29 ตุลาคม 2560
เรียน ผู้บริหาร เพื่อนครูและผู้อ่านที่รักทุกท่าน
วันจันทร์ที่ 23 ตุลาคม 2560 เป็นวันคล้ายวันสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ด้วยความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ รัฐบาลจึงได้ประกาศให้วันที่ 23 ตุลาคม ของทุกปีเป็น "วันปิยมหาราช" ซึ่งพระองค์ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณอันยิ่งใหญ่ต่อประเทศไทยหลายด้าน แต่สิ่งที่โดดเด่นที่สุด และทำให้ชาวไทยได้ปลดปล่อยอิสระแรงงาน ซึ่งถือเป็นการให้ชีวิตใหม่ต่อประชาราษฎร์ คือ การประกาศเลิกทาสนั่นเอง ทำให้พระองค์ทรงเป็นที่รักใคร่อย่างล้นเหลือของพสกนิกรทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ จึงทรงได้รับการถวายพระราชสมัญญานามว่า "สมเด็จพระปิยมหาราช" ซึ่งมีความหมายว่า "พระมหากษัตริย์ที่ทรงเป็นที่รักยิ่งของปวงชน" วันเสด็จเสด็จสวรรคตมีบันทึกเหตุการณ์ไว้ ดังนี้ "ค่ำวันเสาร์ที่22ตุลาคม พ.ศ 2453 ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต เป็นที่ทราบกันอย่างภายในราชสำนักแล้วว่าพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่5ทรงมีพระอาการมิสู้ดีนัก ดังนั้นตามระเบียบบนพระที่นั่ง บันไดทางเดินจึงเต็มไปด้วยเหล่าพระราชโอรส-ธิดา พระมเหสีนางใน ที่พากันมาคอยฟังพระอาการประชวร ซึ่งในขณะนั้นพระเจ้าอยู่หัวประทับอยู่บนพระแท่นบรรทม ในบางเวลานั้นก็ทรงหายพระทัยเข้าออกครั้งละยาวๆ โดยหายพระทัยทางพระโอษฐ์แรงๆ พระเนตรของพระองค์เหม่อลอยไม่จับใครเสียแล้ว ทรงลืมพระเนตรคว้างอยู่อย่างนั้นเอง สมเด็จพระนางเจ้าเสาวภาฯทรงกราบบังคมทูลถามพระเจ้าอยู่หัวว่า"เสวยพระสุธารส(น้ำดื่ม)ไหมเพคะ" พระเจ้าอยู่หัวก็ทรงตอบกลับโดยการพยักหน้า
"หม่อมฉันจะถวายพระโอสถแก้พระศอแห้งเพคะ" ครั้งนี้พระเจ้าอยู่หัวรับสั่งกลับว่า"ฮือ"
แต่ทันใดนั้นพระเจ้าอยู่หัวก็ทรงมีน้ำพระเนตรไหลออกมา คล้ายทรงพระกรรเเสง พระองค์จึงพยายามยกพระหัตถ์ทั้งสองข้างขึ้นมาเช็ดน้ำพระเนตรด้วยพระองค์เอง พระนางเจ้าสุขุมาลฯเห็นจึงรีบนำผ้าขึ้นมาซับน้ำพระเนตรถวาย โดยมีสมเด็จพระนางเจ้าสว่างวัฒนาฯประทับอยู่ปลายพระแท่นบรรทมคอยถวายงานนวดอยู่และรับสั่งให้หมอฝรั่งขึ้นมาถวายตรวจพระอาการ เวลาข้ามผ่านเที่ยงคืนมาเป็นวันที่ 23 ตุลาคม หมอแต่ละคนหมั่นผลัดเปลี่ยนกันขึ้นถวายตรวจชีพจร พระเจ้าอยู่หัวทรงหายพระทัยแผ่วเบาลงทุกทีๆ ไม่มีพระอาการกระวนกระวายแต่อย่างใด ยังคงบรรทมอยู่อย่างเดิม แต่พระเนตรของพระองค์จากที่มองคว้างอยู่ก็กลับค่อยๆหรี่แล้วหลับพระเนตรลงในที่สุด เจ้าพนักงานลงมาตามหมอฝรั่งขึ้นไปถวายตรวจพระอาการอีกครั้ง สักพักหมอจึงทูลกับเหล่าพระมเหสีที่ประทับเฝ้าพระอาการอยู่ ณ.ที่นั้นว่า...พระเจ้าอยู่หัวเสด็จสวรรคตเสียแล้ว
