nui
นาง เสาวลักษณ์ พัวพัฒนกุล

​The Lobster หนังที่แดกดันวิธีคิดของมนุษย์อย่าง สุดขั้ว หลุดโลก


หนังชื่อน่ากิน ในวิกิพีเดียบอกประเภทหนังเรื่องนี้ว่า เป็น “Science fiction comedy drama film” แปลว่า “หนังชีวิต ตลก แนววิทยาศาสตร์อนาคต” สำหรับฉันคิดว่าเป็นหนังที่ “แดกดันวิธีคิดของมนุษย์อย่างสุดขั้ว และหลุดโลก”

โครงเรื่องเป็นอย่างนี้ค่ะ

โลก (ในจินตนาการของผู้เขียนเรื่อง) มีวิธีคิดทีเบ็ดเสร็จเด็ดขาดว่า มนุษย์ทุกคนต้องมีคู่ และคนเป็นคู่ต้องมีอะไรที่เหมือนๆ กัน? คิดเหมือนกันเด๊ะ ใครไม่มีคู่ก็อยู่ไม่ได้ (โสดจากสาเหตุที่ยังหาคู่ไม่ได้ คู่ทิ้ง หย่า ตาย) มีทางที่ถูก “บังคับ” ให้เลือกอยู่ ๒ ทาง คือ

ทางเลือกที่ ๑ ให้เวลา ๔๕ วันไปอยู่ The Hotel เพื่อหาคู่ ถ้าหาไม่ได้จะถูกจับไปใส่ห้อง “แปลงกาย” เป็นสัตว์ ให้เลือกว่าจะเป็นสัตว์อะไร

เป็นที่มาของชื่อหนัง เพราะพระเอกเลือกจะเป็นกุ้ง Lobster เพราะ “อายุยืนที่สุดในโลก และผสมพันธุ์ได้ตลอดชีวิต”

ที่โรงแรม มีกฎกติกามากมายบังคับ เช่น

- ทุกคนได้รับแจกชุดที่บังคับให้ทุกคนใส่เหมือนๆ กัน เหมือนนักโทษ แต่ชุดนั้นก็สวย หล่อ กันทุกคน

- ให้อยู่ห้องเตียงเดี่ยวจนกว่าคุณจะ “ปิ้ง” ใครสักคนที่คิดว่า “ใช่” ก็ไปบอกผู้จัดการ (เป็นผู้หญิง – นี่ก็บอกว่าผู้หญิงเท่านั้นที่เป็นเผด็จการได้อย่างสะใจ) เธอก็จะสั่งการให้ย้ายไปห้องคู่ ทดลองใช้ชีวิต

- อยู่ห้องคู่กันได้ดีก็จะได้โบนัส ให้ไปอยู่ในเรือยอชท์สุดหรู และแถมลูก (ที่โตแล้ว) ให้เลี้ยง ๑ คน (ประมาณว่าทดลองอยู่แบบครอบครัวที่ “สมบูรณ์” ว่าจะไปรอดมั๊ย)

- ผ่านด่านไปได้ก็จะรอดชีวิต ถูกส่งกลับเข้าเมือง

…………………….

มีรายละเอียดต่างๆ ที่หนังใส่เข้ามา “แดกดันวิธีที่คิดที่สุดขั้ว” เช่น

- ทุกเช้าจะมีแม่บ้านสาวสวยมาในห้อง ถกกระโปรงขึ้น นั่งคร่อม ใช้ก้นถูไถที่อวัยวะเพศของพระเอกจนเริ่มแข็งตัว บอกว่า เพื่อ “ช่วยให้คุณกระตือรือร้นที่จะหาคู่ให้ได้ไวๆ” (แต่หนังไม่บอกว่าในประชากรหญิงของโรงแรมจะทำอย่างไร??)

