คณะของเราเป็นพวกชอบนั่งรถไฟค่ะ สิ่งที่ได้เห็นระหว่างทางมอบความเบิกบานให้พอๆกับจุดหมายปลายทางเลยทีเดียวค่ะ
รถไฟญี่ปุ่นนั้นก็แสนดีสะดวก สบาย สะอาด ช่างน่านั่ง แถมยังมีหลายรูปแบบ มีเส้นทางที่น่าชมทั้งนั้น
วันนี้เราจะไปนั่งรถไฟไปในทิศทางเดียวกับเมื่อวาน แล้วไปต่อรถไฟอีกขบวน
จากโอซาก้า นั่งชิงกันเซ็นไปลง สถานีOkayama เพื่อนั่งรถไฟข้ามทะเลจาก เกาะฮอนชู Honshu ไปสู่ เกาะชิโกกุ Shikoku ซึ่งเป็นเกาะใหญ่อีกเกาะค่ะ
เกาะชิโกกุนี้ใหญ่เป็นอันดับ 4 ของญี่ปุ่น ประกอบไปด้วย 4 จังหวัด (Prefecture) ดูจากภาพ จะเห็นว่ามีสนามบินถึง 4 แห่ง ประจำแต่ละจังหวัด
http://www.japan-guide.com/list/e1107.html
ส่วนภาพด้านล่างนี้ จะเห็นเส้นแสดงการเชื่อมต่อเกาะใหญ่สุด เกาะฮอนชู กับ เกาะชิโกกุ ด้วยระบบสะพาน 3 เส้นทาง เส้น สีแดง สีเหลือง และ สีเขียว
https://commons.wikimedia.org/wiki/File:Map_of_Honshu-Shikoku_Bridge_Project.svg
เรานั่งรถไฟข้ามทางเส้นสีเขียวค่ะ
เส้นทางอีกสองเส้นทางก็เป็นระบบสะพานหลายอันเชื่อมต่อเข้าด้วยกัน แต่ไม่ได้สร้างเป็นสองชั้นให้มีรางรถไฟเช่นเส้นทางที่เรานั่งค่ะ
แค่เส้นทางข้ามเกาะก็คุ้มค่า งดงาม เป็นการเดินทางที่ไม่ธรรมดาเลยล่ะค่ะ เพราะ Seto Ohashi Bridge นั้นเป็น สะพานสองชั้น ที่ทอดข้าม ทะเลในเซโตะ – Seto Inland Sea
สะพานชั้นบนเป็นถนน highway 4 เลน ไป/กลับ ด้านละ 2 เลน
สะพานชั้นล่างเป็นรางรถไฟ ไป/กลับ ด้านละ 1 ราง และสร้างไว้รองรับรถไฟชิงกันเซ็นอีกด้วย
เรานั่งรถไฟ Rapid Express Marine Liner จากสถานี Okayama ใช้เวลาราว 20 นาที ถึง Takamatsu Station บนเกาะชิโกกุ
ให้ชมภาพสะพานและเกาะต่างๆ ภาพใหญ่ตรงกลางนำมาจาก Wikipedia นี้ให้ความรู้สึกอลังการดีกว่าคำบรรยายแน่นอน สะพานนั้นทอดข้ามไปเชื่อมเกาะ 5 เกาะเข้าด้วยกัน เป็นระบบสะพานหลัก 6 สะพานด้วยกัน น่าทึ่งใช่ไหมคะ
Seto Ohashi Bridge ภาพใหญ่ตรงกลาง
By Hideyuki KAMON from Takarazuka / 宝塚市, Hyogo / 兵庫県, Japan / 日本 – originally posted to Flickr as Seto-Ohashi Bridge, CC BY-SA 2.0, https://commons.wikimedia.org/w/index.php?curid=10267745
ความยาวของสะพานนี้ คือ 13.1 กิโลเมตร
Seto Ohashi Bridge จึงได้รับตำแหน่งสะพานสองชั้นที่ยาวที่สุดในโลก (The world’s longest two-tiered bridge system)
และสำหรับคนญี่ปุ่น มันคือ The Great Seto Bridge
*****
ปัจจุบัน เมืองทาคามัทสึ บริเวณรอบสถานีเขาพัฒนาเป็นย่านธุรกิจและร้านค้าสมัยใหม่ที่เราไม่ได้สนใจ
ท่าเรือของเมืองทาคามัทสึนั้นเคยมีความสำคัญในการเป็นช่องทางหลักเพื่อกระจายส่งสินค้าไปยังเมืองต่างๆบนเกาะ แต่พอมีสะพาน The Great Seto Bridge ในปี 1988 บทบาทของการเป็นเมืองท่าของเมืองทาคามัทสึก็ลดความสำคัญลง
ขนาดในเมืองที่เป็นเมืองหลวงของจังหวัด ก็ยังดูเงียบมากค่ะ รถบัสโบราณสีเขียวแดงนั้น เป็นรถนำเที่ยวชมเมืองเส้นทางเป็นวง (Loop Bus)
*****
สวนริทสึรินมีชื่อสียงมายาวนานตั้งแต่ยุคเอโดะ และขึ้นชื่อความงาม
ระยะทางจากสถานีรถไฟไปถึงสวน 2 กิโลเมตร จากแผนที่บอกว่าทางไปสวนจะนั่งรถไฟก็ได้ แต่ทางเดินไปก็เป็นย่านร้านรวง เราเลยตกลงกันว่าขาไปเดินก็แล้วกัน แล้วจะหาข้าวกลางวันทานกันระหว่างทาง เพื่อจะได้ไปเดินย่อยอาหารในสวน ขากลับออกจากสวนแล้วค่อยนั่งรถไฟกลับไปที่สถานีรถไฟทาคามัทสึ
สวนริทสึริน เป็นสวนที่จัดสวยงามเชิงภูมิทัศน์ มีมาตั้งแต่ยุคเอโดะตอนต้น สร้างสวน จัดสวนกัน100 ปีกว่าจะเสร็จ ประกอบไปด้วยสระน้ำ 6 สระ เนินเขาที่สร้างขึ้น 13 เนิน
http://wikitravel.org/en/File:Ritsurin.JPG#filelinks
คนญี่ปุ่นนั้นชอบจัดอันดับเช่น เมืองออนเซ็นที่เลิศ 3 อันดับ วิวที่สวยงามเลิศ 3 อันดับ และถึงเรื่องสวนก็เช่นกันค่ะ มีการจัดอันดับสวนสวยเลิศ 3 อันดับ ทว่า สวนริทสึรินไม่ได้ติดอันดับ 1 ใน 3 แต่คนญี่ปุ่นจำนวนมากก็ยังยกย่องว่าสวนริทสึรินนั้นงามไม่แพ้สวนทั้ง 3 ที่ติดอันดับ และควรจะไปอยู่บนเวทีอันดับที่เท่าเทียมกันด้วย
ให้ข้อมูลตรงนี้สักนิดค่ะ ว่าสวน 3 แห่งที่ได้รับการยกย่องมีที่ไหนกันบ้างสวน
ผู้เขียนได้ชมมาสองสวน ยังเหลือสวน Kairakuen แห่งเมืองมิโตะ ที่ยังไปไม่ถึงค่ะ สวนพวกนี้ก็สวยงามมากสมได้รับการยกย่อง และที่ได้ประจักษ์ว่าผ่านเวลามายาวนานสวนสวยเหล่านี้ก็ยังคงความงามอยู่เพราะเขามีการอนุรักษ์ ทะนุบำรุงที่ยอดเยี่ยมค่ะ
สวนริทสึริน นั้นกว้างใหญ่ไพศาลเดินกันให้ทั่วคงไม่ไหว
สวนแบ่งเป็น 2 โซนค่ะ ทางทิศใต้เป็นสวนสไตล์ญี่ปุ่น ทางทิศเหนือเป็นสวนสไตล์ตะวันตก หรือแบบฝรั่งนั่นเอง สวนนี้มีฉากหลังเป็นป่าเขากลมกลืนไปกับภูมิทัศน์ทั้งหมดของสวน
ญี่ปุ่นมีชื่อมากเรื่องการมองเลยออกไปกว้างไกลกว่าเฉพาะอาคารและพื้นที่ของตนสิ่งแวดล้อมโดยรอบไม่ว่าจะเป็นป่าเขาหรือแม่น้ำจะถูกนำมาพิจารณาในการออกแบบอาคารสถานที่ ไม่ได้สิ้นสุดแค่รั้วของตัวเอง การทำอย่างนี้เรียกว่า Borrowed Landscape หรือการยืมภูมิทัศน์ข้างเคียงเอามาเป็นส่วนหนึ่งของการออกแบบ
เราจะเห็นวิธีคิดอย่างนี้สะท้อนออกมาในแทบทุกที่ที่มีความสุนทรีเช่น สวน วัด อาคารสำคัญ จึงไม่น่าแปลกใจว่าเราไปเที่ยวตรงไหนก็จะรู้สึกสงบ ดื่มด่ำแบบนอบน้อมเป็นส่วนหนึ่งกับธรรมชาติในพื้นที่ตรงนั้น
เขาทำเส้นทางเดินแนะนำสำหรับผู้มีเวลาน้อยหรือสังขารไม่อำนวย เดินสัก 1 ชั่วโมงเป็นวงไม่ย้อนทางก็มาถึงทางออก หรือหากมีเวลามากเกินสองชั่วโมงก็ไปอีกเส้นทาง
ในสวนมีสระน้ำหลายสระ เนินเขาเตี้ยๆหลายลูก ต้นไม้จำนวนมากที่ปลูกมาแต่ครั้งโบราณและศาลาที่สวยงามกระจายตามจุดต่างๆ มีพิพิธภัณฑ์ นอกจากนี้ยังมีจุดนั่งพักมีร้านค้าเล็กๆซื้อเครื่องดื่ม ไอศกรีม ของขบเคี้ยวแล้วนั่งชมวิว ให้อาหารปลาในสระได้ด้วย
ชมสวนกันจนพอใจ(แบบเส้นทางเดินแค่ชั่วโมงเดียว โซนสวนแบบญี่ปุ่น) ก็ตัดสินใจว่าสมควรแก่เวลา ออกจากสวนก็พยายามหาสถานีรถไฟ
หาป้ายบอกทางก็ไม่ชัดเจน หลานเปิดGoogle Map แล้วเดินไปตาม ทำไมไม่เห็นสถานีรถไฟสักที โอย จนเมื่อยกันมากเลยค่ะ ครั้นจะเดินย้อนกลับไปขึ้นแท็กซี่ที่หน้าสวนก็มาไกลแล้ว
เห็นนักเรียนเดินกันมาเป็นกลุ่ม บ้างก็จูงจักรยานหลานสาวเลยไปถามว่าเรากำลังหาสถานีรถไฟ JR เพื่อจะกลับไปที่สถานีทาคามัทสึ หนุ่มน้อยสองสามคนก็รุมดูเส้นทางในโทรศัพท์ก็ทำท่างงๆ แล้วเปิดค้นจากโทรศัพท์ของตัวเอง แล้วบอกว่าให้เรายืนอยู่ที่เดิม เขาจะให้เพื่อนขี่จักรยานไปดูว่าที่เขาเจอข้อมูลนั้นใช่หรือไม่
หนุ่มน้อยพวกนี้คงเคยแต่ขี่จักรยานกลับบ้านเลยไม่ชำนาญเรื่องรถไฟ
ไม่กี่อึดใจเขาขี่จักรยานกลับมาส่งสัญญาณว่าเรามาถูกทาง ให้เดินตามเขาจะขี่นำทาง มีน้ำใจ แสนน่ารักค่ะ
กว่าเราจะเห็นป้ายบอกทาง ก็ต้องเดินไปอีกพอควรและป้ายเล็กมากๆ
ในที่สุดเราก็ถึงชานชาลาเล็กๆ ติดป่า มีนักเรียนเป็นสิบคนรอขึ้นรถไฟ หลานสาวถามหาข้อมูลว่าเราต้องนั่งขบวนใดไปสถานีใหญ่ทาคามัทสึ เขามีความรู้ตอบได้ชัดเจน และกำชับเราว่าขบวนถัดไปอย่าเพิ่งขึ้น เพราะไปคนละทาง นักเรียนส่วนใหญ่ไปกับขบวนนี้ค่ะ
*****
นั่งรถไฟท้องถิ่นไม่นานก็ถึงสถานีTakamatsu นั่งรถไฟข้ามน้ำข้ามทะเลกันอีกรอบ มีความสุขแบบผ่อนคลายค่ะ
อ่านแล้วได้ความรู้และได้ชมภาพสวย ๆ สมกับเป็นไกด์กิตติมศักดิ์นะคะอาจารย์นุช
ตามมาอ่านในรูปแบบของบันทึกค่ะ