ภาพถ่ายจาก internet : ภาพทางอากาศ เกาะแรต อ.ดอนสัก จ.สุราษฏร์ธานี
..
ผู้เขียนมีโอกาสได้พบปะพูดคุยกับผู้เฒ่า อายุเกือบร้อยปีท่านหนึ่ง โดยบังเอิญหลังจากที่ตั้งใจจะกลับจากเกาะแห่งนี้ เมื่อได้เข้าไปกราบไหว้เทพเจ้าที่เกาะแห่งนี้มา.. นับว่าเป็นจังหวะที่ตัวเองโชคดี..เป็นอย่างยิ่ง
..
..
ปู่ฉะอ้อน ท่านอายุ 96 ปีแล้ว แต่ท่านยังคงมีความจำที่ดีมาก ท่านกำลังไกวเปลเหลนตัวน้อยอยู่หน้าบ้านหลังดั้งเดิมที่สร้างไว้เมื่อครั้งโน้น..ท่านเล่าให้ผู้เขียนฟังว่า..ตัวท่านเองนั้นเป็นคนไทยที่เข้ามาอยู่ที่เกาะแห่งนี้ตั้งแต่ อายุ 14 ปี
ท่านมาช่วยน้าสาวของท่านทำงานที่นี่... ซึ่งสมัยโน้นนั้น....เกาะแห่งนี้ป่ารกชัน และที่สำคัญบนเกาะแห่งนี้ เมื่อสมัยนั้น ช่วงที่ท่านมาอยู่.. ก็มีคนจีนโพ้นทะเล ที่เดินทางมากับเรือสำเภาจีนได้อพยพเข้ามาตั้งรกรากอยู่กันก่อนหน้านี้แล้ว มากทีเดียวเลย.... ท่านบอกกับผู้เขียนเช่นนั้น และช่วงที่ท่านอยุู่ที่เกาะแห่งนี้ ท่านยังได้เห็นสำเภาจีนมาจอดที่เกาะนี้ด้วย พร้อมกันคนจีนที่ยังอพยพเข้ามาใหม่อีก แสดงว่าที่ท่านกับน้าสาวของท่านเข้ามาตั้งรกรากอยู่ที่เกาะแห่งนี้พร้อมกับคนไทยอีกจำนวนหนึ่งนั้น ท่านยังเข้ามาหลังจากที่คนจีนโพ้นทะเลได้อพยพเข้ามาอยู่ก่อนหน้านี้แล้ว
หากนับวันเวลาสมัยนั้นช่วงที่ท่านเข้ามาที่เกาะแรตแห่งนี้ ก็ตรงกับช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ราว ๆ พ.ศ. 2483 และเมื่อนับถึงปีปัจจุบัน พ.ศ. 2558 ก็แสดงว่า เมื่อ 75 ปีที่ผ่านมานั้น ชาวจีนโพ้นทะเลได้อพยพเข้ามาอยู่ที่เกาะแรตแห่งนี้นานแล้ว.... นานเท่าไหร่ผู้เขียนไม่ทราบได้...ทราบแต่ว่าชาวจีนโพ้นทะเลนี้ ปู่ฉะอ้อนบอกกับผู้เขียนว่า...เป็นคนจีนไหหลำ
..
..
ปู่ฉะอ้อนยังเล่าให้ผู้เขียนฟังอีกว่า....ตัวปู่เองนั้นต้องเรียนรู้ภาษาจีนไหหลำ และพูดสื่อสารกับคนจีนที่เข้ามาอยู่ที่เกาะนี้ เป็นเหมือนภาษาของตัวเองเลย
ผู้เขียนจึงลองให้ปู่ฉะอ้อน พูดภาษาจีนและแปลให้ผู้เขียนฟัง พบว่า...ปู่พูดภาษาจีนได้คล่องเคล่วจริง ๆ และปู่ก็แปลเป็นภาษาไทยให้ผู้เขียนฟังอีกต่าง ๆ (ผู้เขียน..ทึ่งในความจำของปู่ฉะอ้อนเป็นอย่างมาก ทั้ง ๆ ที่ท่านอายุก็ปาไปเกือบ 100 ปีแล้ว) จึงแกล้งแอบถามปู่ฉะอ้อนต่อไปอีกว่า...ที่ปู่ความจำดีอย่างนี้... ปู่กินอะไรหรือ?
..
