ เพราะนอกจากคุณปู่ได้ผ่านร้อนผ่านหนาวมาสี่แผ่นดิน ตั้งแต่รัชสมัยรัชกาลที่ ๖ อีกเหตุผลหนึ่งคือ คุณปู่ได้เตือนหลานชายเสมอว่า ปู่แก่มากแล้ว จะมีชีวิตอยู่ต่อไปได้ไม่นาน จึงไม่อยากให้หลานชายทำตัวเหมือนคน " ใกล้เกลือ กินด่าง " คือมีของดีอยู่ใกล้ตัว แต่ไม่รู้จักใช้ประโยชน์ .กลับละเลยและเสียเวลาไปแสวงหาของอย่างเดียวกันไกลตัว...
ของดี ที่คุณปู่ได้ฝากไว้ ทั้งคำพูดและการกระทำ ได้สะท้อนอัตตลักษณ์ของคุณปู่เปรียบเสมือน เกลือรักษาความเค็ม มีดังนี้
๑. ความประหยัดมัธยัสถ์ เก็บออม ไม่ใช้จ่ายเกินตัว
๒. ความรักสงบ มีความสุขแบบเรียบง่าย พึ่งตนเอง ไม่เบียดเบียนผู้อื่น และมีวินัย
๓. ความใฝ่รู้เท่าทันทางทางโลกและทางธรรม
๔. ความเอื้อเฟื้อสังคมตามสติ กำลังและโอกาส
คำคมโบราณอันเป็นอมตะ " ใกล้เกลือ กินด่าง " ที่สืบทอดกันมาช้านาน สมควรปลูกฝังหยั่งรากฐานจิตสำนึกของลูกหลาน เพื่อให้คุณค่าแก่ภูมิปัญญา และความสำคัญของปราชญ์ในครอบครัวและชุมชน ซึมซับไปปฏิบัติอย่างต่อเนื่อง...ขอขอบคุณคำสอนอันมีคุณค่านี้ที่ลูกหลานจักได้น้อมนำมาเป็นหลักการดำเนินชีวิตเพื่อความสุขที่ยั่งยืนต่อไป
ภาพจาก internet
.......................................................................................................................................................................................
ใกล้ของดี แต่ไม่ใช้ เพราะคนเรามักไม่พอใจสิ่งที่มี
ดังนั้น เราต้องรีบซึมซับความคิด สิ่งดีงาม จากผู้ที่ยินดีแบ่งปันให้เรานะคะ
ขอบพระคุณคุณป้าใหญ่มากค่ะ ที่เขียนบันทึกให้เราใช้ประโยชน์จากเกลือ ไม่มัวเสียเวลากินแต่ด่างนะคะ ^_,^
ขอบคุณ มากนะครับ พี่ใหญ่ ครับ
ท่านอายุยืนจังนะคะ คำสอนของท่าน เหมาะสำหรับทุกคน ลูกหลานของท่านย่อมเป้นผลไม้ที่หล่นไม่ไกลต้นหรอกค่ะพี่นงนาท ขอบพระคุณค่ะ
...เป็นคำพูดที่ "คุณปู่" ท่านเห็นการณ์ไกลมาก เป็นการเตือนสติ...คนไทยมักสอนเรื่องที่ไกลตัวนะคะ...คงยังไม่สายที่จะปรับกระบวนการขัดเกลาทางสังคม ตลอดจนการจัดการศึกษาให้คนมีคุณภาพ และวิถีชีวิตบางอย่างที่สร้างความเห็นแก่ตัวให้หมดไป...พฤติกรรมมากมาย ที่หลายคนร่ำร้องให้เกิดให้มีในคนไทย...ตัวอย่างที่เห็นชัดเจน...ในเรื่องของการใช้ยานพาหนะ...คนไทยจะให้ความสำคัญรถ มากกว่าคน...เมื่อเห็นรถมาคนต้องหยุดเดินข้ามถนน...แต่ในต่างประเทศรถต้องหยุดเมื่อคนข้ามถนน...ผ่านบริเวณโรงเรียนจำกัดความเร็วเพียง 30 ก.ม./ชั่วโมง เห็นรถจักรยาน รถใหญ่ต้องหยุดให้จักรยานผ่านไปก่อน...เป็นการเอื้ออาทรให้ความสำคัญคนที่ด้อยกว่าไปในตัว ไม่ใช่ให้ความสำคัญคนที่มีรถขับ คนที่มีเงินนะคะ...หากไปกินอาหารถ้ามีผู้สูงอายุมาด้วย ทางร้านจะจัดที่นั่งให้ก่อน...การกินอาหารหากอายุเกิน 65 ปี ก็มีส่วนลดให้...ฯลฯ
พี่ใหญ่ครับ
ชอบใจคำสอน
ใกล้เกลือกินด่าง
แถมความคิดเห็นเพิ่มด้วย
๑. ความประหยัดมัธยัสถ์ เก็บออม ไม่ใช้จ่ายเกินตัว
๒. ความรักสงบ มีความสุขแบบเรียบง่าย พึ่งตนเอง ไม่เบียดเบียนผู้อื่น และมีวินัย
๓. ความใฝ่รู้เท่าทันทางทางโลกและทางธรรม
๔. ความเอื้อเฟื้อสังคมตามสติ กำลังและโอกาส
ขอบคุณมากๆจะนำไปประยุกต์ใช้ครับ
* สวัสดีค่ะ ขอบคุณมากสำหรับกำลังใจมอบแก่สุภาษิตสอนหลาน "ใกล้เกลือ กินด่าง" นี้ค่ะ
* น้องแก้วอุบล...ของดีใกล้ตัว มักเป็นของตายที่ถูกทอดทิ้งไม่เห็นคุณค่า กลับไปแสวงหาของอย่างเดียวกันไกลตัว นับเป็นเรื่องน่าเสียดายนะคะ
* หลานทพญ.ธิรัมภา...อย่างภูมิปัญญาไทยใกล้ตัวเรา ต้องรับถ่ายทอดซึมซับมาต่อยอดขยายผลให้พัฒนาต่อไปค่ะ
* น้องแสงแห่งความดี...ลูกหลานทั้งหลายอย่าละเลยเรียนรู้จากครอบครัวและปราชญ์ชาวบ้านใกล้ตัว อย่าให้สูญหายไปพร้อมกับการตายจากอย่างน่าเสียดายค่ะ
* น้องกุหลาบ...นับว่าโชคดีมากที่พวกเรามีสถาบันปู่ย่า ตายาย พ่อแม่ เป็นร่มโพธิ์ ร่มไทร อบรมสั่งสอนให้มีจิตสำนึกการเป็นพลเมืองดี ขอเพียงเห็นคุณค่าซึมซับรับเป็นมรดกภายในที่ไม่มีวันหมดสิ้นค่ะ
* น้องดร.พจนา...เห็นด้วยอย่างยิ่งค่ะที่สมควรสร้างอุปนิสัยรักความมีระเบียบวินัย เพื่ออยู่ร่วมกันอย่างมีความสุขในสังคม คุณปู่เป็นทหารอาชีพ ท่านให้ความสำคัญเรื่องนี้เป็นอย่างมาก โดยทำให้ดู อยู่ให้เห็น ตลอดชั่วชีวิตทีเดียว
* น้องอัญชัญ...ยินดีมากค่ะที่เห็นประโยชน์ของเรื่องเล่านี้ และตั้งใจนำไปขยายผลแก่ลูกศิษย์ เป็นกำลังใจให้ค่ะ
* น้องดร.ขจิต....ดีใจมากค่ะที่เห็นคุณค่าคำสอนของคุณปู่พงศ์ ฝากนำไปปลูกฝังกับเด็กๆของพวกเราด้วยค่ะ...
ขอนำข้อคิดไปใช้ด้วยคนนะคะ คิดถึงมากเลยคะ
ขอบคุณครับ คุณพี่นงนาท สนธิสุวรรณ
เป็นคำสอนที่กระชับและสำคัญมากๆครับ เป็นความงดงามในวัฒนธรรมไทยซึ่งถ่ายทอดสู่รุ่นหลังๆด้วยครับ
เรียนพี่ใหญ่ ข้อคิด สะกิดใจ จากผู้ใหญ่
นำมาเรียนรู้บอกเล่า กันต่อ ดีมากๆ
เห็นด้วยอย่างมากครับ ดูจากการเเสดงโขนหรือเกี่ยวกับศิลปะไทยๆๆ น้อยคนจะไปดู มีแต่คนต่างชาติไปดูนะครับ
เห็นด้วยค่ะ ขอบคุณสำหรับข้อคิด และบทความดีๆค่ะ
พี่ใหญ่คะ
เขียนแบบใช้คำประหยัดมาก
แต่ทำไมมีความหมายลึกจังเลยคะ
จิตเบิกบานเมื่อได้อ่านคำสอนที่ผ่านประสบการณ์มายาวนานอย่างลึกซึ้งและตกผลึกมาถึงลูกหลานค่ะ
ตลอด อายุขัยของบุคคลหนึง ที่มีผลต่อความสัมพันธ์ ระหว่างการพัฒนาของปัจเจกบุคคลกับวัยชรา ที่ประกอบด้วย กระบวนการเกิด (Birth) >>>> การตาย (Death) >>> การเกิดใหม่ (Rebirth)
ขอน้อมนำไปใช้กับชีวิตค่ะ
มองย้อนไป ก็มี
ช่วงไม่รู้อะไร -> ช่วงคิดว่ารู้อะไรมากมาย -> ช่วงที่ได้รู้ว่า ไม่รู้อะไรอีกตั้งมากมาย
๑. ความประหยัดมัธยัสถ์ เก็บออม ไม่ใช้จ่ายเกินตัว
๒. ความรักสงบ มีความสุขแบบเรียบง่าย พึ่งตนเอง ไม่เบียดเบียนผู้อื่น และมีวินัย
๓. ความใฝ่รู้เท่าทันทางทางโลกและทางธรรม
๔. ความเอื้อเฟื้อสังคมตามสติ กำลังและโอกาส
แบบอย่างที่ดีอันนี้ มีคุณค่ายิ่งครับ
ขออนุญาตนำไปเป็นแนวทางการสอนตน และลูกหลานครับคุณครู
ขอบพระคุณครับผม ^_^
ศูนย์วิจัยและจัดการความรู้เพื่อการควบคุมยาสูบ (ศจย.)
* สวัสดีค่ะ ขอบคุณมากสำหรับกำลังใจมอบแก่สุภาษิตสอนหลาน"ใกล้เกลือ กินด่าง"
* หลานเพชรน้ำหนึ่ง....ขอบคุณภาพผลไม้ป่า "บ๊ะโจ๊ก" ที่นำมาฝากกัน ได้แวะไปอ่านแล้ว ชื่อแปลกน่าสนใจมากค่ะ
* น้องครูหยิน...ยินดีมากค่ะที่เห็นคุณค่าของคติโบราณนี้ และฝากความคิดถึงกัน ขอให้มีความสุขมากๆค่ะ
* น้องRojfitness...เรามาช่วยกันถ่ายทอดคำสอนของบรรพชน จากรุ่นสู่รุ่นนะคะ
* หลานครูอาร์ม...ดีใจมากค่ะที่เข้าใจเนื้อหาคำสอน..จดจำให้ขึ้นใจ...นำไปประยุกต์ใช้...เพื่อเป็นแบบอย่างที่ดีของเยาวชนนะคะ...
* ท่านวอญ่าฯ...ทั้งบอกเล่า และทำให้ดู อยู่ให้เห็น เป็นความจดจำที่สืบต่อกันไปตลอดสาย
* น้องลูกสายลม...ใช่ค่ะ เรามาช่วยกันปลูกฝังจิตสำนึกของการรู้คุณค่าวัฒนธรรมไทย ของดีใกล้ตัว ให้สืบทอดต่อไปอย่างยั่งยืนค่ะ
* น้องศูนย์วิจัยฯ...ยินดีมากค่ะที่แวะมาอ่านด้วยความสนใจ..
* น้องกล้วยไข่...นี่แหละค่ะภาษิตโบราณของไทย...สั้นกระทัดรัด ได้ใจความในความหมายที่ลึกซึ้ง...เห็นรูปธรรมชัดเจน....ครูกล้วยไข่ ควรต้องนำภาษิตไทยเหล่านี้ ปลูกฝังจิตสำนึกลูกศิษย์อย่างต่อเนื่องค่ะ
* น้อง Sila....ยินดีมากค่ะที่เห็นคุณค่าของคำสอนถ่ายทอดสู่ลูกหลานเช่นนี้ค่ะ
* น้องหมอป. ...วัฎจักรของการเรียนรู้ สู่การพัฒนา และต่อยอด อย่างต่อเนื่อง เพื่อหล่อหลอมอัตตลักษณ์ของบุคคลนะคะ
* คุณยายธี....ขอบคุณที่มาแลกเปลี่ยนประสบกาณ์ และภาพดอกมะลิฝรั่งขาวสวยงามที่นำมาฝากกัน...รูปทรงดูแข็งแรงกว่าดอกมะลิไทยและเกสรเหลือง คงหอมมากๆ นะคะ...
* น้องอ.นุ....ขอบคุณมากค่ะสำหรับกำลังใจ และให้ความสนใจนำคติชีวิตเหล่านี้ ไปถ่ายทอดต่อแก่ลูกๆ...ขออวยพรให้ครอบครัวมีความสุขด้วยคุณธรรมนำชีวิตตามที่ตั้งใจไว้ทุกประการค่ะ