ตอนบ่ายแก่ๆของวันที่เหน็บหนาว นายทหารได้นำพลทหารกล้าของค่ายแห่งหนึ่งในภาคเหนือ ที่ได้รับคำสั่งไปตลุยดงฝิ่นและไร่ในป่าที่มีของผิดกฎหมาย
บรรดานายทหารและผู้บังคับบัญชาต่างเตรียมข้าวของเสบียงกรังเพื่ออยู่รอนแรมในป่า คอยสอดส่องสังเกตความเคลื่นไหวที่ผิดปกติ ในเวลาพลบค่ำ บรรดาพลทหารและนายประจำกองร้อยต่างผลัดเวรกันไปลงอาบน้ำที่ลำห้วย ห่างจากที่ตั้งประจำการราวห้าร้อยเมตร
พลทหารหนึ่งและจ่าสิบเอกพลวัต ทั้งสองคนต่างพากันสะพายปืนอาก้า เดินลงสู่ลำห้วย อาบน้ำสะบายใจในเวลาพลบค่ำ พลันพลทหารหนึ่งเหลือบสายตาขึ้นไปบนท้องฟ้า เห็นสายหมอกสีหม่นวิ่งไปมาคล้ายนาคตัวใหญ่ ผู้คนล้านนาเรียกเมฆสีหม่นว่า "ฝ้า" แต่คราวนี้มันเป็นรวงฝ้าตัวยาวดั่งมังกรฉสวัดเฉวียนไปมาบนปลายยอดไม้ที่พวกเขากำลังอาบน้ำอยู่ ด้วยความตกใจจึงร้องขึ้นแล้วชี้ให้จ่าสิบเอกพลวัตดู มันน่าสะพรึงกลัวยิ่งนัก ด้วยความเป็นทหารจ่าสิบเอกพลวัตจึงรีบวิ่งขึ้นฝั่งหยิบปืนยิงไปยังมังกรเมฆสีดำ ด้วยอารมณ์คล้ายบ้าคลั่ง
ส่วนพลทหารหนึ่งรีบวิ่งไปบอกเพื่อทหารที่จุดพัก ประกอบกับเวลาดูเหมือนมืดเร็วกว่าปกติเข้าไต้เข้าไฟในป่ามองไม่ค่อยเห็นอะไร แต่ด้วยความเป็นทหารจึงพากันออกค้นหาจ่าสิบเอกพลวัตตลอดคืน จากวันเป็นสองสามวันและเข้าถึงวันที่เจ็ด บรรดาทหารที่ค้นหาไปพบจ่าสิบเอกพลวัตนอนเพ้อคลั่งอยู่ในตูบหรือกระต๊อบของชาวเขา ใบหน้าซูบผอมห่อเหี่ยว
ถามหาเรื่องราวเขาไม่สามารถตอบได้ว่ามาอยู่ที่กระท่อมได้อย่างไร....แต่ที่แน่ๆ ผู้คนบ้านป่าเรียกก้อนเมฆลำยาวเคบื่อนไหวคล้านมังกรนั้นว่า "ผีรวฝ้า" มักจะเกิดยามพลบค่ำขณะที่อากาศกำลังแปรปรวน ผู้คนบ้านป่าจะระวังเรื่องนี้มาก หากเห็นเหตุการณ์อย่างนี้พวกเขาจะหลบเข้าที่กำบังร่มไม่แล้วค่อยย่อตัวก้าเดินหลบเลี่ยงจะไม่ทำอะไรแก่ผีรวงฝ้าเด็ดขาด หาไม่แล้วจะเป็นบ้าอย่างที่เล่านี้แล.....
อยากทราบวันที่เขาห้ามเผาผี(ศพ)นะครับอาจารย์ มีวิธีการหาวันดังกล่าวอย่างไรบ้างครับ...
ขอบคุณมากครับ
ในเมืองล้านนามีตำราเกี่ยวกับฤกษ์ยามมากมาย ที่ว่าเขาห้ามเผาศพก็เป็นระบบวิธีคิดที่จะมีการจัดการเวลาของบรรพบุรุษ...มีตำราเรียกกันว่า วันเก่าก๋อง ถือว่าเป็นวันห้าเผาศพ..(ลองหาดูในเวบ)ผมเขียนไว้แล้ว...เมื่อก่อนหน้านี้....วิธีการหาวันเก้าก๋องใช้เวลามาก จะมีในปักขตืนหรือปฏิทินล้านนาฉบับวัดธาตุคำหรือของชมรมปักขทืนล้านนา หาดูได้เจ้า...ยินดีที่เข้ามาฟู่จ๋าเจ้า...