- ห้าม “ช่วยตัวเอง” โดยเด็ดขาด หากฝ่าฝืนจะถูกผู้จัดการ (ผู้หญิง) ประณามในห้องอาหารเช้า และลงโทษโดยวิธีเอามือเข้าไปในเครื่องปิ้งขนมปัง เปิดไฟให้เผามือ

- เดินอยู่ในเมืองคนเดียวจะถูกตำรวจเข้ามาขอดู “ใบทะเบียนสมรส”

- วันแรกจะถูกมัดมือข้างที่ถนัดเอาไว้ให้คุณรู้สึกอึดอัดคับข้อง (ว่าชีวิตมันไม่ง่าย : เป็นวิธีที่ตื้นเขินมาก ตอนเขียนเรื่องคงคิดอะไรไม่ออก)

- มีกิจกรรมสำคัญให้ทำอย่างหนึ่งคือ “การล่า” ทุกคนจะถูกปล่อยเข้าป่า แจกปืนยิงลูกดอกยาสลบคนละกระบอก ให้ทุกคนไล่ล่ากันเอง ใครยิงได้มากคนก็จะได้โบนัสเป็นวันที่ “ได้อยู่ต่อ” (ในร่างมนุษย์)

…………….

ชายหนุ่มคนหนึ่งเลือกหญิงสาวที่เลือดกำเดาไหลเป็นประจำ โดยเขาแกล้งเอาจมูกไปชนของแข็งเพื่อให้เลือดออกก่อนไปบอกสาวว่า “เราไปทดลองอยู่ด้วยกันเถอะ เพราะเราเหมือนกัน” เขาคนนี้ผ่านด่านไปจนถึงเรืองยอชท์สุดหรู

พระเอกเลือกผู้หญิง “ไร้อารมณ์” มาทดลองอยู่ด้วยกัน สุดท้ายเขาก็ “จัดการ” เธอด้วยวิธียิงให้สลบแล้วลากไปเข้าห้อง “แปลงร่าง” เป็นสัตว์ที่คน “รังเกียจ” มากที่สุด (หนังไม่บอก แต่ให้เราคิดเองว่าเป็น “หมู”) เพราะเธอไปฆ่าสุนัขที่พระเอกเอามาอยู่ด้วยในห้อง (หนังเฉลยตอนนี้ว่า สุนัขตัวนี้คือ “พี่ชาย” ของเขาที่เคยเข้ามาใช้บริการโรงแรม)

…………………………….

ทางเลือกที่ ๒ ปลีกวิเวกไปอยู่ป่า (มีผู้หญิงสาวสวยเป็นหัวหน้าอีก...555…) ทำอะไรได้ทุกอย่าง แต่ต้องทำเพียง “ลำพัง” ไม่ให้มีการสังคมกันโดยเด็ดขาด (นี่ก็สุดขั้ว) มิฉะนั้นจะถูก “กำจัด” โดยการให้ขุดหลุมฝังตัวเอง ให้นอนตายอยู่ในนั้น

หลังจากพระเอกจัดการหญิงไร้อารมณ์ที่เป็นคู่นอนแล้ว เขาหนีมาอยู่กับเผ่านี้ ที่นี่เขาพบผู้หญิงที่ “ใช่” และเป็น “รักแท้” (ตะขิดตะขวงใจที่จะใช้คำนี้มาก แต่แก่นของเรื่องบอกไว้เพราะโปรยของหนังในภาษาไทยคือ “หารักแท้ให้เจอ"

ภารกิจสุดท้ายที่จอมเผด็จการสาวสวยประจำเผ่านี้บัญชาให้ทำคือ การเข้าไป “ป่วน” คู่รักในโรงแรม ๒ คู่ คือ คู่รักในเรือยอชท์ กับ คู่รักของผู้จัดการโรงแรม (ฉันคิดว่า หนังได้ “สื่อ” สาระที่สำคัญมากให้คนดูใน ๒ ฉากนี้)