ปู่ฉะอ้อนตอบว่า..อย่างไง?... รู้มั้ยครับ
ปู่ตอบว่า...ก็กินปลาทะเลที่จับได้ที่แถวเกาะนี่แหละ และก็ผักหญ้าที่หากินได้ในพื้นที่.. ไม่มีอะไรวิเศษไปกว่านี้เลย
..
..
ผู้เขียนแอบเห็น... ปลาทะเลตัวไม่ใหญ่นัก ที่แร่ตากแห้งไว้หน้าบ้านของปู่... จึงบันทึกภาพนี้ไว้
ชีวิตของปู่ฉะอ้อนเนี่ย!!.. ทำให้ผู้เขียนคิดถึงพ่อของตัวเองไม่ได้ ที่ท่านอายุน้อยกว่า ปู่ฉะอ้อน 10 ปี ท่านก็ยังคงแข็งแรงอยู่เช่นกันและทุกครั้งที่ผู้เขียนไปหาพ่อ เมื่อเดินเข้าไปในครัวแล้วเปิดฝาชีที่โต๊ะกินข้าวของพ่อและแม่ดู ผู้เขียนเห็นผักหญ้าที่พ่อปลูกไว้ข้างบ้านพร้อมกับน้ำพริกที่แม่ตำไว้ ตั้งอยู่บนโต๊ะ และมีอยู่อย่างนี้ไม่เคยขาดโต๊ะกินข้าว....เลยสักครั้งเดียว
..
..
ที่เกาะแรต แห่งนี้ ยังมีเรื่องเล่าของปู่ฉะอ้อนอยู่อีก ซึ่งน่าสนใจมาก... ท่านพูดถึงเทพเจ้าที่เกาะแห่งนี้ ท่านพูดถึงคนจีนโพ้นทะเลที่อพยพเข้ามาอยู่ที่นี่ น่าติดตามมาก ครับ...ผู้เขียนจะทยอยเขียนมาเล่าให้ฟังนะครับ
เรียนน้องแสง
นับเป็นสิ่งที่ดี ที่ได้รับการบอกเล่า เรื่องราวคนจีน มาอยู่เกาะแรต คาดว่าถ้าสิ้นปู่ ฉะอ้อนแล้ว คงหาคนเล่าเรื่องราวหนหลังมาให้ลูกหลานได้ฟัง
เรื่องราวหนหลัง ประวัติศาสตร์ และตำนานเรื่องเล่า
ผมชื่นชอบตำนาน คำบอกเล่า ฟังแล้ว เห็นเรื่องราว ภูมิบ้าน นามเมือง บริบทพื้นที่ ได้ดีกว่า ประวัติศาสตร์
ประวัติศาสตร์ชุมชน เรื่องเล่าอันมีชีวิต มีคุณค่ามากนะคะ มีความสำคัญต่อการพัฒนาท้องถิ่นอย่างยั่งยืน
เคล็ดลับความจำดี และอายุยืนของปู่ฉะอ้อน ก็คงคล้าย ๆ กับ
คุณปู่ คุณย่าที่อายุยืนอีกหลาย ๆ ท่านนะจ๊ะคุณแสง
คือ กินปลา และพืชผักตามธรรมชาติ อยู่กับอากาศดี ๆ
แล้วก็ต้องไม่มีเรื่องเครียด ๆ ด้วยใช่ไหมจ๊ะ
กินปลากินผักอายุยืนครับ
รออ่านเรื่องเล่าของชุมชนที่น่าสนใจมาก
ชอบใจเรื่องเล่าครับ เป็นประวัติของชุมชนได้เลย
สุดยอดมากๆ
ขอบคุณครับ
รออ่านอยู่นะครับ
ขอบคุณ คุณวอญ่ามากนะครับ
นี่คือเหตุบังเอิญที่ได้คุยกับปู่ฉะอ้อน จริง ๆ ครับ
บางครั้งความบังเอิญ ทำให้เราได้ประสบการณ์...สิ่งมีค่าของชีวิตคน ๆ หนึ่ง จริง ๆ เลยนะครับ
ขอบคุณ พี่ยุวนุชที่ให้เกียรติเขียน comment ให้ผมนะครับ
..
เวลามีผู้ใหญ่ใจดี แวะมาทิ้งร่องรอยไว้ในบันทึกเนี่ย!! มีกำลังใจที่จะเขียนมากมายเลยครับพี่
..
ขอบคุณมากนะครับ
น่าอ่านและกำลังสนุกค่ะ :)