วันที่ 12 กันยายน 2560 (ต่อ)
ช่วงแรก ๆ เราเจอนก Blackbird และนก Magpie พอเดินเข้าไปลึกขึ้นก็เห็นนกตัวเขียว ๆ บินจากต้นไม้ต้นหนึ่งไปอีกต้นหนึ่ง ใช่แล้วฝูงนกแก้วคอแหวนสีกุหลาบอาศัยอยู่ที่สวนนี้จริง ๆ ดิฉันใช้กล้องถ่ายรูป Cannon SX710HS ตัวเล็ก ไม่ได้เอากล้อง Nikon Coolpix P900 ไปใช้เพราะเห็นว่าจะพะรุงพะรังหลายชิ้น พี่สาวบอกว่าน่าจะใช้กล้องตัวใหญ่ จะได้ภาพชัด ๆ
Blackbird
Magpie
เก็บภาพนกแก้วคอแหวนสีกุหลาบ ได้หลายท่า
ภาพนี้ไม่ค่อยชัด แต่ท่าสวย
โพรงนี้คงจะเป็นบ้านของพวกเขา
ถ่ายภาพจนแบตเตอรี่กล้องหมด ต้องเดินกลับไปที่โรงแรม เรากลับไป check out แล้วเอากระเป๋าฝากที่โรงแรมไว้ก่อน การ check out สะดวกมาก แค่บอกพนักงานโรงแรมและคืนกุญแจก็เรียบร้อย
หลานสาวและลูกชายตื่นแล้ว เก็บข้าวของเรียบร้อยและ check out แล้วเช่นกัน เราสี่คนพากันเดินไปที่สวนสาธารณะแห่งเดิมอีกครั้ง แวะให้หลานและลูกชายทานอาหารเช้าระหว่างทาง เราตั้งใจจะกลับไปถ่ายรูปนกแก้วอีกแต่ไม่เจอตัวเหมือนตอนเช้า อาจเพราะตอนสาย ๆ พวกเขาออกไปหาอาหารที่อื่น
เป็ด Mallard ในสวน
ได้เวลาพอสมควรเราก็กลับไปเอากระเป๋าที่โรงแรม เดินไปขึ้นรถไฟสองต่อไปสนามบิน Schiphol เพื่อเดินทางไปเมือง Kristiansand ตอนขึ้นรถไฟลำบากหน่อยเพราะกระเป๋าใบใหญ่ของดิฉันหนักและลากยาก ต้องผลัดกันลากและยกขึ้น-ลงรถไฟ (คุยกับเพื่อนที่เมืองไทยทีหลังได้รู้ว่าพวกเขาเคยโดนฉกกระเป๋าใบเล็กบนรถไฟที่ Amsterdam โชคดีที่เราไม่เจอปัญหาแบบนั้น)
เดี๋ยวนี้การเดินทางไปต่างประเทศหรือต่างเมือง เราสามารถ check in ออนไลน์ได้ล่วงหน้า และมีตู้อัตโนมัติให้พริ๊นแทกติดกระเป๋าและโหลดกระเป๋าได้เอง ถ้าไม่คุ้นเคยก็เสียเวลาหน่อย เราผ่านขั้นตอนต่าง ๆ ได้ทันมีเวลาพักนิดหน่อยก่อน Boarding
เที่ยวบิน KL1209 เครื่องบินลำไม่ใหญ่ มีที่นั่งสองฝั่ง ๆ ละสองคน ใช้เวลาบินประมาณ 1 ชั่วโมง 20-25 นาที เราไปถึงสนามบิน Kristiansand ซึ่งเป็นสนามบินเล็ก ๆ ยังไม่มืด อากาศเย็น ๆ เพื่อนคนไทยของหลานสาวขับรถมารับ
พวกเราเดินทางถึงที่พักโดยสวัสดิภาพ กิจกรรมแรกคือทำอาหารไทยเป็นอาหารมื้อเย็น
วัลลา ตันตโยทัย
บันทึกเมื่อวันที่ 31 ตุลาคม 2560
ไม่มีความเห็น