พระเอกขออาสาไปที่เรือยอชท์ เขาเข้าไปขณะที่ พ่อ-แม่-ลูก “ปลอมๆ” สามคนกำลังนั่งกินอาหาร พระเอก “แฉความจริง” ว่าเขาคนนี้มิได้มีเลือดออกจมูกตามธรรมชาติอย่างที่เข้าใจ แต่แกล้งทำเพื่อหาคู่ ผู้หญิงดูตกใจที่รู้ความจริงนี้ ในขณะที่ทุกคนกำลังนิ่ง เด็กหญิงที่ถูกส่งมาเป็นลูกสาวหยิบมีดส่งให้พ่อบอกว่า “ฆ่าเขาซะ”

ในห้องนอนของคู่ผู้จัดการ ที่ถูกปลุกให้ตื่น และตั้งคำถามว่า “พวกคุณรักกันมากแค่ไหน” และฝ่ายผู้ชายระล่ำระลักพรรณนาถึงความรักที่เขามีให้ผู้หญิงที่เป็นผู้จัดการจอมเฮี๊ยบ คำถามที่สอง คือ จะต้องตายหนึ่งคน คนที่จะไว้ชีวิตต้องเป็นคนที่สามารถใช้ชีวิตต่อไป “เพียงลำพัง” ได้นานที่สุด ก็ผู้ชายอีกนั่นแหละที่ระล่ำระลักพรรณนาว่าเขาจะอยู่ต่อไปได้แน่นอน แล้วเมื่อปืนถูกยัดใส่มือเพื่อให้ฆ่าคู่ของตัวเองซะ ผู้ชาย (อีกนั่นแหละ) ที่ไม่ลังเลที่จะเหนี่ยวไก แต่ ปืนไม่มีลูก

สำหรับฉัน ๒ ฉากนี้คือ ไฮไลท์ ของเรื่องที่มีแก่นสารมากมายอยู่ในนั้น แต่ต้องคิดกันเองว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป

…………………..

ฉากจบ นางเอกถูกส่งตัวไปหาหมอเพื่อทำให้ตาบอด (เพื่ออะไรหนังไม่บอก และทำไมเธอจึงยินยอม หนังก็ไม่บอก – ฉันเองก็คิดไม่ออก) เมื่อพระเอกรู้เขาพาเธอหนีออกมา ไปที่ร้านอาหาร ขอมีดกับส้อม เขาหยิบมีดปลายแหลมสำหรับหั่นเนื้อ บอกนางเอกให้นั่งรอนะ เขาเดินไปห้องน้ำ จ่อปลายแหลมของมีดที่ดวงตา เป็นช็อทที่น่าสะพรึงกลัว แล้วภาพบนจอก็มืดสนิทลง

ขึ้นเครดิตของหนังเพื่อบอกคนดูว่า “หนังจบแล้วนะ”

หนังแบบคนดูต้อง “คิดเยอะ” และตีความเอาเอง คนชอบก็จะชอบ หากไม่ชอบก็จะ “ชัง” ไปเลย

แต่ถ้าวัดจากจำนวนคนดูแล้ว ชื่อเสียงของหนังเรื่องนี้ย่อมไม่ธรรมดา

............................

ฉันไม่รู้ว่ามีใครเดินออกจากโรงกลางเรื่องหรือเปล่า เพราะนั่งดูอยู่แถวหน้าสุด ไปช้าตั๋วหมด แต่อยากดูมาก (ลืมนึกถึงสังขารว่าจะไหวมั๊ย สุดท้ายปวดต้นคอจนต้องค้นกระเป๋าหายาแก้ปวดมากินตอนกลางเรื่อง)

หนังเรียกเสียงหัวเราะเป็นระยะๆ แต่เป็นเสียงหัวเราะที่กระจัดกระจาย ไม่ประสานกันทั้งโรงหรอก แปลว่า ทุกคนไม่ได้เข้าถึง “อารมณ์ขันอันขื่นขม” ที่หนังพยายามสื่อ

ฉันไม่มีอารมณ์ขันให้หนัง มีแต่ความฉงนปนทึ่ง?? ที่หนังช่างหาวิธีตั้งคำถามกับมนุษย์ได้หลุดโลกขนาดนี้

..........................

