กว่าจะมีวันนี้ของลูกผู้หญิงที่ก้าวจากความจน ยึดอาชีพในสิ่งที่ตนรัก ด้วยเส้นทางการทอผ้าไหมเป็นสายใยแห่งชีวิตลิขิตบนคราบน้ำตา #ก้าวสู่ครูภูมิปัญญาผ้าไหมเมืองสุรินทร์
วันที่ 25 มกราคม 2561 ผู้สื่อข่าวประจำจังหวัดสุรินทร์ ลงพื้นที่กลุ่มผ้าไหมย้อมไม้เก้ามงคลอาบโคลนดอกบัว บ้านไทร เลขที่ 20 หมู่ 7 ต.จารพัต อ.ศีขรภูมิ จ.สุรินทร์ พบนางสมใจ จำปาทอง และกลุ่มแม่บ้านกำลังช่วยกันทอผ้าไหมซึ่งมีกี่ทอ 5 ตัว อยู่บริเวณชั้นล่างของบ้าน คล้ายเป็นโรงทอผ้าขนาดย่อม โดยที่นี่เป็นจุดเด่นการย้อมไหมสีธรรมชาติ ด้วยการนำไม้มงคลเก้าชนิดผสมและอาบโคลนดอกบัว จึงทำให้ผ้าไหมทุกชิ้นมีความสวยงาม ประณีตและทรงคุณค่า ทุกชิ้นงาน ซึ่งจังหวัดสุรินทร์ได้ยกให้เป็นศูนย์เรียนรู้การทอผ้าและย้อมไหมสีธรรมชาติ ที่มีความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว จนเป็นที่รู้จักโด่งดังในระดับประเทศ
นางสมใจ จำปาทอง อายุ 49 ปี ประธานกลุ่มผ้าไหมย้อมไม้เก้ามงคลอาบโคลนดอกบัว บ้านไทร เล่าว่า “ตนเองเรียนจบชั้น ป.4 สมัยนั้นต้องออกมาช่วยพ่อแม่ทำงาน เพราะครอบครัวยากจน พ่อแม่มีที่ดินกว่า 100 ไร่ แต่ก็ต้องหมดไปเพราะโดนโกงตั้งแต่ตนยังเด็ก แม้แต่บ้านยังไม่มีอาศัยอยู่บ้านเล็กๆ จะขึ้นบันไดเหมือนจะหักอยู่ตลอดเวลา จึงทำให้ไม่มีเพื่อนไม่มีญาติพี่น้อง จึงสร้างแรงกดดัน ซึ่งความกดดันเป็นสิ่งที่ดีสำหรับตนที่สร้างตนให้มีความเข้มแข็ง มีพลังต่อสู้ให้มาถึงวันนี้ได้ ตนได้เรียนรู้ทอผ้าไหมตั้งแต่เป็นเด็กอายุ 12 ปี ช่วงเป็นสาวมีหนุ่มเข้ามาจีบแต่ตนจะต้องวิ่งหนี ไม่กล้าที่จะคบกับใครเพราะตัวเองรู้สึกอายที่ไม่มีบ้านอยู่ จากที่ในชีวติไม่มีอะไร และไม่คิดว่าจะได้มาอยู่ในจุดนี้ สิ่งที่ตนเองปรารถนาอยากมีบ้าน ตั้งใจทำงานทอผ้าไหม และพัฒนาต่อยอดจากการทอผ้าไหมทั่วไปประยุกต์ ให้เป็นผ้าไหมมงคลที่มีส่วนผสมจากย้อมสีธรรมชาติโดยไม้มงคลเก้าชนิด ได้แก่ 1. แก่นขนุน 2. แก่นมะขาม 3. แก่นมะยม 4. ดอกดาวเรือง 5. ต้นคูณ 6. ขมิ้น 7. ต้นอร่าง 8.ครั่ง และ 9.โคลนกอบัว รวมทั้งทอผ้าไหมลายดอกไม้มงคลต่างๆด้วย โดยมีลายผ้าไหมที่มีความเป็นเอกลักษณ์ ทั้งผ้าไหมดอกดาวเรืองที่มีความเชื่อว่าเป็นผ้ามงคลสู่ความรุ่งเรืองในชีวิต ผ้าไหมลายดอกกุหลาบเป็นผ้ามงคลในเรื่องของโชคลาภ ผ้าไหมลายดอกคูณ เป็นผ้ามงคลในความเชื่อของการมีคนค้ำคูณ เป็นต้น ผ้าไหมจะเน้นผู้สวมใส่ให้มีสุขภาพดี และมีโชคลาภ ส่วนผ้าไหมที่ตนภูมิใจมากที่สุดที่ทำให้ตนต้องร้องไห้น้ำตาไหลเมื่อผ้าไหมของตนเองได้ยกเป็นสินค้าโอทอปขึ้นเครื่อง นับเป็นผลตอบแทนถึงความอดทน มุ่งมั่นตั้งใจในอาชีพที่ตนรักเสมอมา จนปัจจุบันได้ประสบความสำเร็จที่ตนสามารถสร้างบ้านได้ด้วยตัวของตัวเองก็เพราะอาชีพการทอผ้าไหม ที่ให้ชีวิตได้มีอยู่มีกินถึงวันนี้”
นางสมใจ จำปาทอง กล่าวต่อไปอีกว่า “สำหรับชิ้นงานผ้าไหมลายประยุกต์ย้อมสีธรรมชาติของตนนั้นจะ เฉลี่ยราคา 6,000 – 12,000 บาท โดยปัจจุบันมีรายได้เฉลี่ย 200,000 -300,000 บาทต่อเดือน จากการขายผ้าไหม ทั้งที่มีคนเดินทางมาซื้อถึงบ้านและทางตลาดออนไลน์ ล่าสุดตนได้เปิดร้านผ้าไหมในตัวอำเภอศีขรภูมิด้วย เหนือสิ่งอื่นใดวันนี้ได้ส่งเสริมให้ชาวบ้าน รวมกลุ่มเพื่อสร้างอาชีพ สร้างรายได้ มีงานทำไม่ต้องไปทำงานต่างถิ่น ได้ในนามกลุ่มทอผ้าไหมมัดหมี่และยกดอกสีธรรมชาติบ้านไทร สำหรับความฝันในอนาคตตนอยากจะเปิดเป็นพิพิธภัณฑ์ผ้าไหมเพื่อเป็นศูนย์เรียนรู้ให้ผู้คนที่สนใจเดินทางมาเที่ยวชมด้วย เพราะตนเองมีวันนี้ได้ก็เพราะอาชีพการทอผ้าไหม ที่สามารถลืมตาอ้าปากอยู่ในสังคม มีเพื่อน มีกัลยาณมิตรที่ดี ก็เพราะเป็นอาชีพที่ตนรักและผูกพันมาตั้งแต่เด็ก”
ซึ่งนางสมใจ จำปาทอง ยังได้รับรางวัลต่างๆมากมาย ซึ่งผลิตภัณฑ์ที่การันตีผลงานสูงสุดของสินค้าโอทอป คือได้รับรางวัลเป็นผลิตภัณฑ์ ห้าดาว ตั้งแต่ครั้งแรกที่เข้ารับการคัดสรรเป็นสินค้าโอทอปของอำเภอศีขรภูมิ จากฝีมือและความประณีต ตลอดจนมีการพัฒนาลายผ้าไหมประยุกต์และย้อมสีธรรมชาติจากไม้มงคลเก้าชนิด ทำให้ชื่อเสียงของผ้าไหมมัดหมี่สีธรรมชาติของบ้านไทร ต.จารพัต อ.ศีขรภูมิ จ.สุรินทร์ เป็นที่รู้จักของคนทั่วไปอย่างกว้างขวางในวงการผ้าไหมของประเทศไทย จนมีนักท่องเที่ยว และผู้สนใจเดินทางเข้ามาชมอย่างต่อเนื่อง หากท่านใดสนใจสามารถติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ นางสมใจ จำปาทอง เบอร์โทรศัพท์ 0862572175