หมอเจ๊ คนสวย แซ่เฮ
พ.ญ. ศิริรัตน์ เอกศิลป์ สุวันทโรจน์

วันวานรำลึก (๓๖) : ธนาคารเวลา


สะดุดกับคำว่า "ธนาคารเวลา"  ถ้าใช้เวลาเฉกเช่นบรรพบุรุษ เพดานที่ฝากได้จะอยู่ราวๆ ๘๐ ปี

๖๐ ปีเข้าไปแล้ว ใช้ไปกับอะไรบ้าง ทบทวนดูหน่อยดีกว่า

สิบปีแรก...หมดไปกับความไร้เดียงสา และการบ่มเพาะความมีเดียงสาจากผู้คนรอบตัว ทำความรู้จักภาษาพูด เขียน และดนตรี ที่มีพื้นที่เรียนรู้ทั้งนอกรั้วและในรั้วโรงเรียน

สิบปีที่สอง....หมดไปกับการเล่าเรียน ทำความรู้จักการเปลี่ยนแปลงวัย ฝึกอยู่ร่วมในสังคมต่างเพศ ต่างวัย ต่างวุฒิ ใช้พื้นที่ในเมืองหลวงเป็นที่เรียน ทำความรู้จักกับคำว่า "กรุงเทพฯ เมืองฟ้าอมร เมืองหลวงของไทย" แล้วก็ได้รู้จักอิทธิฤทธิ์ของการเมือง เข้าใจลึกซึ้งถึงความหมายของคำว่า "สูญเสีย"

สิบปีที่สาม....หมดไปกับการใช้ชีวิต เที่ยว เล่น ทำความรู้จักความหลากหลายของโรงพยาบาล ความหลากหลายของคนที่มีอาชีพในรั้วโรงพยาบาล ทำงานหาเงินใช้หนี้ที่กู้มาเรียน  ริอ่านสร้างครอบครัวใหม่ เริ่มบทบาทคุณแม่ลูกสอง รู้จักกับสินค้าเงินผ่อน และห่วงโซ่หมุนเวียนเงินตรา

สิบปีที่ สี่.....หมดไปกับการสร้างฐานะครอบครัวให้มั่นคง ก้าวเดินและเรียนรู้วิชาจัดการชีวิต ฝึกภาวะผู้นำ สัมผัสชีวิตการงานของผู้นำทีม

สิบปีที่ห้า.....หมดไปกับการบำรุงรักษาสิ่งดีๆไว้ให้องค์กร สิ่งดีๆในชีวิต สะสมความดี ปฏิรูปการใช้ชีวิต ชีวิตมีโชค ได้สัมผัสและรู้จักปัญญาสามฐาน (ฐานกาย ฐานสมอง ฐานใจ)

สิบปีที่หก.....หมดไปกับการหัวหกก้นขวิดเรียนรู้การเติมความมั่นคงให้ชีวิตที่มีปัญญาสามฐานคอยดูแล มีธรรมนำทาง ดูแลสุขภาพใจ-กาย สร้างสมดุลโลกภายใน-โลกภายนอก ดำรงอยู่กับความปิติสุขแห่งศานติในใจตน มีกาย-ใจให้แข็งแรงพร้อมสู้โลกจนหมดเวลาที่สามารถเบิกมาใช้

เหลือสิบปีอยู่อีก ๒ รอบ.....จะหมดไปกับอะไรดี....ปล่อยวางทุกสิ่ง รอคอยการกลับบ้านด้วยใจมั่นดีมั๊ย....ก็ต้องถอนเวลามาตามหาคำตอบ

หากเวลา คือ หน่วยเงินในกำมือของเราที่เอาไปแลกสิ่งอื่น.....๒๐ ปีนี้เป็นไปได้มั๊ยว่ายังมีให้เอาไปแลกกับอะไรได้

ก็ไม่อาจรู้ว่า...จะมีให้ใช้ครบมั้ย...และจะอย่างไรก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญ.....หวนมองการใช้เวลา"สิบปีครั้ง" ว่าคุ้มค่าหรือเปล่าเหอะ

แล้วก็สามารถพูดเต็มปากว่า ได้ใช้มันไปอย่างคุ้มค่า....ไม่เสียดายเลยกับการใช้มันด้วยความเรียบง่าย สนุกตลอดมา

ก็มีเจ็บปวดบ้างนะ....แต่นั่นคือการเรียนรู้.....มีบำรุงบ้าง....แต่นั่นคือการเรียนรู้เพื่อควบคุมความกระหาย

มีว้าวุ่นบ้างแต่นั่นคือจุดเริ่มของการได้ความรู้ ได้เรียนรู้ ได้รู้จัก ได้เข้าใจ ทำได้บ้าง ไม่ได้บ้าง และทำได้มากขึ้นกับคำว่า "ปล่อยวาง"

