ด้วยความสนใจใคร่รู้ว่า เพราะเหตุใดจอมเผด็จการฮิตเลอร์จึงเกลียดชังชนชาติยิวถึงขนาดกวาดต้อนคนยิวจากประเทศต่างๆ ทั่วยุโรปเพื่อเอาตัวมา “ฆ่า” อย่างโหดเหี้ยม
หลังจากค้นหนังสือในตู้ได้มาหลายเล่ม เล่มหนึ่งที่อ่านก่อนเป็นบทประพันธ์ของ มรว.คึกฤทธิ์ ปราโมช ชื่อ “ยิว” ฉบับพิมพ์ครั้งที่ ๒ พ.ศ. ๒๕๑๗ สำนักพิมพ์ก้าวหน้า
ทั้งเล่มเล่าถึงความเป็นมาของชนชาติยิวชนิดเจาะลึก ความเกลียดชังยิวแบบไม่มีเหตุผลที่ถูกบ่นเพาะมายาวนานจึงถึงจุดระเบิด เกลียดชังเพียงแค่รู้ว่าคนๆ นั้นเป็นยิว เกลียดไม่เลือกเพศ วัย ไม่เลือกว่ายิวคนนั้นเป็นคนดีทำคุณประโยชน์เช่นใด เรียกว่าพอรู้ว่าคนคนนี้เป็นยิวความเกลียดก็กระฉูดจนอยากฆ่าทำลาย เรียกว่าอาการทางจิตแบบนี้ว่า แอนตี้เซมิติค (anti-Semitic) เป็นอคติที่น่าพรั่นพรึงที่สุด
แบบนี้มีที่มาตั้งแต่สมัยสงครามโลกครั้งที่ ๑ และดูเหมือนจะเริ่มต้นในเยอรมัน (ขออนุญาตไม่เล่าตอนนี้จนกว่าจะอ่านหนังสือเล่มอื่นๆ มากพอจนตกผลึก)
ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ ๒ อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ เป็นผู้นำพรรคนาซีที่มีอคติกับยิวแบบสุดขั้วได้สั่งการให้พลพรรคนาซีของตนกวาดต้อนชาวยิวจากประเทศต่างๆ ที่ตนเข้ายึดครองมาเข้าค่ายเพื่อ “ฆ่า” ประการเดียว ประเทศแถบยุโรปตะวันออกต่างยินยอมส่งชาวยิวในประเทศของตนให้เยอรมันทั้งสิ้นมีบางประเทศที่อาจารย์ มรว.คึกฤทธิ์ ปราโมช เขียนไว้ว่า
“...ต้องจารึกไว้เป็นเกียรติชั่วกาลนาน..” (หน้า ๒๙๔)
ประเทศที่ไม่ยอมส่งชาวยิวให้เยอรมันเอาไปฆ่า คือ ฝรั่งเศส เบลเยี่ยม อิตาลี และ ฮอลันดา (ฮอลแลนด์ หรือ เนเธอร์แลนด์ แอนน์ แฟร้งค์และครอบครัวหนีภัยจากเยอรมันไปอยู่ที่นี่) สำหรับประเทศอิตาลีนั้น พระสันตปาปาได้ทรงประณามสิ่งที่เยอรมันทำต่อยิว และทรงเรียกร้องอย่างหนักแน่นมิให้อิตาลีส่งตัวยิวไปให้เยอรมัน
ประเทศแถบสแกนดิเนเวีย รวมทั้งฟินแลนด์ “…ควรจะได้รับความเคารพจากผู้มีมนุษยธรรมทั่วโลกตลอดไป..” (หน้า ๒๙๕)
นอรเวย์ หลังจากเยอรมันเข้ายึดครองได้เบ็ดเสร็จตั้งรัฐบาลหุ่นของตัวเองขึ้นแล้ว ชาวนอรเวย์ซึ่งรู้ชะตากรรมของชาวยิวที่เป็นเพื่อนร่วมชาติของตนดีได้พากันช่วยเหลือให้ชาวยิวหลบหนีข้ามแดนไปอยู่ประเทศสวีเดน ซึ่งประกาศตัวกลาง จึงไม่มียิวในประเทศนอรเวย์ถูกจับตัวไปฆ่า
เดนมาร์ก หลังเยอรมันเข้ายึดครองได้บังคับให้ยิวปักรูป “ดาวแห่งดาวิด” สีเหลืองที่เสื้อ เพื่อให้แตกต่างจากคนอื่น
พระเจ้าคริสเตียนที่ ๑๐ แห่งเดนมาร์ก
พระเจ้ากรุงเดนมาร์ก ทรงมีพระขัตติยธรรมและพระเมตตาต่อชาวยิวในประเทศของพระองค์ ได้ทรงติดรูปดาวแห่งดาวิดสีเหลืองที่ฉลองพระองค์ทุกครั้งที่เสด็จออก และทรงวางแผนให้นักศึกษาและลูกเสือเดนมาร์กลักลอบนำยิวหลบหนีออกนอกประเทศทางเรือไปอยู่สวีเดนโดยสวัสดิภาพ
สวีเดน ประเทศที่เป็นกลางได้ดูแลช่วยเหลือชาวยิวอพยพด้วยเมตตาจิตอันดียิ่ง
Carl Gustaf Emil Mannerheim
ฟินแลนด์ เป็นพันธมิตรกับเยอรมันและกำลังรบกับรัสเซียในขณะนั้น จอมพลคาร์ล กุสตาฟ แมนเนอร์ไฮม์ ได้ทำหนังสือแจ้งเยอรมันว่า ถ้าเยอรมันแตะต้องยิวสัญชาติฟินแลนด์ซึ่งมีอยู่เพียง ๑,๗๐๐ คนแม้เพียงคนเดียว ฟินแลนด์จะเปลี่ยนใจประกาศสงครามกับเยอรมันทันที เหตุผลอันประเสริฐของท่านนายพลผู้นี้คือ “ชาวฟินแลนด์ทุกคนจะไม่ยอมให้ใครมาฆ่าคนสัญชาติเดี่ยวกับตนเป็นอันขาด” (หน้า ๒๙๕)
ประเทศในยุโรปตะวันออกหลายประเทศยินยอมส่งยิวให้เยอรมัน ประเทศที่ควรจารึกไว้คือ
โปแลนด์ มียิวในประเทศนี้ ๓,๓๐๐,๐๐๐ คน โปแลนด์ส่งยิวให้เยอรมันมากถึง ๒,๘๐๐,๐๐๐ คนเพื่อเอาใจพวกนาซี แต่พวกนาซีก็มิได้ละเว้นชาวโปแลนด์ถูกฆ่าตายไป ๑,๕๐๐,๐๐๐ คน
รูมาเนีย และ ฮังการี่ ปล่อยให้คนยิวในประเทศของตนถูกฆ่าตายไปจำนวนมากโชคดีที่กองทัพรัสเซียเข้าไปช่วยก่อนที่ยิวจะถูกฆ่าตายทั้งหมด
มนุษย์ไม่เคยเรียนรู้จากความผิดพลาดในอดีตฉันใด ทรราชย่อมเกิดใหม่เพื่อก่อชนวนทำลายล้างมนุษย์ผู้บริสุทธิ์เพื่อรักษาอำนาจของตนโดยไม่รู้สึกผิดฉันนั้น ฉันหวังว่าจะไม่มีมนุษย์ที่เป็นผู้นำในโลกปัจจุบันแม้เพียงคนเดียวป่วยเป็นโรคอันน่าพรั่นพรึงนี้อีก.
พฤหัสที่ ๑๙ มิถุนายน ๒๕๕๗
...ในความคิดส่วนตัวนะคะ...ชาวยิวฉลาด ตรงเกินไปไม่รู้จักยืดหยุ่น จนขึ้นชื่อว่าหน้าเลือด ที่สำคัญยึดมั่นถือมั่นในเรื่องศาสนามาก ทำให้ไม่สามารถปรับตัวให้กลมกลืนเข้ากับเจ้าของประเทศได้ จึงเป็นสาเหตุใหญ่ของการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ เพราะชาวยิวเมื่อเข้าไปอยู่ในเยอรมัน ก็ต้องการยึดประเทศเยอรมันเป็นของตนเอง...