ขับรถกลับบ้าน คุยกันสองคนถึงฉากจบว่าสุดท้ายพระเอกจะตาบอดมั๊ย เราสองคนมีคำตอบที่ต่างกัน และเหตุผลที่ต่างกัน.

………………….

อาทิตย์ ๒๒ พฤศจิกายน ๒๕๕๘

บันทึกเพิ่มเติม : เกี่ยวกับหนังและผู้กำกับภาพยนตร์

“The Lobster” เป็นหนังที่ระดมทุนร่วมกันสร้างจากหลายๆ ชาติ (International co-produced) ผู้กำกับเป็นชาว Greek ชื่อ ยอร์กอส ลานธิมอส (Yagos Lanthimos) และเขาได้ร่วมเขียนบทภาพยนตร์ด้วย (เพื่อให้ได้อย่างใจ ผู้กำกับดังๆ มักร่วมเขียนบท เพราะบทเป็นหัวใจของหนัง และ ผู้กำกับ เป็นผู้กุมหัวใจของหนังไว้ในมือ)

ผู้กำกับ “ยอร์กอส ลานธิมอส” เคยมีผลงานเด่นๆ เช่น Dogtooth (2009) ได้รับรางวัลสาขา Award of the Youth และ Un Certain Regard Award ซึ่งเป็นรางวัลสำหรับผู้กำกับหน้าใหม่ จากเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์มาได้เมื่อปี ๒๐๐๙ เขาเคยได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ในสาขาภาพยนตร์ภาษาต่างประเทศยอดเยี่ยมเมื่อปี ๒๐๑๑ ซึ่งคงเป็นผู้กำกับที่ไม่ธรรมดาแน่นอน

หนังได้รับการคัดเลือกให้เข้าฉายในเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ ปี ๒๐๑๕ เมื่อต้นปีนี้เอง ได้รับรางวัล ‘Jury Prize’ (จูรี่ไพรส์) หรือ รางวัลขวัญใจกรรมการ

นำแสดงโดยดาราคุณภาพ เช่น โคลิน ฟาร์เรล (Colin Farrell) , ราเชล ไวสซ์ (Rachel Weisz) เป็นนักแสดงนำ

คำสำคัญ (Tags): #The Lobster
หมายเลขบันทึก: 597603เขียนเมื่อ 22 พฤศจิกายน 2015 12:43 น. ()แก้ไขเมื่อ 22 พฤศจิกายน 2015 12:43 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (22)

สรุป ว่าผมชอบและอยากดู The lobster คนหนึ่งครับ....ขอบคุณครับ

อาจารย์ วินัย เจริญเฉลิมศักดิ์ (น.ม.) ไปดูแล้วมาเขียนบันทึกแลกเปลี่ยนกันนะคะ ดิฉันคิดว่าน่าจะมีมุมมองที่หลากหลายจากหนังเรื่องนี้ค่ะ

หนังเพิ่งฉายที่กรุงเทพ เมื่อวันพฤหัสเองค่ะน้องครู คุณมะเดื่อ คนแน่นโรง พี่ไม่ได้ชอบหนังแนวนี้ แต่ดูได้

น่าแปลกใจค่ะอาจารย์ อาจารย์ต้น ที่คนเต็มโรง อาจเพราะความแปลก และชื่อผู้กำกับ

ขอบคุณค่ะ คุณ บุษยมาศ ที่แวะมามอบดอกไม้

เรื่องแปลก ๆ แบบนี้คงดูไปหลับไปค่ะ

หนังแปลกแหวกแนวที่สุดค่ะพี่นุ้ย คงออกไปในแนวโหดและตื่นเต้นทั้งเรื่องนะคะ กุหลาบคงไม่กล้ดูแนวนี้

น่ากลัวจังค่ะพี่นุ้ย

ขอบคุณค่ะอาจารย์ดร.กัลยา มีภาพรุนแรงหลายๆ ตอน ถ้ารู้แต่แรก ไม่เข้าไปดูหรอกค่ะ

ขอบคุณน้องกุหลาบที่แวะมาอ่าน โหดมากไป ไม่ใช่ไตล์พี่ชอบเลยค่ะ คาดการณ์ผิด คิดว่าเป็น romantic comedy ค่ะ

แต่ก็มีเรื่องให้ขบคิดต่อ ซึ่งถามว่าจำเป็นต้องนำเสนอให้หลุดโลกแบบนี้มั๊ย อันนี้เป็นสไตล์ผู้กำกับแต่ละคน คนดูหนังบางคนชอบ แต่ไม่ใช่พี่แน่

น่ากลัวค่ะ แม้มีเรื่องให้คิด และตีความได้เยอะ ถ้าเราจะค้นหาประโยชน์จากหนัง ซึ่งสะท้อนสังคม และวิธีคิดของมนุษย์แต่ละยุค

ขอบคุณค่ะอ.จัน จันทวรรณ ที่มาให้กำลังใจ

พี่หนุ่ยคิดถึงจัง ไม่ได้เข้ามานานเลยครับผม ผมสบายดี

มาวันนี้ พี่เริ่มเป็นนักวิจารณ์หนังไปแล้ว 555

มุมมองที่เฉียบคม และลึกซึ้ง

ต้องไปหาดูแล้วครับ

ได้ฟังเพลง "ไม่เคย" คิดถึงพี่ทุกที

ฉันไม่เคยรู้ คนที่สำคัญ นั้นมีค่าแค่ไหน
ฉันไม่เคยรู้ วันที่สวยงาม นั้นมีค่าเท่าไร
ไม่เคยรู้เวลาที่เรามีกัน นั้นดีเท่าไร
ไม่เคยรู้ว่าความคิดถึงมันทรมานแค่ไหน
ไม่เคย ไม่เคย ไม่เคย

หายไปนานจริงๆ นะคะน้อง ทิมดาบ แอบไปเที่ยวไหน??

จริงๆ แล้วหนังเรื่องนี้ไม่ใช่แนวหนังที่พี่ชอบเลยค่ะ มันโหดมากไป พี่ชอบหนังชีวิตหนัก หรือ หนังสนุก ที่มีแง่มุมชีวิตให้คิดมากกว่าแนวโหด หลุดโลกแบบนี้ แต่เมื่อไปดูก็ได้อะไรเป็นอาหารสมองมาบ้าง อย่าไปดูเลยค่ะ ไม่แนะนำหรอกค่ะ

เอาเป็นว่า ถ้าน้องชอบหนังแนวไหน แล้วหาซื้อไม่ได้ บอกพี่มา พี่เข้ากรุงเทพ มีร้านประจำ จะซื้อส่งไปให้ อย่าได้เกรงใจนะคะ

ขอบคุณสำหรับเพลงเพราะๆ ค่ะน้อง

ยังไม่ได้ดูเรื่องนี้เลยครับ

จะลองไปดู

ขอบคุณพี่นุ้ยที่แนะนำ

ท่าทางสนุกมาก

ผักพี่เป็นอย่างไรบ้างครับ

อย่าไปดูเลยน้อง ไม่สนุกหรอก โหดไป

หนอนกินใบกวางตุ้งซะพรุน มะระโตไวมาก

เผลอไปนิด มะนาวถูกหนอนกินยอดซะเกือบเกลี้ยง ช่างมัน เดี๋ยวก็แตกใหม้

ดูได้ ชม นึง เดินออกค่ะ

ถ้าไปดูคนเดียวก็คงลุกไปก่อนหนังจบเหมือนกันค่ะคุณ w.

ขอบคุณดอกไม้ค่ะอาจารย์ อ.นุ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท