แลดู ผู้ดูแล "วิตกกังวล จน เพี้ยนไป"


เป็นธรรมดาของทุกเช้าวันจันทร์

ที่โรงพยาบาลมักจะมีผู้มาใช้บริการมากกว่าปกติ

วันนี้ก็เช่นกัน โรงพยาบาลของผู้เขียน

ผู้คน แออัดไปทุกตึก ผู้ป่วยนอกแทบจะไม่มีที่ให้ยืน

ผู้ป่วยใน เตียงล้นออกมาจนถึงทางเดินนอกอาคาร


พอผู้เขียน เบียดผู้คนออกมาได้

ก็พบว่า มีสายตาคู่หนึ่ง บ่งบอกถึง ความวิตกกังวล

ดูเศร้าหมอง คิ้วทั้งสองข้างขมวดเข้าหากัน

เด็กหนุ่ม อายุไม่น่าจะเกิน สามสิบ มองมายังผู้เขียน แบบไม่ละสายตา

ผู้เขียน อมยิ้มแยกริมฝีปากเป็นยังมุมปากทั้งสองข้าง

ก่อนเอ่ยปากถามขึ้นว่า "มีอะไรให้ช่วยมั้ย"

เด็กหนุ่มไม่ตอบ เมินสายตาไปทิศอื่น


เวลาผ่านไปเกือบชั่วโมง

เสียงเคาะประตู ห้องทำงานของผู้เขียนก็ดังขึ้น

เด็กหนุ่ม คนนั้นนั่นเอง

เขาถามถึงหมอเจ้าของไข้ที่ดูแลพ่อว่าจะมาเมื่อไร เขาอยากทราบอาการ

ผู้เขียนนำสารนี้ไปบอกแก่ น้องพยาบาลเจ้าของไข้

น้องเล่าให้ฟังว่า เขาวิตกกังวลมาก เฝ้าถามอาการของพ่ออยู่ตลอดเวลา

ดูไปๆเหมือน "เพี้ยนๆ"

"ไปว่าเขา" ผู้เขียนเอ่ยพร้อมรอยยิ้มกับน้องพยาบาล


พ่อของเด็กหนุ่ม มาโรงพยาบาลด้วยอาการเหนื่อยอ่อนเพลีย

ถึงโรงพยาบาลคุณหมอใส่ท่อช่วยหายใจให้ เพราะหายใจไม่ไหว

รุ่งเช้า อาการดีขึ้น คุณหมอเอาท่อช่วยหายใจออก

แต่ก็ต้องใส่เข้าไปใหม่ เพราะหายใจเองไม่ได้

จึงทำให้ เด็กหนุ่ม วิตกกังวลมาก

"พ่อหายใจเองไม่ได้ สักที" เด็กหนุ่มพูดกับผู้เขียน

"เราต้องใช้ยาใช้เวลา ให้ปอดพ่อดีขึ้นนะ" ผู้เขียนบอกกับเขาอย่างนั้น

แต่เขาก็มักจะถามด้วยคำถามเดิมๆ ซ้ำแล้วซ้ำอีก

เพราะยิ่งเวลาหลายวันขึ้นพ่อก็ยังไม่หายดี

"พี่น้องไปไหนเสียละ วันนี้ได้มาคนเดียว" ผู้เขียนถามเขาในสายของวันหนึ่ง

"หนีกลับไปทำงานหมดแล้ว ทิ้งผมไว้คนเดียว" เด็กหนุ่มตอบด้วยน้ำเสียงไม่พึงพอใจนัก


ผู้เขียนจึงชวนมานั่งพูดคุยกัน

เมื่อผู้เขียนเปิดประตูห้อง ชวนเชิญเขาเข้าไปนั่ง

เขาออกอาการกลัวๆ "หรือว่าจะเพี้ยน อย่างที่หลายคนบอกจริงๆ" ผู้เขียนคิดแบบขำๆ

จึงชวนเขาออกไปนั่งคุยกันนอกระเบียง

ผู้เขียนตัดสินใจ บอกเขาไปว่า ต้องทำใจยอมรับ พ่ออาจเป็นโรคที่รักษาไม่หาย คุณหมอยังวินิจฉัยไม่ได้

(คุณหมอบอกกับผู้เขียนว่า คนไข้ มีก้อนในปอด กินบริเวณกว้าง)

สิ่งที่เราต้องทำได้ในตอนนี้ คือ ทำให้พ่อ สบายใจที่สุด

"ต้องทำอย่างไร" เขาถาม "อย่าทำหน้าเศร้า พูดกับพ่อเหมือนคนปกติ อยากทำอะไรให้พ่อก็ทำ"

เขารีบผละจากผู้เขียน และกลับมาพร้อมกับช่างตัดผม

"ผมรอไม่ไหว ผมพ่อยาวมาก พี่พยาบาลบอกอีกหลายวัน ช่างจิตอาสาถึงจะมา"

ผู้เขียนกล่าวชื่นชมเขา และบอกกับเขาว่า "กลับไปนอนที่บ้านบ้างก็ได้ นอนเก้าอี้หน้าตึกมันไม่สบาย"


เขากลับไปนอนที่บ้านจริงๆ

ตื่นเช้าก็หิ้วปาท่องโก๋ มาฝากพยาบาล

บอกว่าอยากให้พ่อกินด้วย แต่บดละเอียดไม่ได้ ให้พยาบาลกินแทน


พ่อของเด็กหนุ่มต้องกินอาหารทางสายยาง

เขาเริ่มเข้าใจ หลายสิ่ง ที่ต้องดำเนินไป

เขาโทรไปบอก พี่ๆว่า "พ่อจะมีอาการทรุดหนักลงเรื่อยๆ"

"ให้พี่ๆรีบกลับมา พี่พยาบาลบอกให้ผมไปนอนที่บ้าน"


ญาติข้างเตียงเล่าให้พวกเราฟังอย่างนั้น

ว่าแอบได้ยิน ก่อนจะถึง เวลาเยี่ยม

"เขาวิตกกังวล หรือเพี้ยนไป"

แต่อย่างไรก็ตาม เขาควรจะได้พักผ่อนที่เพียงพอ อย่างสุขสบายบ้าง

แม้ว่า..เขาจะหลอกให้พี่ๆ โดยอ้างชื่อพยาบาล ให้มาเฝ้าไข้แทน

ด้วยคำว่า "พ่อจะมีอาการทรุดหนักลงเรื่อยๆให้พี่ๆรีบกลับมา พี่พยาบาลบอกให้ผมไปนอนที่บ้าน"



หมายเลขบันทึก: 581366เขียนเมื่อ 28 พฤศจิกายน 2014 22:32 น. ()แก้ไขเมื่อ 28 พฤศจิกายน 2014 22:40 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (5)

ขอขอบคุณป้าแดงสำหรับการแบ่งปันบันทึกจากประสบการณ์อีกครั้งค่ะ
ขออนุญาติถามค่ะป้าแดง ถ้าประเด็นนี้จะสรุปว่า การใส่ใจ ให้คำแนะนำ และพยายามเข้าใจสภาวะวิตกกังวลของผู้ดูแล

พอจะได้มั้ยคะ

เป็นความเอาใจใส่ที่น่าประทับใจนะคะ

การดูแลคนไข้ไม่ง่ายเลยนะครับ

ต้องใส่ใจตลอดเวลา

ขอบคุณมากๆครับ

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท