อากาศร้อนๆดื่มน้ำสมุนไพรหอมๆหวานๆชื่นใจหายร้อนได้ ก็ต้องระวังน้ำตาลในเครื่องดื่มต่างๆด้วย วันละหลายๆแก้ว น้ำตาลก็มากนะคะ รวมทั้งความเข้มข้นของสมุนไพรที่เป็นน้ำดื่มก็ต้องระวังเช่นกันโดยเฉพาะผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคไตหรือผู้ป่วยไต ไม่ควรให้ไตทำงานหนักนะคะ
วันนี้ชวนทำน้ำมะตูมจากผลแก่สุก พี่ชายนำมาฝากตอนที่ไปอยู่บ้านแม่ที่สุพรรณค่ะ เป็นลูกสุกที่หล่นจากต้นไม่ได้สอยเพราะต้นสูง กลิ่นหอมออกมานอกเปลือกแข็งๆผิวมอมแมม พอล้างผิวมอมแมมออกผิวเหลืองสวยงาม
เนื้อปุยหอมหวานไม่มากอร่อยค่ะ เมล็ดนิ่มเคี้ยวได้เลย
ผลสุก รสหวานเย็น ต้มดื่มหรือเอาเนื้อรับประทาน
แก้ลมเสียดแทงในท้อง แก้มูกเลือก บำรุงไฟธาตุ ช่วยย่อยอาหาร
.
มองเห็นยางมะตูมไหมค่ะ คำเปรียบเปรยที่เราได้ยินกันเสมอ คือ ไข่ต้มยางมะตูม
ที่ส่วนใหญ่เราชอบกันนั้น คือ ยางมะตูมในเนื้อมะตูมค่ะ
ลักษณะคล้ายเนื้อและเมล็ดในลูกมะขวิด
เนื้อมะตูมที่อยู่ก้นเปลือกนั้นอร่อยมากเช่นเดียวกับเนื้อติดก้นเปลือกมะขวิดค่ะ
วิธีทำ
น้ำมะตูมจากผลสุก ตักเนื้อมะตูมสุกหอม ทั้งลูก ต้มในน้ำประมาณ 1 ลิตร ใช้ทัพพีกดเนื้อมะตูมให้ละเอียด ต้มนาน 30 นาที แบ่งออกมาเป็นชาหรืิอน้ำดื่มโดยไม่ใส่ความหวานได้ ถ้าเพิ่มความหวานด้วยน้ำทรายแดงให้หวานเล็กน้อย ดื่มอุ่นๆหรือแช่เย็น แบบไม่ใส่น้ำแข็งก็ใส่น้ำตาลพอหวานปะแล่มๆก็พอ ถ้าใส่น้ำแข็งต้องเพิ่มความหวานมากขึ้นเพื่อใส่น้ำแข็งแล้วน้ำจะได้ไม่จืดเกินไปเหมาะสำหรับผู้ที่ไม่ต้องระวังน้ำตาลนะคะ เนื้อมะตูมกับเมล็ดควรกรองออกไปให้น้ำใสๆดื่มไม่สะดุด ถ้ากดเนื้อมะตูมกับตะแกรงก็จะได้ส่วนของเนื้อมะตูมละเอียดอยู่ในน้ำมะตูมด้วย
ทำเป็นชาไม่ใสความหวานก็อร่อยหอมค่ะ
เพิ่มความหวานสีของน้ำมะตูมจะเข้มขึ้น ดื่มอุ่นๆหรือแช่เย็นก็ได้ตามชอบ
ที่เราพบเห็นกันบ่อยๆคือ มะตูมแห้งที่ฝานเป็นแว่นๆจากลูกมะตูมที่ยังไม่สุก
ซึ่งนำมาต้มทำน้ำดื่มได้อร่อยมากเช่นกัน ซึ่งนำฝากไว้แล้วนะคะ
https://www.gotoknow.org/posts/535689
ด้วยความปรารถนาดี กานดา แสนมณี
วันพุธที่ 8 เมษายน พ.ศ ๒๕๕๘
น่ากินจังเลยค่ะพี่ดา
คิดถึงสมัยเด็กๆ พ่อแม่เอามาต้มให้ทาน อร่อยค่ะ เอาข้าวเหนียวจิ้มเนื้อมะตูมสุก หอมหวานจริงๆ
ดื่มหน้าร้อน + น้ำแข็ง .... เย็น ชื่นใจ นะคะ