สาเหตุ..การฆ่าล้าง.เผ่าพันธุ์..มี..อยู่..(มิใช่..แต่..ฮิตเลอร์..แต่ผู้เดียว)...จีนก็เป็น..เชื้อชาติหนึ่งที่ถูกไล่ล่าในอดีต..ด้วยเหมือนกัน..ชนชาติแอฟริกัน..ก็...ฆ่ากันเอง..อยู่เป็นที่รู้ๆกัน..ในอาหรับ..ตะวันออกกลาง..ได้ยินสถิติเมื่อเช้านี้..ว่า..หกล้านกว่าคนที่หนี..และมีเด็กอยู่ในจำนวนนี้มากๆ..มากกว่า..สงครามโลกครั้งที่แล้วการฆ่ากัน..ด้วยสาเหตุของ ความเกลีดชัง..ซึ่งกันและกัน..ต้นเหตุ..อาจจะดูเล็กๆ..เป็นต้นว่า..แบ่งสีแบ่งพวก.."สุดท้ายคือ"..น้ำผึ้งหยดเดียว....
ขอบคุณความรู้ดีดีนี้ค่ะ .... การเรียนรู้ จากประวัติศาสตร์ ....ดีจริงๆค่ะ
ขอบคุณสำหรับความเห็นเพิ่มเติมมากค่ะอาจารย์ Pojana Yeamnaiyana Ed.D.
ในหนังสือของอาจารย์ มรว.คึกฤทธิ์ ก็วิเคราะห์ไว้ทำนองนั้นบ้างบางส่วน
ผู้มีชื่อเสียงของโลกหลายๆ คนเป็นยิว คาร์ล มาร์ก , อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ , ซิกมุนด์ ฟรอยด์ ฯลฯ
หลายปีมาแล้วเคยอ่านงานวิจัยเรื่อง IQ พบว่า ยิว เป็นชนชาติที่ IQ เฉลี่ยสูงที่สุดในโลก (แต่ยังไม่กล้ายืนยันนะคะ ต้องหาเอกสารฉบับนั้นให้เจอซะก่อน)
ขอบคุณความเห็นเพิ่มเติมค่ะคุณยาย ยายธี
เวลาอ่านเรื่อง "การฆ่า" ที่ด้วยความเกลียดชังที่ไร้เหตุผลแบบนั้นเราก็หดหู่นะคะ ประวัติศาสตร์เล่าเรื่องพวกนี้ไว้เยอะ
ได้แต่หวังว่าในประเทศของเราจะไม่มีคนบ้าอำนาจมาแบ่งแยกคนไทยให้เกลียดชังกระทั่งลุกมาฆ่ากันเอง
ขอบคุณอาจารย์ ธนิตย์ สุวรรณเจริญ
ประวัติศาสตร์ทำให้เราเข้าใจความเป็นมาเป็นไป และรู้จักจิตใจของคนอย่างแท้จริงนะ เพราะผลมันเกิดขึ้นแล้ว
พี่เห็นด้วยกับอาจารย์นะคะ ประเทศที่อ้างว่าตัวเองพัฒนาแล้วยึดประโยชน์ของตนในการสร้างความสัมพันธ์กับประเทศที่พวกเขาคิดว่าด้อยกว่า ทำไปเราต้องไปใส่ใจประเทศพวกนี้ เป็นเพราะเคยมีคนไปตกปากรับคำอะไรกับพวกเขาไว้มากกว่า
เหมือนเรามีเพื่อนเยอะแยะ เราก็เลือกคบคนดีๆ ไม่มีอะไรแอบแฝงก็ย่อมได้
จีน รัสเซียก็ไม่มีอะไรน่าชิงชัง พี่ว่าประเทศเรากำลังสร้างอำนาจต่อรองด้วยวิธีนี้อยู่นะคะ
อเมริกาทำผิดพลาดไปเรื่อยๆ ในเวทีโลกเดี๋ยวก็เสื่อมเอง