มียอมคนบ้าง ซึ่งมิใช่เป็นความพ่ายแพ้ แต่นั่นคือการรู้จักมองมุมบวก ใช้เหตุใช้ผลตัดสินใจเพื่อประโยชน์โดยรวมแห่งผู้คน รู้จักคำว่า "อภัย" รู้จักให้อภัยตนเอง

มีอำนาจบ้าง ซึ่งเป็นจุดเริ่มให้รู้จักความน่ากลัวของอัตตา แต่นั่นคือการเปิดโอกาสให้รู้จักถ่อมตน ละวางอำนาจ รู้ทันอัตตา

มีเหนื่อยบ้าง แต่นั่นคือจุดเริ่มให้สนใจการปรับชีวิตให้ดำเนินไปบนทางสายกลางของตน ปรับรูปแบบการพักผ่อนให้สอดคล้องกับจริตตน

มีเงินเพื่อชดใช้พระคุณพ่อแม่ รับหน้าที่ใช้หนี้แทนคุณ.....สะสมเงินเพื่อให้พอเพียงใช้สอย....ฐานะมั่นคง ไม่ใช่เพื่อรวย

เรียนรู้ความพอเพียงจากครูทุกผู้ที่ผ่านเข้ามาในชีวิต.....มีธุระแบบยุ่งๆบ้าง เบาบางบ้าง.....แต่นั่นคือการทำความรู้จักการปรับเปลี่ยน และแปรไปสู่การตัดสินใจว่าแค่ไหนพอ แค่ไหนต้องพักผ่อน

ดำรงชีวิตไป หมั่นเตือนตนไปทุกวันว่าชีวิตสั้นนัก.....จงรู้จักใส่ใจตัวเองบ้าง...ให้รางวัลตัวเองบ้าง....กิน...เที่ยว...เล่นไป....

มีเรื่องกลุ้ม ไม่ยึดไว้ ไม่เก็บไว้ ปล่อยมันไปจากหัว จากใจให้เป็น.... สุขสบายให้ได้ทุกเมื่อ...เผื่อเวลาไว้สังสรรค์กับเพื่อน....

กอดเวลาที่ได้อยู่ร่วมกับคนดีๆไว้....โอบกอดกันด้วยความรักให้ชื่นใจ...ทั้งกับพ่อ แม่ ลูก สามี พี่ น้อง และเพื่อนที่ดี....

ทุกเวลาที่ได้อยู่ด้วยกัน....โกรธกันง่ายๆได้....ก็ดีกันง่ายๆได้....มิกอดความโกรธไว้กับตัวทุกโมงยาม....ปล่อยความโกรธทิ้งไป....แล้วหยิบความสงบใจมากอดกับตัวเข้าไว้ทุกเพลา

สรุปได้ว่าคุ้มสุดคุ้มกับ ๖๐ ปีที่ผ่านไป.....นี่ก็ถอนเวลามาใช้เพิ่มอีกหน่อย....ก็หวังว่าเมื่อครบ ๑๐ ปีที่เจ็ดจะสามารถมาทบทวนและเล่าสู่กันฟังได้อีก

๖ สิงหาคม ๒๕๖๐

คำสำคัญ (Tags): #บันทึกประจำวัน
หมายเลขบันทึก: 632735เขียนเมื่อ 6 สิงหาคม 2017 23:34 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 สิงหาคม 2017 23:36 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (3)

After 60, it's time to return the favours (that we have taken for granted) to society, country and 'earth'.

I think nowadays these

"...สิบปีแรก...หมดไปกับความไร้เดียงสา และการบ่มเพาะความมีเดียงสาจากผู้คนรอบตัว ทำความรู้จักภาษาพูด เขียน และดนตรี ที่มีพื้นที่เรียนรู้ทั้งนอกรั้วและในรั้วโรงเรียน

สิบปีที่สอง....หมดไปกับการเล่าเรียน ทำความรู้จักการเปลี่ยนแปลงวัย ฝึกอยู่ร่วมในสังคมต่างเพศ ต่างวัย ต่างวุฒิ ใช้พื้นที่ในเมืองหลวงเป็นที่เรียน ทำความรู้จักกับคำว่า "กรุงเทพฯ เมืองฟ้าอมร เมืองหลวงของไทย" แล้วก็ได้รู้จักอิทธิฤทธิ์ของการเมือง เข้าใจลึกซึ้งถึงความหมายของคำว่า "สูญเสีย"..."

are crammed in the first 10-13 years ;-) the Internet and Facebook,... make children grow fast!

ธนาคาร..เวลา..ไม่มี..ดอกเบี้ย..รายปี..หรือรายวัน....หยิบยืมก็ไม่ได้..อิอิ..

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท