หนังสือเหมือน "ขนม" ...เห็นแล้ว... อยากชม..อยากอ่าน?
เรื่องการเรียนรู้ของเด็กๆ ..... ตาม ทฤษฎีการเรียนรู้ (Learning theory) การเรียนรู้คือ ...กระบวนการที่ทำให้... เด็ก /คน..เปลี่ยนแปลง
- พฤติกรรม ... อยากอ่านหนังสือ
- ความคิด .. คิดว่า..หนังสือแบบไหน..น่าอ่าน
เด็ก..เยาวชน......สามารถเรียนได้จาก...การอ่านหนังสือ...โดยเริ่มจาก
1. การได้ยินการสัมผัส .... จาก พ่อ...แม่..ผู้ปกครองอ่านให้ฟัง
2. การอ่าน.....เริ่มอ่านจาก...หนังสือที่ชอบ..อ่านง่าย..อ่านแล้วสนุก
3. การเรียนรู้ของเด็ก....ได้จากการอ่านหนังสือ
จากประสบการณ์ของผู้เขียน....สอนรู้ให้เป็นนักอ่านจาก ...
- เล่านิทานให้ฟังก่อนนอน
- ฟังเพลง+นิทาน .... เช่น ดาวลูกไก่
- ดู VDO. การ์ตูน
- อ่าน หนังสือการ์ตูน
- อ่านและดูรูป ในหนังสือ... สารานุกรมสำหรับเด็ก
- พาไป...ร้านหนังสือ บ่อยๆๆ ค่ะ
- ให้โอกาสลูกใน ... "การเลือกฃื้อหนังสือ" ...ที่เขาชอบอ่าน..เขาจะอ่านได้ดี..อ่านได้เร็ว
- ควรถามเรื่องราวต่างๆๆ ในหนังสือที่เขาอ่าน .. หรือให้ลูกเรื่ิองที่อ่านให้ฟัง
- ควรเสริมแรง..ให้กำลังใจ....เมื่อเขาเล่าเรื่องจบ
- เมื่อมีโอกาสให้รางวัล / ของขวัญกับ ลูกๆ ....ควรให้.. "หนังสืิอ" .....แนวที่เขาชอบเป็น ของขวัญ...หรือพาเขาไปชื้อ....เขาจะมีความภาคภูมิใจใน "ตนเอง"
ขอบคุณภาพจาก www.google.co.th
ขอบคุณภาพจาก www.google.co.th
สรุปได้ว่า .... อยากให้ลูกอ่านหนังสือ .....ควรทำให้ลูก .... "เห็นหนังสือแล้ว......เหมือนเห็น.... "ขนม" ...... เห็นแล้ว... อยากชม (ภาพ) ... เห็นแล้ว....อยากอ่าน" ..... โดยผ่านกระบวนการเริ่มต้น...ที่บ้าน/ครอบครัว..เริ่มอ่านนิทาน..เล่านิทาน..ชี้ชวนดูปภาพในหนังสือ....ควรเริ่มตั้งแต่ลูกๆ ยังเป็นเด็กเล็กๆๆ นะคะ ..... และผู้ใหญ่ควรเป็น "คนต้นแบบ".... ... หรือเป็นแบบอย่างในการอ่านหนังสือ.... ให้กับเด็กๆ ให้กับลูกๆๆ..เด็กๆๆ ด้วย นะคะ
......... "รักลูก..ให้ลูก...รักการอ่าน" .....
ขอบคุณค่ะ
๑๐ พ.ย. ๒๕๕๗
ความเห็น (12)
หนังสือน่าอ่านในชั้นเต็มเลยนะคะ...
