...........เมื่อก่อนข้าพเจ้าเป็นคนเกเร ดื้อ ว่ายาก สอนยาก แม้แต่จะขอบวชชีเพมื่อ พ.ศ.๒๕๓๒ " แม่รุ้ง " (ชื่อที่ใคร ๆ ก็เรียก แม่ชีรุ้งเดือน สุวรรณ หรือ พระอาจารย์นันทญาณี ภิกษุณี ในวันนี้) ยังไม่ไม่อนุญาต จนพระอาจารย์ สุชิน วัดถ้ำตอง ต้องแอบบวชีให้ข้าพเจ้าในระหว่างที่แม่รุ้งไปเข้ากรรมฐาน
จากคนพาลในวันวานที่จบการศึกษาเพียงชั้นประถม แม่รุ้งได้มอบ " ของดี " ให้แก่ข้าพเจ้า ตอนที่คิดจะสึกไปเป็นแม่ค้า และเข้า
ไปกราบขอ " ของดี " เพื่อให้ทำมาค้าขึ้น ท่านบอกให้ข้าพเจ้าเข้าเงียบ ปฏิบัติกรรมฐานอย่างน้อย ๒๐ วัน ข้าพเจ้าตอบตกลงเพราะอยากรวย เชื่อว่าข้าพเจ้าจะได้ " ของดี " ติดตัวไปเริ่มต้นชีวิตใหม่.....ที่ใหนได้กรรมฐานครั้งนั้นพลิกชะตาชีวิตของข้าพเจ้า ความสุขละเอียดที่ได้รับในขณะปฏิบัติกรรมฐานทำให้ข้าพเจ้าเปลี่ยนใจ ถือครองเพศพรหมจรรย์มาจนทุกวันนี้
จากคนเคยตระหนี่มาก ชอบเก็บ ชอบสะสม เพราะกลัวจะอด กลัวจะไม่มี แต่พอฟังพระอาจารย์เทศน์สอนบ่อย ๆ เรื่อง " ยิ่งให้ ยิ่งได้
" ฟังแรก ๆ อวิชชาก็ยังพาให้หลงคิดคัดค้านอยู่ในใจว่่า " โอ๊ย ! ไม่เชื่อหรอก " ต่อมา ก็เริ่มได้คิดว่า เราสามารถลองเป็นผู้ให้ดูบ้าง
กระทั่งครั้งหนึ่งพระอาจารย์สอนข้าพเจ้าว่า " ฉันให้โอกาสเธอนะ ให้เธอทำทานกับเด็ก ๆ ถึงพวกเขาจะเป็นแค่นักศึกษาถือศีล ๕ หรื
อศีล ๘ แต่พวกเขาก็มีศีล " ตั้งแต่นั้นมาข้าพเจ้าก็คิดว่าจะต้องทำอาหารดี ๆ เลี้ยงผู้ที่มาปฏิบัติธรรม ทำอย่างตั้งใจให้ปราณีต คิดด้วยว่าแม้ว่าบางคนยังไม่มีศีลไม่เคยรักษาศีล ข้าพเจ้าก็จะ " ให้ " เพราะเมือพวกเขาฟังธรรมจากพระอาจารย์แล้ว อีกหน่อยพวกเขาก็จะกลับตัวเป็นผู้รักษาศีล
เมื่อก่อนข้าพเจ้าเองก็ไม่มีศีล ไม่รู้ด้วยว่ารักษาศีล ๕ ไปเพื่ออะไร แต่เพราะได้มาอยู่ใกล้ชิดครูบาอาจารย์ จึงได้ค่อย ๆ เรียนรู้
จนรู้จักการให้ รู้จัก " ความกตัญญูรู้คุณของพ่อแม่ " รู้ว่า " ขันธ์ ๕ " ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา ข้าพเจ้าสอนคิดว่าเราสอนลูกไม่เป็น จึงอธิษฐานจิตอยู่เสมอเวลาช่วยงานค่ายธรรมะที่พระอาจารย์เป็นวิทยากรว่า " ขอให้ลูกชายคนเดียวของข้าพเจ้าเป็นคนดี ไม่เกเร " ซึ่งก็เห็นผลบุญทันตาในชาตินี้ เพราะลูกชายของข้าพเจ้าเป็นเด็กดี ไม่ดื่มเหล้า ไม่เที่ยวเตร่ ช่วยดูแลคุณตาคุณยายเป็นอย่างดี.....
..............................
ก่อนบวชี ข้าพเจ้าไม่รู้จักแม้แต่พระคุณของพ่อแม่ มักจะทำร้ายจิตใจพ่อแม่ด้วยคำพูดแรง ๆ จนเตี่ยและแม่ต้องร้องไห้ เพราะคิด
แต่ว่า " กูเก่ง กูดี กูต้องชนะพ่อชนะแม่ ทุกวันนี้พ่อแม่อยู่ได้ก็เพราะกูหาเลี้ยง " ข้าพเจ้าไม่เคยคิดแม้แต่จะกราบพ่อกราบแม่ แต่ฟังพระอาจารย์สอนเด็ก ๆ ในค่ายธรรมะต่าง ๆ เรื่องหน้าที่พ่อแม่ที่มีต่อลูก เรื่องความกตัญญู ได้เห็นพระอาจารย์เป็นแบบอย่างของความกตัญญูต่อโยมแม่ของท่าน ทำให้ข้าาพเจ้าตัดสินใจไปกราบขอขมาต่อเตี่ยและแม่ บอกกับท่านว่า " ตั้งแต่นี้ไป จะไม่มีวันทำให้เตี่ยและแม่เสียใจ จะเลี้ยงดูเตี่ยและแม่อย่างดี " และข้าพเจ้าก็ได้ตอบแทนพระคุณของพ่อแม่อย่างดีที่สุดจนทุกวันนี้...
( บางส่วนบางตอน จากบทความเรื่อง ผู้เปลี่ยน " ขันธ์ ๕ " ข้อเขียนของ ภิกษุณี วันดี ถิรญานี(ยุกตรมย์) ในหนังสือ คำครูสอน อารามภิกษุณี นิโรธาราม อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่ )
สาธุ
ขอบคุณบันทึกดีๆ ครับ