ทันใดนั้นเหล่าพระราชโอรส พระราชธิดา มเหสี สนม เจ้าจอมก็แย่งกันกรูเข้าไปดูพระบรมศพ เมื่อเห็นแล้วก็พากันล้มลงกับพื้นนอนร้องไห้คร่ำครวญเสียงระงมไปทั่วทั้งพระที่นั่ง โดยเฉพาะพระราชธิดาที่พากันนอนทอดกายกรรแสงเป็นลมกันยกใหญ่ ด้านสมเด็จพระนางเจ้าเสาวภาฯก็ทรงประชวรพระวาโย(เป็นลม)มีอาการชักกระตุกและหมดสติ หมอฝรั่งต้องรีบถวายยาฉีด ข้าหลวงจึงทูลเชิญขึ้นประทับบนพระเก้าอี้แล้วหามกลับตำหนักสวนสี่ฤดู สำหรับสมเด็จพระนางเจ้าสว่างวัฒนาฯก็ทรงประชวรพระวาโยเช่นกัน ทรงพระกรรเเสงยกใหญ่มิได้สติ ข้าหลวงทูลเชิญขึ้นพระเก้าอี้แล้วหามกลับตำหนักสวนหงส์ เห็นจะมีแต่พระนางเจ้าสุขุมาลฯพระองค์เดียวที่สามารถควบคุมพระสติได้ แต่ก็ยังพระกรรแสงแข็งพระทัยนั่งเป็นประธานอยู่ปลายพระแท่นที่พระบรมศพบรรทมอยู่ เมื่อเหตุการณ์เป็นเช่นนี้แล้ว เหล่าทหารมหาดเล็กจึงรีบเข้าปิดล้อมพระที่นั่งอัมพรสถานเพื่อถวายความปลอดภัยแก่องค์รัชทายาทซึ่งเป็นธรรมเนียมปฎิบัติในวันผลัดแผ่นดิน สมเด็จเจ้าฟ้ากรมพระภาณุพันธุ์ จึงทูลเชิญให้สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯเจ้าฟ้ามหาวชิราวุธผู้เป็นองค์รัชาทายาท เสด็จกลับลงไปยังชั้นล่างของพระที่นั่งอัมพรสถาน ในที่นั้นเหล่าพระบรมวงศานุวงศ์ฝ่ายหน้า เสนาบดี และองคมนตรียืนเข้าเฝ้าอย่างพร้อมเพรียงกัน จากนั้นสมเด็จเจ้าฟ้ากรมพระภาณุพันธุ์ จึงคุกพระชงฆ์(คุกเข่า)ลงกับพื้นแล้วกราบถวายบังคมแทบพระบาทของสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ และอัญเชิญเสด็จขึ้นเถลิงถวัลยราชสมบัติ เป็นพระเจ้าอยู่หัวองค์ต่อไป พระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่5ทรงประชวรด้วยโรคพระวักกะ(โรคไต)รวมพระชนมพรรษา58พรรษา" ยังความเศร้าโศกอาลัยแก่ชาวไทยทุกหมู่เหล่า ไม่เว้นแม้แต่พระสงฆ์องค์เจ้า ดังปรากฏว่าเมื่อมีการอัญเชิญพระบรมศพขึ้นประดิษฐานบนพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ภายในพระบรมมหาราชวัง และนิมนต์พระสงฆ์ขึ้นสดับปกรณ์ตามประเพณี พระราชาคณะชั้นผู้ใหญ่ก็ไม่สามารถกลั้นความเศร้าโศกอาลัยไว้ได้ ตามที่พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระราชนิพนธ์ไว้ในหนังสือ “ประวัติต้นรัชกาลที่ 6” ความว่า
