​"ไว้ทุกข์"


เช้าวันศุกร์ที่ ๑๔ ตุลาคม ๒๕๕๙ ตื่นขึ้นมาด้วยความรู้สึกที่ผิดปกติ ผิดปกติไปเสียหมดทุกอย่าง ไม่สดชื่น กล้ามเนื้อใบหน้าเมื่อยตึง หายใจเหมือนจะตื้นแผ่ว รู้สึกเหมือนกับหัวใจเต้นอ่อน ลุกขึ้นนั่งสำรวจดู ร่างกายเราก็ยังเหมือนเดิม หายใจลึกก็เข้าได้คล่อง คลำชีพจรก็เต้นปกติดี ก็วินิจฉัยว่า "เพราะเราทุกข์" นั่นเอง

สมุหฐานของทุกข์นั้นทราบดีอยู่แล้ว แต่ก้อนอารมณ์ทุกข์ไม่เคยชัดเจนให้สัมผัสได้ขนาดนี้มาก่อนเท่านั้น อาจจะเป็นเพราะเราตั้งใจมองหามันอยู่ ตั้งใจที่จะรับรู้และเห็นมันอยู่ เพื่อที่จะได้รับทราบความจริงแท้อีกประการหนึ่งที่ถูกส่งมาให้เราได้เรียนรู้

"พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศ เสด็จสู่สวรรคาลัยแล้ว"

ความทุกข์เกิดขึ้นเพราะเราไม่ต้องการ ไม่ปราถนาจะให้บางสิ่งบางอย่างเกิดขึ้น เราปราถนาในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ เราทุ่มเทความหวัง เราทุ่มเทความรักสุดหัวใจ ให้กับสิ่งที่ต้องแตกดับไปในที่สุด ต้องเกิดขึ้นในที่สุด เมื่อเราเห็นเช่นนี้แล้ว เข้าใจเช่นนี้แล้ว ก้อนความทุกข์นั้นชัดเจนขึ้น ไม่ขมุกขมัว ก็ปรากฎว่ามันทำร้ายเราน้อยลง

@ ทำไมเราจะไม่รัก ในเมื่อสิ่งที่พระองค์ท่านทรงกระทำมาตลอดระยะเวลาทั้งชีวิตของเรา (และก่อนที่จะมีชีวิตของเราเกิดขึ้นมาเสียอีก) เป็นคุณงามความดีที่สุดที่มนุษย์คนหนึ่งจะสามารถกระทำได้
@ ทำไมเราจะไม่รัก ในเมื่อสิ่งที่พระองค์ท่านทรงกระทำมาตลอดนั้น ต้องใช้พระวิริยะ อุตสาหะ ทมะ และขันติอย่างถึงที่สุด ด้วยความยากลำบากทั้งทางกายและจิตใจอย่างที่สุด เป็นเวลาถึง ๗๐ ปี
@ ทำไมเราจะไม่รัก ในเมื่อสิ่งที่พระองค์ท่านทรงมอบให้แก่พสกนิกรนั้น มีแต่พระเมตตาบารมี ไม่เคยทรงถือโทษโกรธเคืองมีแต่จะพระราชทานอภัยแก่ผู้ที่กระทำผิด ผู้ที่หลงผิด
@ ทำไมเราจะไม่รัก ในเมื่อพระราชปณิธานของพระองค์ท่าน ล้วนแล้วแต่กระทำเพื่อความผาสุกของประชาราษฎร์ เป็นมรดกอันทรงคุณค่าที่สุดต่อแผ่นดิน ทรงสำแดงให้ประชาราษฎร์ประจักษ์ว่า ศักยภาพของคนนั้นอยู่ที่ความรัก ความเมตตา ความมุ่งมั่นหมั่นเพียร ซึ่งจะทำให้เราไม่มีขีดจำกัด ประเทศของเรามีเรื่องนี้เป็นสิ่งที่เราจะต้องสืบสาน ต้องนำมาใคร่ครวญ และยึดปฏิบัติ
@ ทำไมเราจะไม่รัก ในเมื่อพระองค์ทรงพระราชทานเรี่ยวแรงทุกหยาดพระเสโท พระปรีชา พระสัมมาทิฎฐิ มาตลอดพระชนมาชีพ เพื่อให้พวกเรามีความสุข มีความภาคภูมิใจในความเป็นไทย มีสิ่งที่จะมอบต่อไปแก่คนรุ่นหลังอย่างมีศักดิ์ศรีและสง่างาม

ทุกสิ่งทุกประการที่ทำให้เรารักพระองค์ท่านนั้น ไม่มีวันแตกดับ ไม่มีวันเสื่อมลงไป ขอเพียงพวกเราน้อมรับสิ่งเหล่านี้มาเป็นสิริมงคลต่อชีวิตของเรา

ขอมองความทุกข์ที่เกิดขึ้นในใจของเราให้ชัดเจน เพราะความทุกข์นี้เป็นความจริงแท้ของอารมณ์ของเรา ขอปล่อยให้น้ำตาของเราไหลออกมา เพราะนี้คือสิ่งที่เรากำลังรู้สึก ขอให้ก้อนสะอื้นในคอของเราทำให้เรารู้ว่าเรารักพระองค์ท่านมากแค่ไหน จิตใจของเราจะยังไม่ปกติ สมาธิอาจจะถดถอยลง สีสันของชีวิตจะดูพร่มมัว จินตนาการของเราจะไม่ชัดเจน ไม่แจ่มใส อาจจะใช้เวลาหลายวัน หรือเป็นอาทิตย์ แต่ให้ความทุกข์นี้ไหลผ่านร่างกายของเราออกมาให้หมด ไม่เก็บกักเอาไว้ การ "ไว้ทุกข์" คือการมองเห็นทุกข์ เห็นให้ชัด รับรู้ให้ชัด และเข้าใจในที่มาว่าทำไมเราถึงทุกข์

เพราะพวกเรา พสกนิกรของพระองค์ท่าน ยังมีงานสำคัญที่จะต้องทำรอคอยอยู่ เรายังมีรอยพระบาทของพระองค์ท่านทั่วผืนแผ่นดินไทย ที่เราควรจะต้องดำเนินตาม ตามรอยพระบาท ตามรอยพระราชปณิธาน เราจงจัดการความทุกข์ของเราในแบบที่เราแต่ละคนต้องกระทำ เพื่อที่เราจะกลับมาทำหน้าที่ของเราให้เต็มที่ หน้าที่ต่อตัวเราเอง ต่อครอบครัว และต่อชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์

ทุกข์เหลือเกิน ร้องไห้ก็ไม่หาย คงจะต้องใช้สติให้ดี ใช้สิ่งที่เรามี เราเป็น และเรากระทำ นำสติของเรากลับมาให้ได้

นายแพทย์สกล สิงหะ
หน่วยชีวันตาภิบาล โรงพยาบาลสงขลานครินทร์
วันศุกร์ที่ ๑๔ ตุลาคม ๒๕๕๙ เวลา ๘ นาฬิกา ๒๐ นาที
วันขึ้น ๑๓ ค่ำ เดือน ๑๑ ปีวอก

คำสำคัญ (Tags): #ทุกข์
หมายเลขบันทึก: 616980เขียนเมื่อ 14 ตุลาคม 2016 08:23 น. ()แก้ไขเมื่อ 14 ตุลาคม 2016 08:23 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)

อ่านแล้ว

น้ำตาไหลง่ายมาก

ช่วงนี้



พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท