มูลนิธิฮักเมืองน่าน และเครือข่าย ได้นำเอาพิธีทางศาสนา คือ การ “บวช" มาเป็นเครื่องมือในการสร้างความตระหนัก และรักษาผืนป่าต้นน้ำ ของชุมชนในจังหวัดน่าน โดยทำการ “บวชป่า" และประกาศเป็นเขต “ป่าชุมชน" ขึ้น โดยได้เริ่มครั้งแรก ณ บ้านกิ่วม่วง แห่งนี้ เมื่อ ๓๐ กว่าปีมาแล้ว เป็นจุดเริ่มของชุมชนในการฟื้นฟู และอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้ และ ขยายแนวคิดและวิธีการ“พิธีบวชป่า" ไปยังชุมชนต่างๆ มากมาย
บวชป่า
พิธีกรรมอันศักดิ์สิทธิ์
แห่งการเคารพและเกื้อกูลกัน
พระ คน และป่า
ที่ต่างอิงอาศัยกัน
สรรพสิ่งล้วนเชื่อมโยงผูกพัน
มีเธอจึงมีฉัน
มีป่าจึงมีชีวิต
พุทธ ผี
วัฒนธรรม
ความเชื่อ
ความศรัทธา
ที่หล่อหลอมให้คนรักษาป่า
มีป่ามีคน
มีคนมีป่ามีน้ำมีอาหาร
เกื้อกูลกัน
กฎระเบียบปาชุมชน
จากเวทีชาวบ้าน
ที่ต่างตกลงปลงใจว่า
จะช่วยกันปกปักรักษาผืนป่าแห่งนี้ไว้
หากผู้ใดฝ่าฝืน
ก็มีมาตรการปรับสินไหม
ตามแต่กรณี
ป่าชุมชนหรือป่าหน้าหมู่ที่หมายถึงป่าของส่วนรวม
จึงยังคงอยู่กับหมู่บ้าน
มาได้นานแสนนาน
แต่ในความเป็นจริง การดำเนินการอนุรักษ์ฟื้นฟูป่า ก็ยังเป็นส่วนน้อยเมื่อเทียบกับการบุกรุกทำลายป่า ดังที่เป็นข่าวอยู่เนืองๆ ว่าป่าหัวโล้น ตามสื่อต่างๆ และระยะหลัง เริ่มเห็นผลกระทบชัดเจนขึ้น ไม่ว่าจะเป็นฝนแล้ง น้ำท่วม ดินสไลด์ โคลนถล่ม เป็นเสมือนสัญญาณเตือนจากธรรมชาติ ว่าเราได้ทำลายเขามากไปแล้ว และเขาก็กำลังจะแจ้งให้เราทราบว่าถ้ามากไปกว่านี้ สุดท้ายเราก็จะไม่เหลือทรัพยากรธรรมชาติ ที่เป็นเสมือนเส้นโลหิตของเราเอง
การจัดงานรำลึกบวชป่าครั้งนี้ เป็นการได้กลับมายังจุดเริ่มต้น ของกระบวนการคิด เพื่อทบทวนกระบวนการ ปรับประยุกต์ให้เหมาะสมกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนไป จึงเป็นเรื่องที่สำคัญ และมีคุณค่าต่อการพัฒนายิ่งนัก เพื่อจะได้วางแผนฟื้นฟูและอนุรักษ์ดิน น้ำ ป่า ให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น อันเป็นการสนองพระราชดำริของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี ที่ทรงห่วงใยต่อผืนป่าของจังหวัดน่านมาโดยตลอด
ไม่มีความเห็น