“สมเด็จพระมหาสมณะเจ้า (ซึ่งเวลานั้นดำรงพระยศเปนกรมหลวงวชิรญาณวโรรส) ตรัสกับฉันพระสุรเสียงเครือและสอื้น, เสด็จกรมหมื่นชินวรสิริวัฒน์ (ซึ่งเวลานั้นดำรงพระยศเปนพระองค์เจ้าพระสถาพรพิริยพรต) ทรงสวดไม่ใคร่จะออก, สมเด็จพระวันรัตน (ฑิต) วัดมหาธาตุ, เสียงเครือจวนๆ จะเอาไม่อยู่, สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ฤทธิ์) วัดอรุณสวดพลางน้ำตาไหลพลาง, และสอื้นด้วย, และสมเด็จพระวันรัตน (จ่าย, เวลานั้นเปนพระธรรมวโรดม) วัดเบญจมบพิตร์, ร้องไห้อย่างคนๆ ทีเดียว”
นำเกร็ดประวัติศาสตร์จากบันทึกมาเล่าสู่กันฟังอีกครั้งหนึ่งเพื่อน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณ เมื่อก่อนเราอาจเข้าใจความรู้สึกของประชาชนยุคนั้นยากเพราะไม่ได้เกิดร่วมสมัย ต่อเมื่อได้เกิดสูญเสียในหลวงรัชกาลที่ 9 ความรู้สึกจึงย้อนกลับไปถึงรัชกาลที่ 5 แบบครบวงจร วันนี้ภาคเช้าไปแต่งหลังคาตัวเองเสียหน่อย เพราะเป็นวันหยุด ช่างตัดผมเอาแน่เอานอนไม่ได้ในเรื่องทรงผม ตัดกันใหม่ ๆ ออกแบบดีจนติดอกติดใจ พอไปอีกเพี้ยนทุกรายไป แต่ก็น่าเห็นใจคนโบราณบอกว่าใครเป็นช่างตัดผมเกิดชาติหน้าตาจะเหล่เพราะตัดผมไม่เสมอกัน ก่อนเที่ยงแวะซื้อของใช้ที่ บิ๊กซีบางใหญ่และถือโอกาสทานอาหารกลางวันที่ศูนย์อาหารของห้างเพราะมีอาหารเจขาย ปีนี้การทานเจไม่คึกคักเพราะความเศร้าโศกเสียใจของพสกนิกร แต่ผมทานเจปีนี้ด้วยใจที่จะถวายเป็นพระราชกุศลด้วย บ่ายเอาต้นไม้ลงกระถางได้ 3 ต้น นับว่าเป็นปาฏิหาริย์ที่ทำได้ด้วยตัวเองตั้งแต่ต้นจนเสร็จเหงื่อไหลแล้วสบายตัว เย็นไปฟังสวดพระอภิธรรมศพ คุณแม่ของ ผอ.สุรีพร ชูติกุลัง(เหน่ง) อดีต ผอ.รร.วัดสามัคคิยาราม ที่วัดหลักสี่
วันอังคารที่ 24 ตุลาคม 2560 เช้ามีงานที่สถาบันพัฒนาหลักสูตรฯ เป็นการพิจารณาหลักสูตรเปรียบเทียบของประเทศต่าง ๆ อาทิ ประเทศออสเตรเลียมีกรอบหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐานระดับชาติที่ใช้เป็นมาตรฐานเดียวกันทั้งประเทศ โดยที่ทุกโรงเรียนจะเปิดสอนวิชาใน 8 พื้นที่การเรียนรู้หลัก ได้แก่ ภาษาอังกฤษ คณิตศาสตร์ การศึกษาทางด้านสังคมและสิ่งแวดล้อม วิทยาศาสตร์ ศิลปะ และภาษาอื่นๆ ที่นอกเหนือจากภาษาอังกฤษ เทคโนโลยี การพัฒนาบุคลิกภาพ สุขศึกษา และพลศึกษา สำหรับโรงเรียนในระดับมัธยมศึกษาจะมีสาขาวิชาให้เลือกหลากหลายมากขึ้น ในขณะเดียวกันก็มีขอบเขตของเนื้อหาวิชาที่กว้างขวางมากขึ้น มีครูผู้สอนที่มีประสบการณ์และได้รับการฝึกอบรมมาเป็นอย่างดี และมีการใช้เทคโนโลยีในระดับสูง ไม่ว่าจะเป็นอินเตอร์เน็ต อุปกรณ์สื่อมัลติมีเดีย และห้องแล็ป การศึกษาขั้นพื้นฐานในประเทศออสเตรเลียจะให้ความสำคัญในเรื่องความสนใจและการเรียนรู้ของเด็กนักเรียน เป็นหลักเช่นเดียวกับการสอนให้มีวินัยในตนเอง การทำวิจัยและการเรียนรู้โดยผ่านการศึกษาค้นคว้า รัฐบาลรัฐและเขตปกครองแต่ละแห่งมีหน้าที่ความรับผิดชอบเบื้องต้นในการให้งบประมาณอุดหนุนโรงเรียนที่สังกัดภาครัฐ รวมทั้งให้การสนับสนุนช่วยเหลือโรงเรียนที่ไม่ได้สังกัดภาครัฐด้วย ในขณะที่รัฐบาลออสเตรเลียเป็นผู้ให้งบประมาณสนับสนุนทั้งโรงเรียนที่สังกัดภาครัฐและโรงเรียนที่ไม่ได้สังกัดภาครัฐ ซึ่งโรงเรียนที่ไม่ได้สังกัดภาครัฐส่วนใหญ่เป็นโรงเรียนที่เกี่ยวข้องกับศาสนา ในที่นี้ประมาณ 2 ใน 3 ของนักเรียนในโรงเรียนที่ไม่ได้สังกัดภาครัฐทั้งหมดเรียนอยู่ในโรงเรียนแคธอริค ในขณะที่ภาพรวมโดยส่วนใหญ่ร้อยละ 68 เรียนอยู่ในโรงเรียนที่สังกัดภาครัฐ ที่เหลืออีกร้อยละ 32 อยู่ในโรงเรียนที่ไม่ได้สังกัดภาครัฐ การศึกษาขั้นพื้นฐานในโรงเรียนที่สังกัดภาครัฐ นักเรียนไม่ต้องเสียค่าเล่าเรียน แต่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับกิจกรรมพิเศษอื่นๆ ซึ่งเป็นจำนวนเงินที่ไม่มากนัก เช่น ค่าใช้จ่ายในการไปทัศนศึกษา ค่าหนังสือ
โรงเรียนในเครือแคธอริคและโรงเรียนเอกชนทั่วไปจะกำหนดโครงสร้างค่าเล่าเรียนของตนเอง และจะได้รับเงินอุดหนุนจากทั้งรัฐบาลกลางและรัฐบาลมลรัฐ เสร็จภารกิจกลับเข้าสำนักงานเป็นเวลาเที่ยงพอดีจึงแวะทานอาหารเจที่ห้างบิ๊กซีรัตนาธิเบศร์ เยื้องโรงแรมริชมอนด์ มีอาหารเจมาเปิดขายเป็นการเฉพาะกิจ บ่ายทำงานแฟ้มเอกสารของกลุ่มงานต่าง ๆ เย็นแวะโฮมโปรซื้อสว่านไร้สายมา 1 ตัว ตั้งใจจะซื้ออย่างหนึ่งกลับได้อีกแบรนด์หนึ่ง เพราะอิทธิพลในการหว่านล้อมของคนขาย
นพุธที่ 25 ตุลาคม 2560 รถยนต์ที่ใช้เมื่อวานเจอฝนตลอดทางจึงสกปรกมาก เช้านี้จึงแวะล้างรถที่สถานีบริการน้ำมันเชลล์หน้าหมู่บ้าน ล้างสีใช้เวลาไม่นาน รถสะอาดเป็นเงาวับเหมือนเดิม เข้าที่ทำงานนอกจากแฟ้มเอกสารแล้ว ยังตรวจสอบความพร้อมของการไปช่วยออกครัวกระทรวงศึกษาธิการในนาม สพฐ. ในวันพรุ่งนี้ ผอ.อัมพร สงประชา แม่งานใหญ่ได้เตรียมการพร้อมทั้งคนและวัสดุ ผมอนุมัติงบประมาณไปดำเนินการส่วนหนึ่ง มีผู้ร่วมบริจาคอีกส่วนหนึ่ง การทำงานเพื่อในหลวงรัชกาลที่ 9 ทุกคนเต็มใจเพราะใครๆก็รักพระองค์ท่าน บ่ายไปกินเจที่ห้างเซ็นทรัลเวสเกต เป็นร้านเดอะเซ้าท์ ปกติขายอาหารใต้ วันนี้มีเมนูเจมาจำหน่าย 2-3 อย่าง รสชาติก็ยังคงเดิม ไปโฮมโปรราชพฤกษ์ ซื้อ TV SONY 1 เครื่องทดแทนเครื่องเก่าที่หารีโหมดไม่เจอและใช้งานมายาวนานเกินคุ้มแล้ว เป็นการเตรียมติดตามงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ไม่ให้พลาดโอกาสที่สำคัญยิ่งครั้งนี้ กลับบ้านก็ประกอบเครื่องแต่งกายเต็มยศ ตามหมายกำหนดการให้ประดับสายสะพายช้างเผือก ผมได้รับสูงสุดสาย 3 คือ วชิรมงกุฏ(มวม) ลดลงมาสาย 2 คือ ปช
วันพฤหัสบดีที่ 26 ตุลาคม 2560 เช้าวันนี้แต่งตัวเต็มยศ ไว้ทุกข์ รถมารับเวลา 07:30 น. เพื่อไปวัดบัวขวัญร่วมพิธีถวายดอกไม้จันทร์ของจังหวัดนนทบุรี ประชาชนมาร่วมพิธีกันมืดฟ้ามัวดินก็ว่าได้ เพราะรถติดยาว บนถนน ขบวนคนที่เข้าคิวผ่านจุดคัดกรองก็แถวยาวแต่เช้าตรู แดดดีมาก ไม่มีเค้าว่าจะมีฝนตกเหมือนวันที่ผ่านมาสำหรับข้าราชการเขาเรียงลำดับตามเครื่องราชอิสริยาภรณ์ที่ได้รับ ผมสาย 3 จึงได้ถวายดอกไม้จันทร์ชุดแรกพร้อมรองผู้ว่าราชการจังหวัดนนทบุรี นายสุธี ทองแย้ม ประธานในพิธี ทำพิธีเสร็จต้องรอสมาชิกที่มารถคันเดียวกันถวายกันครบถ้วน เดินสวนแถวประชาชนออกมารอรถที่ถนนด้านข้างโรงเรียนว้ดบัวขวัญ มีจิตอาสาคอยบริการอำนวยความสะดวกทั้งเครื่องดื่มและอาหาร ร้านค้าสองข้างทางปิดกิจการมาแจกน้ำและอาหารการกิน ยามนี้คนไทยน่ารักที่สุด สำนักงานเขตเปลี่ยนเสื้อผ้าเดินทางไปเยี่ยมครัวศึกษาธิการ รถวื่งสะดวกมากสามารถผ่านเข้าไปจอดถังอาคาร สพฐ.ใทักทายกับเขตพื้นที่ต่าง ๆ ที่มาออกร้านเลี้ยงประชาชน ครัวนนทบุรีเขต 1 ทำข้าวผัดไข่ทำกันแข็งแรงมาก ทั้งข้าราชการและลูกจ้าง ทั้งเขตทั้งโรงเรียน เห็นแล้วชื่นใจและอิ่มบุญที่ได้ทำถวายในหลวงในวาระสุดท้าย บ่ายตั้งใจจะไปวางดอกไม้จันทร์อีกรอบดูคิวรถที่จอดยาวต้องเปลี่ยนความคิดใหม่ เข้าบ้านดู TV ติดตามเหตุการณ์ในยามนี้น่าจะเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด เพราะไม่แข็งแรงเหมือนคนอื่นเขา ติดตามพระราชพิธีจนเลยเที่ยงคืน
กร์ที่ 27 ตุลาคม 2560 เช้าประชุมเกลี่ยอัตรากำลังที่ได้รับจัดสรรคืน จาก กพร.และสพฐ.ให้โรงเรียนที่ครูไม่เกินเกณฑ์ที่ กคศ.กำหนด บางตำแหน่งที่ได้คืนมายังมีเงื่อนไขว่าต้องมีนักเรียนไม่น้อยกว่า 250 คน จัดกันไปจนครบ เหลืออีก 3 อัตรา ให้ไปตรวจสอบอีกครั้ง หากไม่มีที่ลงจริง ๆ ก็ต้องคืน สพฐ.ไป เที่ยงมีการทำข้าวไข่เจียวเลี้ยงกันเป็นบารมีที่เผื่อแผ่หลังไปตั้งครัวที่กระทรวงศึกษาธิการตั้งแต่เช้าจนถึง 4 ทุ่มเมื่อคืนนี้ มีข้าวมีไข่เหลือมาจึงทำเลี้ยงในมื้อนี้ ผมกินเจจึงไม่ได้ลงไปทานกับเขา บ่ายประชุมทบทวนการเลื่อนขั้นเงินเดือน เพราะมีความคลาดเคลื่อนขั้นตอนการแจ้งผลการประเมิน จึงต้องดำเนินการให้ถูกต้อง เลิกประชุมมีแฟ้มมาให้ลงชื่อค่อนข้างมากโดยเฉพาะวุฒิบัตรการอบรมหลักสูตรต่าง ๆ เย็นตั้งใจว่าจะปลูกสวนครัวหน้าบ้านแบบเศรษฐกิจพอเพียง เสาร์อาทิตย์นี้จะไปทอดกฐินที่บ้านบางละมุง ขอบคุณทีมงานที่ช่วยให้งานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพในหลวงรัชกาลที่ 9 ในความรับผิดชอบลุล่วงไปด้วยดีไว้ ณ โอกาสนี้
นายกำจัด คงหนู
ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานนทบุรี เขต 1
ไม่มีความเห็น