คิดว่าตัวเองแข้มแข็ง และเข้าใจว่าการเดินทางไปครั้งนี้ของลูกสาวก็แค่ 10 เดือนเหมือนสมัยเราไปเรียนมหาวิทยาลัย ก็ต้องไปอยู่กับเพื่อนดูแลตัวเอง ติดต่อทางบ้านด้วยตู้โทรศัพท์หยอดเหรียญ ซึ่งสมัยนี้สบายกว่ารุ่นเราเยอะ คิดถึงก็โทร line มาได้ เค้าว่าเมกาไม่ได้มี wifi เกลื่อนเหมือนบ้านเรา แต่ก็คิดเอาเองว่าก็คงไม่ลำเค็ญขนาดนั้นม้างงงงงง............
วันไปส่งขึ้นเครื่องพอทีมงานบอกว่า "อ้าว! ไปบอกลาคุณพ่อคุณแม่ซะ แล้วเดี๋ยวปีหน้าเจอกัน " ภาพที่เห็นคือ ยัยลูกสาวหัวฟู ที่ก่อนหน้านี้อยากไปมาก ไม่เคยพูดว่าจะคิดถึงพ่อแม่เลย บอกแต่จะคิดถึงไอ้ลูฟี แมวตัวโปรดของเธอ แม่หนูหัวฟูน้ำตาร่วงพร่อยๆๆๆ แม่มันก็ไหลตาม ใจหายวูบ พอเหลียวไปดูพ่อ ลุง ปู่ย่าที่มาส่งก็ตาแดงกันเป็นทิวแถว
ก็ใจหาย บวกเป็นห่วงมาก เพราะเธอไป USA กันเองกับกลุ่มเพื่อน yfu แค่ 4 คน แล้วต้องไปต่อเครื่องที่ฮ่องกงกันตามลำพัง ไม่มีทีมงานไปรอรับ ลุงก็สั่งให้ระวังคนจีนหยิบกระเป๋ากับพาสปอร์ตไประหว่างที่ต้องเอากระเป๋าวางบนสายพานตรวจ ทีนี้แม่ก็ตั้งเวลาในโทรศัพท์เป็น 3 ประเทศเพื่อเทียบเวลา ฮ่องกง USA พอดูเวลาที่ถึงฮ่องกงก็ติดต่อไป OK ลูกถึงแล้วไม่มีปัญหา หา gate เจอล่ะ
ทีนี้ก็ยังบินต่อ 4 คนไปถึง USA แล้วก็ต้องบินต่อเดี่ยวไปรัฐที่ host อยู่ตัวใครตัวมันล่ะ ก็ดีที่ host เค้าแจ้งผ่าน massage มาบอกตลอด แต่แม่ก็นอนไม่หลับล่ะคืนนั้น ลุกดูนาฬิกา กับ massage ตลอดซึ่งมันคือกลางวันของเค้าทาง USA พอเห็นภาพว่าลูกยิ้มร่าอยู่กับ host แล้วก็สบายใจ
กว่าจะถึงวันนี้ ตั้งแต่วันที่ 2 สิงหาคมที่ลูกเดินทางไปก็ครบ 10 วันพรุ่งนี้ ก็ต้องใช้สมาธิ เตือนจิตใจตัวเองให้อยู่กับปัจจุบัน ให้เชื่อในความดีที่มี ให้เชื่อในจังหวะชีวิตที่ธรรมะจัดสรร ก็คลายอาการที่เฝ้าตามส่องดูข่าวลูกใน line ว่าลูกอ่านแล้ว ลูกส่งข่าวมาได้แล้ว กับส่อง massage ว่า host จะส่งข่าวอะไรมาบ้าง
ก็ทำใจค่ะ USA เค้าเข้มข้นเรื่องสิทธิส่วนบุคคลจริงจังมาก แต่บอกว่า คิดถึงจริงๆ แรกๆ ทำงานไม่สนุกเลย มันซึม พอได้ข่าวซักหน่อยก็ happy ได้
ให้กำลังใจคุณแม่ ดูเขาเติบโตครับ
ตอนนี้น่าจะสบายมากแล้วค่ะ แค่ 2 เดือนน้ำหนักขึ้นมา 6 กิโล กำลังคุมน้ำหนักค่ะ เสื้อผ้าจะใส่ไม่ได้