บทความจากหนังสือพิมพ์แนวหน้า ฉบับวันเสาร์ที่ 29 มีนาคม 2557
ติดตามอ่านย้อนหลังได้ที่ลิงก์ข้างล่างนี้ครับ
http://www.naewna.com/columnist/1104
ผมเขียนจากเมืองจาการ์ต้า เดินทางมาตั้งแต่วันอาทิตย์ วัตถุประสงค์คือมาทำวิจัยเปรียบเทียบ นโยบายวิทยุของไทยกับของอินโดนีเชีย เพื่อปรับปรุงนโยบายวิทยุของไทย ให้มีประโยชน์และมีประสิทธิภาพต่อพลเมืองไทย โดยนำเสนอไปยัง กสทช.
ประเทศอินโดเป็นประเทศสำคัญในอาเซียนมากๆ แต่บางครั้งคนไทยยังให้ความสนใจไปมุ่งที่ลาว พม่า เขมร เวียดนาม ประเทศอินโดนีเซียมีประชากรชาวมุสลิมกว่า 250 ล้านคน ซึ่งมีความสำคัญต่อประเทศไทยมากในทุกมิติ
เศรษฐกิจของอินโดนีเซียขยายตัวได้ดีกว่าประเทศไทยมาก เฉลี่ย 6 – 7% ต่อปี จะเป็นพันธมิตรของไทยในด้านการลงทุนและเป็นตลาดการค้า เช่น มีบริษัทที่มาลงทุน เช่น เหมืองบ้านปู ปูนซิเมนต์ไทยและธนาคารกรุงเทพ
ที่สำคัญโดยเฉพาะในอนาคต คนชั้นกลางจะมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นกว่า 100 ล้านคน จะมีการใช้บริการทางด้านการแพทย์จากไทย (Medical Tourism) มากขึ้น
ประชากรอินโดนีเซียมีความเป็นอยู่แบบเรียบง่ายไม่มีหัวรุนแรง และมีจิตใจสงบและพร้อมที่จะเป็นมิตรต่อคนไทย ถึงแม้ว่าประเทศทั้ง 2 จะเป็นประเทศที่แตกต่างกันทางศาสนาก็ตาม
ได้ไปเยี่ยมและหารือแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเรื่องงานวิจัย 3 แห่ง
- ที่ RRI คือสถานีวิทยุระดับชาติของประเทศของเขา
- ได้ไปเป็นแขกของ ท่านเอกอัครราชทูตภาสกร ศิริยะพันธุ์ ผมและคณะทำงานต้องขอขอบคุณที่ท่าน
ทูตให้เวลาและต้อนรับพวกเราเป็นอย่างดี
- ได้ไปเยี่ยมคณะนิเทศศาสตร์ ของมหาวิทยาลัยชั้นนำของอินโดนีเซีย (University of Indonesia)
การเมืองของอินโดนีเซียในระดับชาติ เปิดโอกาสให้วิทยุของเขาทำหน้าที่ได้อย่างเป็นกลาง ไม่แทรกแซงการทำงานของวิทยุ ไม่ได้เป็นกระบอกเสียงให้รัฐบาลเช่น ในประเทศไทย ซึ่งเป็นจุดแข็งของเขา เนื่องจากประเทศอินโดยนีเซียมีการปฏิรูปครั้งใหญ่ หลังจากประธานาธิบดีสุฮาโต้ ถูกโค่นล้มจากตำแหน่งเมื่อ 10 กว่าปีที่แล้ว
เมื่อกลับมามองประเทศไทยต้องยอมรับว่า การปฏิรูปสื่อ ทั้งหนังสือพิมพ์ วิทยุ โทรทัศน์ ให้ปราศจากการเมือง เป็นสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่ง เพราะ ทุนนิยมมาครอบงำสื่อของไทยด้านคุณธรรม จริยธรรม เป็นปัญหามาก บทบาทของวิทยุชุมชนในอินโดนีเซียมีประโยชน์ในเรื่องศาสนา คนพิการและวัฒนธรรม และให้ควบคุมพื้นที่แค่ 2.5 ตารางกิโลเมตร