"การอ่าน" เป็นการเรียนรู้โลกข้างนอก สู่โลกข้างใน จุดที่ควรให้เด็กฝึกฝนคือ ให้เด็ก "ดู" (ภาพ สี รูปทรง แปลกๆ ใหม่ๆ) ก่อน ต่อมาให้พาเด็ก "ชม" (พาไปท่องเที่ยว พาเด็กไปสร้างจินตนาการให้เกิดความประทับใจ) แล้วให้เด็ก "พูด" คือ ให้บรรยาย เล่าเรื่องนั้นๆ เด็กจึงต้องหาข้อมูล หาเรื่องนั้นๆ เพื่อจูงใจให้เขาอ่านเอาเรื่อง (เพื่อไปเล่า บรรยาย)
จากนั้นให้เด็กพินิจด้าน "ภาษา" (ไทย อังกฤษ) เพราะภาษามันจะสะท้อนตัวมันเอง (คำศัพท์) ผู้เขียน และผู้อ่าน (เด็ก) เมื่อเด็กจับภาษา คำ สำนวน โวหาร ประโยคได้ ต่อไปก็จะให้เขาสังเกตการใช้ภาษา และคำนั้นๆ ต่อไปเด็กก็จะนำไปใช้คือ พูดสื่อสารเอง เขาจะสรรหาคำที่ได้อ่านมาไปพูดบรรยายครับ
แต่ธรรมชาติของเด็กชอบเรื่อง ใหม่ แปลก ทันสมัย ภาษาใหม่ๆ สีสัน ไม่เครียด สนุก ตื่นเต้น ฯ นี่คือ ขนมหวานของเด็กครับ ผมว่ามีหลายวิธีที่จะกระตุ้นให้เด็กอ่านหนังสือครับ แล้วแต่ครู ผู้ปกครอง ฯ จะใช้กับเด็กนั้นๆ ผมเชื่อว่า "พ่อแม่" คือ ผู้รู้เละมองเห็นพฤติกรรมลูกตั้งแต่ตั้นและอนาคตของลูกตนครับ
บางทีพ่อแม่ ควรทำเป็นไม่รู้ แกล้งให้ลูกสอนบ้าง ให้ลูกอธิบาย บรรยายบ้าง เขาจะได้เกิดความมั่นใจ และจดจำเนื้อหานั้นๆ มาคุยให้เราฟังอีก แทนที่จะอ่านนิทานให้ลูกฟัง เราก็ฟังนิทานลูกเล่าครับ
ขอบคุณคุณหมอที่บันทึกเรื่องดีๆครับ
...ด้วยความชื่นชมค่ะ
เห็นเด็กๆ อ่านแล้วผู้ใหญ่มีความสุขนะคะ
ขอบคุณ Krutoon มากๆ ค่ะ ให้กำลังใจเด็กๆๆ นะคะ
- ได้ แง่คิดดีดีค่ะ
- ขอบคุณท่าน ส.รตนภักดิ์
ขอยคุณ ดร.พจนา มากๆๆค่ะ ที่แคนนดา ...... คงเริ่มหนาวแล้วนะคะ
ขอบคุณ Nui มากนะคะ ..... พ่อ แม่อยากให้ลูกๆ มีอนาคตที่ดี มาความสามารถของเขานะคะ
ขอบคุณพี่เปิ้นมากครับ
ขั้นแรกเลยที่บ้านต้องทำให้ลูกดูว่าพ่อแม่ชอบอ่านหนังสือ
ผมชอบใจที่พี่ให้ลูกเลือกหนังสืออ่านเอง
ทำให้น้องเขาชอบเรื่องที่มีจินตนาการแล้วเป็นนักเขียนที่เขียนเรื่องได้ดีมาก
การอ่านต้องเริ่มจากที่บ้านจริงๆ
ขอบคุณพี่เปิ้นมากๆครับ
เห็นด้วยทุกประการค่ะ...พี่ใหญ่และน้องๆซึมซับนิสัยรักการอ่านมาจากการปลูกฝังของคุณพ่อ-คุณแม่ และขยายผลมาสู่การรักการเขียนในปัจจุบันนี้ค่ะ
ขอบคุณ น้อง ดร. ขจิต ฝอยทอง มากๆๆ ค่ะ ให้กำลังใจพี่สาว นะคะ
ขอบคุณพี่ให้ คุณพี่ นงนาท สนธิสุวรรณ ขอบคุณคุณพี่ ให้กำลังใจ ตลอดมา นะคะ