นานแล้วที่ไม่ได้เขียนอะไรจากการทำงาน ทั้งๆที่ยังคงทำงานคล้ายๆเดิมอยู่ตลอด แต่วันนี้เป็นวันที่รู้สึกอยากเขียนบันทึกเก็บไว้ เพราะได้สะท้อนคิดจากการรับโทรศัพท์หลายๆสายมาทั้งวัน เนื่องจากนั่งทำงานอยู่ในจุดที่ต้องตรวจสอบการรายงานผลแล็บและทำหน้าที่รับโทรศัพท์ไปด้วย
เนื่องจากเป็นวันหยุด แล็บที่ส่งเข้ามาก็จะไม่เหมือนวันธรรมดาเสียทีเดียว คุณหมอที่รอผลก็น่าจะมีคนไข้น้อยกว่าปกติ และจากระบบงานที่เมื่อรับคนไข้นอกหมดแล้วก็สามารถจะเสร็จงานไปทำอย่างอื่นได้เลย ทำให้เราจะได้รับเสียงเร่งแล็บว่า ขอด่วนได้ไหมคะ หมอจะไปแล้ว เราก็ตอบไปว่า ทุกรายตอนนี้ก็เหมือนด่วนหมดนะคะ เพราะงานไม่มาก ขั้นตอนที่ทำก็เลยดำเนินไปได้เร็วเพราะไม่มีตัวอย่างตรวจมากจนต้องรอคิวระบบ กำลังดำเนินการอยู่ พออีกสักพัก มีเสียงโทรศัพท์ตามรายนี้เป็นครั้งที่สาม (ห่างกันไม่เกินสิบนาที จากครั้งแรกที่บอกไปว่าน่าจะไม่เกินยี่สิบนาที) ทำให้ตอบน้องที่โทรไปว่า พี่ก็กำลังเฝ้ารออยู่ที่นี่เหมือนกันค่ะ ผลออกปั๊บก็เตรียมตรวจสอบรายงานออกไปให้ทันทีเลยค่ะ ได้ยินเสียงปลายสายกลั้วหัวเราะเล็กน้อยว่า อ๋อ...ค่ะ ค่ะ ทำให้เรารู้สึกว่า การที่เราบอกสิ่งที่เราคิดออกไปเช่นกัน อาจจะช่วยให้เกิดความรู้สึกร่วม ทำให้คนรอรู้สึกดีไปด้วยว่า เราก็ใส่ใจอยู่
ส่วนอีกรายที่ชวนขำก็คือ มีเสียงพยาบาลโทรเร่งแล็บ บอกว่านี่คุณหมอนั่งจ้องจอ รอผลอยู่ค่ะ เราก็เลยได้ตอบไปว่า พี่ก็กำลังจ้องจอรอออกผลให้เหมือนกันค่ะ ผลออกมาปั๊บจะรายงานออกไปให้ทันทีปุ๊บเลยค่ะ คนฟังก็หัวเราะ อ๋อ...ค่ะ ค่ะ...ได้ยิ้มกันไป
ได้รู้สึกว่า การเอาใจเขามาใส่ใจเรานั้น ช่วยให้ทุกเรื่องดำเนินไปง่ายขึ้นจริงๆ
นึกถึงหน้าคนทางปลายสายของพี่โอ๋ตอนแรกได้เลยค่ะ หน้าคงเข้ม คิ้วขมวด
พอพี่โอ๋หยอดอารมณ์ขันและอารมณ์ร่วม เลียนคำพูด .... จ้องจอรอออกผลให้
ทั้งคุณพยาบาลและคุณหมอทางโน้นคงยิ้มออก ยิ้มแป้น .... ไม่มีใครอยากช้าหรอก
ต่างเข้าใจซึ่งกันและกันนะคะ
เอาใจเราไปใส่ใจเขา
พี่แก้วชอบคิดแบบนี้
ถ้าเราเป็นเขา
เขาต้องการอะไร
ก็ทำ
เมตตาค้ำจุนโลกครับ...สาธุๆๆ