การเป็นประเทศมุสลิม มีหมู่เกาะกว่า 1,700 เกาะ ช่วยทำให้ประเทศของเขามีความเป็น Unity ให้พลเมืองเป็นชาติเดียวกันและดูเหมือนว่าจะได้ผลพอควร วิทยุของเขาไม่สร้างความแตกแยกแบบวิทยุชุมชนในประเทศไทย
ที่น่าประทับใจในประเทศของเขาดังที่ท่านทูตฯบอกว่า การศึกษาตั้งแต่ระดับเยาวชนอย่างไม่เป็นทางการ เขาเน้นการปลูกฝัง จริยธรรม การรักชาติ รักศาสนา ตั้งแต่เด็ก เขาไม่ได้เน้นการเรียนวิชาการแบบไทย ที่ไม่ได้เน้นปัจจัยทางจริยธรรม สังคมและวัฒนธรรม ซึ่งเป็นจุดสำคัญอย่างมาก เป็นปัจจัยสำคัญที่จะต้องปฏิรูปการศึกษาในอนาคต
เมื่อ 30 ปีที่แล้ว ผมสอนปริญญาตรีภาคภาษาอังกฤษที่ธรรมศาสตร์ มีนักศึกษาอินโดนีเซียนมาเรียน บัดนี้การศึกษาของเขาแซงหน้าไทยไปแล้ว
จึงขอให้คนไทยมีมุมมองและศึกษาประเทศอินโดนีเซียมากขึ้น สร้างการร่วมมือซึ่งกันและกันมากขึ้นในอนาคต เพื่อสร้างอาเซียนให้เป็นปึกแผ่นอย่างแท้จริง
จากการไปที่มหาวิทยาลัยอินโดนีเซียได้มีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นได้เรื่องวิทยุชุมชนผมคิดว่ามหาวิทยาลัยเมืองไทย โดยเฉพาะมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จุฬาฯ มหิดลฯ เกษตรฯ และโดยเฉพาะมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ที่ผมเป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิอยู่ น่าจะมาทำความร่วมมือทางวิชาการกับเขา
สุดท้ายผมมาที่นี่ ยังติดตามข่าวเครื่องบิน MH370 อย่างใจจดใจจ่อว่า เครื่องบิน MH370 พบแล้วจากเรด้าร์ ว่าตกแน่ๆ แต่ไปตกที่เกือบถึงออสเตรเลีย ซึ่งแปลว่าได้ถูกบังคับให้บินนอกเส้นทางมาก และวิ่งไปทางตอนใต้ของโลก กว่า 7 – 8 ชั่วโมงก่อนตก เพราะน้ำมันหมด แต่ต้องศึกษาต่อไปว่าเหตุผลคืออะไร?
อย่างไรก็ตามบรรดาญาติพี่น้องของผู้เสียชีวิตโดยเฉพาะคนจีนก็ยังไม่ยอมรับผลสรุปดังกล่าว เพราะยังค้นหาซากเครื่องบินไม่พบ ซึ่งก็เป็นสิ่งที่จะต้องติดตามต่อไป
สุดท้ายนี้ขอขอบคุณนายพรหมโชติ ไตรเวช ผู้อำนวยการสำนักนโยบายและยุทธศาสตร์ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ที่ให้เกียรติร่วมเดินทางไปประเทศอินโดนีเซียร่วมกับคณะ อีกทั้งยังมีโครงการ Youth camp ที่จะร่วมมือกันต่อไป
ศึกษาดูงานด้านวิทยุกระจายเสียงและวิทยุชุมชน : Radio Republic of Indonesia(RRI)
เข้าเยี่ยมคารวะท่านภาสกร ศิริยะพันธุ์ เอกอัครราชทูตไทย ประจำกรุงจาการ์ตา ณ สถานเอกอัครราชทูตไทย
หารือความร่วมมือวิจัยด้านการกระจายเสียงวิทยุกับคณบดีคณะสื่อสารมวลชน มหาวิทยาลัยอินโดนีเซีย
ภาพสัญญาเรด้าร์ที่คาดว่าเครื่องบิน MH370 จะตกแถวออสเตรเลีย
ศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์
ไม่มีความเห็น